ก่อนการเปิดฉาก Shanghai Motor Show 2025 Volkswagen ได้เผยโฉมรถต้นแบบรุ่นใหม่จำนวน 3 รุ่นรวด ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในแผนการรุกตลาดจีนครั้งใหญ่ เพื่อรองรับลูกค้ากลุ่มใหม่ที่เน้นความล้ำหน้าด้านเทคโนโลยีการขับขี่อัตโนมัติ
รถต้นแบบทั้ง 3 รุ่นนี้ถูกพัฒนาร่วมกับพันธมิตรสำคัญของ Volkswagen ในจีน ได้แก่ SAIC Volkswagen FAW Volkswagen และ Volkswagen Anhui ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นหัวหอกหลักในแผนเปิดตัวรถใหม่กว่า 30 รุ่นในตลาดจีนภายในอีก 2 ปีข้างหน้านี้
ID Era รถ SUV ขุมพลัง Range Extender รุ่นแรกของ Volkswagen ซึ่งพัฒนาร่วมกับ SAIC ซึ่งเป็นการผสานเครื่องยนต์เบนซินที่ทำหน้าที่เป็น generator สร้างพลังงานไฟฟ้าให้กับระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (BEV) เพื่อสร้างระยะทางวิ่งรวมได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตร ต่อการเติมเชื้อเพลิงและชาร์จแบตเตอรี่เต็ม
ภายในเป็นรถ SUV เบาะนั่ง 3 แถว 7 ที่นั่ง รูปลักษณ์และขนาดใกล้เคียงกับ Volkswagen Tayron รุ่นปัจจุบัน ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้ในครอบครัวที่ต้องการพิสัยการขับขี่ทางไกลแต่ยังอยากใช้พลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก
ขณะที่ ID Evo ที่เลือกใช้ขุมพลังไฟฟ้าบนงานวิศวกรรมพื้นฐานแรงดันไฟฟ้าสูง 800V จาก Volkswagen Anhui โดยถูกวางตำแหน่งเป็นพี่น้องกับ ID Unyx หรือที่เรารู้จักกันในชื่อ Cupra Tavascan ในยุโรป แต่มีการออกแบบที่แตกต่างด้วยรูปทรงตัวถังแบบ Hatchback ที่เป็นมิตรกับการใช้งานภายในครอบครัวมากกว่าแบบทรงท้ายลาด
ไฮไลต์สำคัญของ ID Evo คือสถาปัตยกรรมระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าที่เหนือกว่าแพลตฟอร์ม 400V ของ ID Unyx พร้อมระบบ Infotainment ที่เรียกว่า Zonal Architecture รูปแบบใหม่ล่าสุดที่สามารถรองรับการอัพเดท Over-the-Air (OTA) ได้อย่างรวดเร็ว
ID Aura รถซีดานขนาดกะทัดรัด สร้างขึ้นบนแพลตฟอร์ม Compact Main Platform หรือ CMP เจเนอเรชั่นใหม่ล่าสุดซึ่งพัฒนาโดย FAW-Volkswagen เป็นรถซีดานท้ายลาด Fastback ขนาดกะทัดรัด ที่มีลักษณะใกล้เคียงกับ VW Bora รุ่นเก่า ถูกวางตัวเพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์ขนาดเล็กในกลุ่ม A-Segment แต่ต้องการออฟชั่นพลังงานทางเลือกในราคาจับต้องได้
สำหรับงานวิศวกรรมพื้นฐาน Compact Main Platform (CMP) ซึ่งออกแบบมาเพื่อตลาดจีนโดยเฉพาะ รองรับการผลิตรถ NEV (New Energy Vehicle) ทุกรูปแบบทั้ง Plug-in hybrid รถ Range Extender และรถ EV เต็มรูปแบบ
Volkswagen ยืนยันว่า รถต้นแบบทั้ง 3 รุ่นจะติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี AI โดยรองรับการทำงานในระดับ Level 2++ ซึ่งในปี 2026 ระบบนี้จะรองรับการขับขี่อัตโนมัติที่หลากหลายฟังก์ชั่น ได้แก่ การเร่งแซง เลี้ยวเข้าโค้ง และการรวมตัวเข้ากับกระแสการจราจรได้อย่างอิสระ โดยผู้ขับขี่ยังคงต้องมีบทบาทควบคุมโดยรวมเพื่อความปลอดภัย
Volkswagen ระบุว่า “ในบางเงื่อนไขของการขับขี่ ตัวรถจะสามารถขับเคลื่อนอัตโนมัติเต็มรูปแบบ รวมถึงการเปลี่ยนเลนและเลี้ยว โดยมีผู้ขับขี่ทำหน้าที่กำกับดูแลอยู่เสมอ”
การเปิดตัวรถต้นแบบทั้ง 3 รุ่นนี้สะท้อนถึงความตั้งใจของ Volkswagen ในการตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วของตลาดจีน ทั้งในแง่ความนิยมรถยนต์พลังงานใหม่และความต้องการเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติขั้นสูง พร้อมตอกย้ำแผนการเปิดตัวรถใหม่ถึง 30 รุ่นภายใน 2 ปี ซึ่งนับเป็นการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ของ Volkswagen ในตลาดจีน
ที่มา: Autocar UK
