ถีงแม้ Nissan จะต้องเผชิญความท้าทายทางธุรกิจหลายด้าน แต่บริษัทยังคงเดินหน้าผลักดันภาพลักษณ์ของแบรนด์รถยนต์สมรรถนะสูง NISMO อย่างจริงจัง โดยประกาศแผนขยายการทำตลาดภายใต้แบรนด์ NISMO ครั้งใหญ่ ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนรุ่นที่วางจำหน่ายทั่วโลกเป็นสองเท่า พร้อมใช้มอเตอร์สปอร์ตเป็นทั้งสนามทดสอบเทคโนโลยีและพื้นที่สำหรับการสร้างแบรนด์ ควบคู่ไปกับการต่อยอดธุรกิจการปรับแต่งและการบูรณะรถคลาสสิก

หัวใจของแผนนี้คือการขยายไลน์อัพ NISMO จาก 5 รุ่นเป็น 10 รุ่น ทั่วโลก และเพิ่มยอดขายจากประมาณ 100,000 คันต่อปี เป็น 150,000 คันภายในปี 2028 โดย Nissan ตั้งเป้าให้ยอดขายจากต่างประเทศเพิ่มจาก 40% เป็น 60% สะท้อนการผลักดัน NISMO ให้เป็นแบรนด์สมรรถนะสูงระดับโลกอย่างแท้จริง พร้อมเปิดรับความร่วมมือกับพันธมิตรภายนอกเพื่อเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์

 

มอเตอร์สปอร์ตยังคงเป็นแก่นหลักของตัวตน NISMO ภายใต้แนวคิด “Road to track, track to road” โดย Nissan ยืนยันการเข้าร่วมการแข่งขันรายการหลักอย่าง Super GT, Formula E และ Super Taikyu อย่างต่อเนื่อง รวมถึงเตรียมขยายไปสู่หมวดการแข่งขันใหม่ ๆ เพื่อใช้สนามแข่งเป็นห้องทดลองเคลื่อนที่สำหรับเทคโนโลยีรถสปอร์ตในอนาคต

หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือแผนส่งรถต้นแบบ NISMO ลงแข่งจริงตั้งแต่ปีงบประมาณ 2026 เพื่อเร่งพัฒนาทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ก่อนต่อยอดสู่รถโปรดักชันในภายหลัง ถึงแม้ Nissan จะยังไม่เปิดเผยรายละเอียด แต่กระแสข่าวคาดว่าอาจเป็น GT-R เจเนอเรชันใหม่

ปัจจุบัน ไลน์อัพของ NISMO แตกต่างกันไปในแต่ละตลาด ภายหลังการยุติการผลิต GT-R R35 ลูกค้าในอเมริกาเหนือเหลือทางเลือกเพียง Nissan Z และ Armada NISMO ขณะที่ญี่ปุ่นมีรุ่น NISMO ให้เลือกมากกว่า เช่น X-Trail Aura Note Aura Ariya และ Skyline ส่วนอนาคตอาจได้เห็น Leaf เวอร์ชันสปอร์ต และ แฮตช์แบ็กไฟฟ้าสมรรถนะสูงบนพื้นฐาน Micra สำหรับตลาดยุโรป

 

นอกจากนี้ Nissan ยังส่งสัญญาณว่าผลิตภัณฑ์ NISMO บางรุ่นในอนาคตอาจแปะตรา Infiniti โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าจะเป็นเวอร์ชันผลิตจริงของ QX80 Track Spec Concept ที่เปิดตัวในปี 2025 ซึ่งใช้เครื่องยนต์เบนซิน V6 ความจุ 3.5 ลิตร พร้อมระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์คู่ ให้พละกำลัง 650 แรงม้า พร้อมชุดแต่งดุดันและช่วงล่างที่เตี้ยลง แนวคิดเดียวกันนี้อาจถูกนำไปใช้กับ Q50S และ QX65 ในอนาคต

นอกจากนี้ NISMO ยังให้ความสำคัญกับมรดกในอดีต โดยตลาดบูรณะรถทั่วโลกมีมูลค่าราว 5 แสนล้านเยน และคาดว่าจะเติบโตเกิน 1.2 ล้านล้านเยนภายในปี 2032 Nissan ตั้งเป้าขยายธุรกิจ restoration restomod และอะไหล่แท้ โดยเริ่มจาก Skyline GT-R รุ่น R32 R33 และ R34 พร้อมเพิ่มรุ่นอื่น ๆ ในอนาคต เพื่อส่งต่อความหลงใหลและดีเอ็นเอสมรรถนะของ NISMO สู่แฟน ๆ ทั่วโลกอย่างยั่งยืน

 

ขณะที่บริษัท Nissan Motorsports & Customization Co., Ltd. (NMC) ก่อตั้งขึ้นในปี 2022 เกิดจากการผสานกิจกรรมมอเตอร์สปอร์ตของ Nissan ที่มีประวัติย้อนไปถึงปี 1936 การถือกำเนิดของแบรนด์ NISMO ในปี 1984 และการก่อตั้ง AUTECH JAPAN ในปี 1986 โดยยึดปรัชญาของ Nissan ที่ใช้มอเตอร์สปอร์ตเป็นเวทีในการพัฒนาบุคลากร เทคโนโลยี และรถยนต์เป็นแรงขับเคลื่อนหลัก NISMO จึงสืบทอดดีเอ็นเอนี้ไว้ พร้อมท้าทายขีดจำกัดใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง อาศัยความเชี่ยวชาญและจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันเพื่อยกระดับคุณค่าและพลังของแบรนด์

ที่มา: Nissan