ทางการจีนเดินหน้าคุมเข้มความปลอดภัยของมือเปิดประตูรถยนต์ ภายหลังจากที่มีเคสอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้อง ไม่เว้นแม้แต่รถ SUV เกรดพรีเมี่ยมอย่าง Xiaomi SU7 ส่งผลให้กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศของจีน (MIIT) ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นสาธารณะเกี่ยวกับร่างมาตรฐานความปลอดภัยแห่งฉบับใหม่ ซึ่งกำหนดให้ประตูรถต้องสามารถเปิดได้ด้วยกลไก หลังเกิดการชนหรือแรงปะทะที่มาจากความร้อนสูงจากแบตเตอรี่รถไฟฟ้า
การเปิดรับความคิดเห็นดังกล่าวเกิดขึ้นระหว่างวันที่ 17–23 ธันวาคม 2025 และถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการปรับปรุงกฎระเบียบด้านความปลอดภัยทางรถยนต์ภาคบังคับของจีน ต่อเนื่องจากร่างข้อกำหนดที่เคยเผยแพร่ให้รับฟังความคิดเห็นไปแล้วเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา

ร่างมาตรฐานฉบับใหม่ระบุว่า ประตูด้านข้างทุกบานของรถยนต์ (ไม่รวมประตูท้าย) ต้องติดตั้งมือเปิดประตูภายนอกแบบกลไกเชิงกล เพื่อให้ผู้โดยสารหรือเจ้าหน้าที่กู้ภัยสามารถเปิดประตูได้โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือ แม้ในกรณีที่ระบบถุงลมนิรภัยทำงานเต็มรูปแบบ หรือเกิดการลุกลามของความร้อนจากแบตเตอรี่
ถึงแม้รถบางรุ่นจะใช้ระบบล็อกประตูแบบอิเล็กทรอนิกส์หรือระบบล็อกอัตโนมัติ ร่างข้อกำหนดได้ระบุไว้ชัดเจนว่าประตูต้องสามารถเปิดด้วยกลไกเชิงกลได้ แม้ระบบล็อกไฟฟ้าจะยังอยู่ในสถานะทำงานปกติหรือขัดข้องอยู่ก็ตาม
ตำแหน่งของมือจับประตูภายนอกจะต้องติดตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เข้าถึงได้ตามข้อกำหนด ไม่ว่าจะเป็นบริเวณบานประตูหรือกรอบประตู และต้องมีพื้นที่เพียงพอสำหรับการเปิดด้วยมือ เพื่อให้สามารถเปิดประตูได้แม้ในกรณีระบบไฟฟ้าหรือระบบควบคุมล้มเหลว
ด้านมือเปิดประตูภายใน รถทุกคันต้องมีมือจับแบบกลไกอย่างน้อยหนึ่งจุดต่อหนึ่งประตู และหากมีหลายตำแหน่ง ต้องสามารถเปิดประตูได้อย่างอิสระทุกตำแหน่ง โดยต้องมีอย่างน้อยหนึ่งตำแหน่งต้องมองเห็นได้ชัดเจนจากเบาะนั่ง พร้อมสัญลักษณ์บ่งชี้ตามมาตรฐานที่มีขนาดเหมาะสม สามารถมองเห็นได้ในสภาพแสงน้อย
ร่างกฎระเบียบดังกล่าวยังระบุวิธีการทดสอบกลไกอย่างละเอียด ทั้งการทดสอบแรงดึง การใช้งานในสภาวะจำลองการชน และการตัดระบบไฟ โดยมือจับภายนอกต้องทนแรงได้อย่างน้อย 500 นิวตัน ส่วนมือจับภายในต้องทนแรงได้อย่างน้อย 200 นิวตัน
การเคลื่อนไหวครั้งนี้สะท้อนทิศทางของจีนในการยกระดับมาตรฐานความปลอดภัยรถยนต์ โดยมุ่งเน้นให้ ประตูรถสามารถเปิดได้จริงในสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งในรถเครื่องยนต์สันดาปและรถพลังงานไฟฟ้า เพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่ผู้โดยสารและการช่วยเหลือหลังอุบัติเหตุ
ที่มา: Carnewschina
