หลังจาก Alfa Romeo เปิดตัวรถ SUV รุ่นแรกของค่ายรุ่น Stelvio มาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปีและใกล้หมดอายุตลาดเข้าไปทุกที จึงมีภาพการจดสิทธิบัตรดีไซน์ของ Stelvio เจเนอเรชั่นใหม่หลุดออกมา ซึ่งเป็นการต้อนรับยุคของขุมพลังที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ที่เผยให้เห็นงานออกแบบรอบคันซึ่งเปลี่ยนจากรุ่นปัจจุบันไปพอสมควร แต่คาดว่าจะยังคงไว้ซึ่งคุณสมบัติการขับขี่ที่เช่นเคย เนื่องจากรุ่นพี่เจเนอเรชั่นแรก ได้รับการขนานนามว่าเป็นรถ SUV ที่ขับสนุกคันหนึ่งในตลาด

จากภาพหลุดชุดนี้สิ่งแรกที่สังเกตได้คือ การเปลี่ยนดีไซน์อย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับรุ่นเดิม ด้านหน้าโดดเด่นด้วยกระจังหน้าทรงสาเมหลี่ยมประจำชาติที่เรียกว่า Scudetto ที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าทรงเรียวยาว ที่คาดว่าจะเป็นที่อยู๋ของไฟ DRL และ ไฟเลี้ยว ขณะที่ไฟใหญ่จะติดตั้งแยกชิ้นอยู่บริเวณด้านมุมของกันชนหน้าตามสมัยนิยม 

ด้านข้างมาพร้อมล้ออัลลอยลายเฉพาะของแบรนด์ มีการปรับชิ้นงานกันกระแทกข้างประตูให้มีความโฉบเฉี่ยวมากยิ่งขึ้น ขณะที่มือเปิดประตูก็เปลี่ยนไปใช้แบบเรียบเนียนกับตัวรถ พร้อมด้วยกระจกหน้าต่างทรงโฉบเฉี่ยวที่แตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างสิ้นเชิง เหมือนเอาใจตลาดมะกันอยู่ไม่น้อยเนื่องจากเส้นบริเวณกระจกเสา C มีรูปทรงสามเหลี่ยมชัดเจน กระจกสามเหลี่ยมเล็กๆ ถูกย้ายไปไว้หลังประตูหลัง

เสริมความสปอร์ตด้วยหลังคาสีดำตัดกับสีตัวถังทูโทน ขณะที่ใต้ท้องรถดูเหมือนจะมีแบตเตอรี่ขนาดใหญ่ติดตั้งอยู่ ส่วนด้านท้ายติดตั้งไฟท้ายรูปทรงแปลกตา โดยเริ่มจากทรงวงรีที่บานหลังและเชื่อมต่อกันเป็นรูปสามเหลี่ยมบนฝากระโปรงท้าย ราวกับว่าจะเป็นการสะท้อนเอกลักษณ์ของกระจังหน้าแบบ Scudetto 

 

 

ขณะที่ด้านหลังปลายท่อไอเสียที่หายไปบ่งบอกว่ารถคันที่เห็นน่าจะเป็นรุ่นขุมพลังไฟฟ้าเต็มรูปแบบ อย่างไรก็ตาม Alfa Romeo ยังคงยืนยันว่าจะยังคงมีรุ่นขุมพลังเครื่องยนต์สันดาปภายในล้วนวางจำหน่ายอยู่เช่นเดิมควบคู่กันไป อีกทั้งตัวรถยังมาพร้อมงานวิศวกรรมพื้นฐานใหม่อย่าง STLA Large ที่รองรับตัวถังยาวสูงสุดถึง 5.12 เมตร 

เห็นได้ชัดว่า Alfa Romeo Stelvio ใหม่ มาพร้อมงานออกแบบที่กล้าหาญและแตกต่างจากรุ่นเดิม ด้วยดีไซน์ที่เปลี่ยนแนวจากความหรูหราผสมผสานความสปอร์ตสไตล์อิตาเลียน มาเป็นความดุดันและล้ำยุคมากขึ้น 

 

สำหรับรุ่นน้อง Alfa Romeo Giulia รุ่นถัดไปที่จะเปิดตัวในปี 2026 ก็มีแนวโน้มจะเปลี่ยนแนวทางไปเช่นกัน โดยได้เปลี่ยนจากตัวถังซีดานแบบดั้งเดิมมาใช้ตัวถัง Fastback 5 ประตู เพื่อความทันสมัยและตอบโจทย์ตลาดได้หลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งสองรุ่นจะย้ายไปใช้แพลตฟอร์ม STLA Large แทนงานวิศวกรรมพื้นฐาน Giorgio อันแพงระยับของเครือ FCA-PSA ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน

แม้จะมีการคาดเดาว่า Stelvio และ Giulia รุ่นแรงสุดอาจใช้เครื่องยนต์ Hurricane I6 ของ Dodge Charger แต่ทาง Alfa Romeo เคยยืนยันเมื่อปี 2023 ว่า จะยังคงใช้เครื่องยนต์ V6 ทวินเทอร์โบ 2.9 ลิตรของตัวเองต่อไป โดยได้รับการผ่อนปรนจากมาตรฐานมลพิษ Euro 7 ที่เข้มงวดน้อยกว่าที่คาดไว้ และยังมีความเป็นไปได้ที่กลุ่ม Stellantis อาจคงไว้ทั้งขุมพลัง V6 นี้และ V6 Nettuno ของ Maserati ด้วย อย่างไรก็ตาม แฟน ๆ อาจต้องรออีกสักระยะ เพราะดูเหมือนว่า Stelvio Quadrifoglio เวอร์ชันสมรรถนะสูงอาจไม่ได้เปิดตัวพร้อมกันในช่วงแรก ต้องอดใจรอกันต่อไป

ที่มา: Motor1