ใครจะรู้ว่า Jeep คาดหวังกับตลาดยุโรปเอาไว้มาก โดยเฉพาะเมื่ออยู่ภายใต้มือ Stellantis ที่มองภาพรวมมาเป็นอย่างดีแล้วว่า การบุกตลาดยุโรปด้วยแบรนด์รถอเนกประสงค์ที่เน้นภาพลักษณ์ที่บึกบึนอาจเป็นทางหนีทีไล่ที่ปฏิเสธไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อตลาดอเมริกาเหนือมีความผันผวนและเต็มไปด้วยคู่แข่งหน้าใหม่จำนวนมากทั้งจากแบรนด์สัญชาติเดียวกันหรือแบรนด์ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาโตวันโตคืนในทุกวันนี้ 

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2025 Jeep จึงได้เปิดตัว Compass รุ่นที่ 3 ที่ถึงแม้จะมีดีไซน์ภายนอกที่ดูพัฒนาต่อยอดจากรุ่นก่อน แต่ Compass ใหม่เป็นรถที่รื้อใหม่ทั้งหมด โดยเปลี่ยนจากงานวิศวกรรมพื้นฐานเดิมของ Fiat-Chrysler มาใช้ STLA Medium ซึ่ง Stellantis ใช้กับ Peugeot 3008 และ 5008 Opel Grandland และ Citroën C5 Aircross ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่นานนี้ 

 

ดีไซน์รอบคันทรงเหลี่ยมแบบ Jeep ยังคงอยู่ท่ามกลางกลุ่มรถครอสโอเวอร์ที่เน้นความโค้งมน ไฟหน้าแบนติดตั้งขนาบกระจังหน้า 7 ช่องรูปแบบใหม่ ขณะที่ไฟท้ายทรง X เชื่อมต่อกันด้วยแถบไฟพร้อมโลโก้ Jeep ที่เรืองแสงได้ พร้อมด้วยชิ้นส่วนพลาสติกที่เสริมความดุดันตามตัวถังและซุ้มล้อสี่เหลี่ยมซึ่งสะท้อนถึงความเป็น Jeep อย่างแท้จริง กระจกด้านหลังที่มีขนาดใหญ่ขึ้นบ่งบอกถึงตัวถังที่ใหญ่ขึ้นและจะช่วยให้ทัศนวิสัยดีขึ้นเช่นเดียวกัน

 

รุ่นท็อปจะมาพร้อมหลังคาสีดำ ไฟหน้า Matrix LED และหลังคาซันรูฟ ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วแบบทูโทน รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อจะมีความสูงใต้ท้องรถสูงสุด 7.9 นิ้ว มุมไต่ 20 องศา มุมกลาง 15 องศา และมุมจาก 26 องศา พร้อมสามารถลุยน้ำลึกได้สูงสุด 18.5 นิ้ว และมีระบบควบคุมความเร็วลงทางลาดชันติดตั้งเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน

 

แม้ภายนอกจะดูคล้ายรุ่นเดิม แต่ห้องโดยสารภายในบ่งบอกได้ชัดว่าคือรถรุ่นใหม่ทั้งหมด รถรุ่นพื้นฐานจะมาพร้อมหน้าจอสัมผัสแนวนอนขนาด 16 นิ้ว และหน้าจอแสดงผลการขับขี่ขนาด 10 นิ้ว ถึงกระนั้น Jeep ยังคงให้ปุ่มควบคุมแบบดั้งเดิมไว้ใต้จอ Infotainment รวมถึงสวิตช์สีแดงสำหรับระบบ Selec-Terrain ที่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ให้เหมาะสมกับรูปแบบพื้นผิว พร้อมด้วยปุ่มเบรกมือไฟฟ้าขนาบทั้งสองด้านของปุ่มเกียร์แบบหมุน

 

Jeep Compass รุ่นใหม่นี้จะมีขุมพลังให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบ Mild-hybrid Plug-in hybrid และ EV สำหรับตลาดยุโรปรุ่นพื้นฐานจะใช้เครื่องยนต์เบนซินแบบ Mild-hybrid 48V ให้พละกำลัง 145 แรงม้า รุ่น Plug-in hybrid ให้พละกำลัง 195 แรงม้า ส่วนรุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนเริ่มต้นที่ 213 แรงม้าในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า และสูงสุดถึง 375 แรงม้าในรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ โดยใช้มอเตอร์หลังรุ่นใหม่ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ Jeep ซึ่งสามารถปีนทางลาดชัน 20% ได้แม้ล้อหน้าไร้แรงยึดเกาะ

Jeep ระบุว่ารุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อแบบมอเตอร์คู่จะวิ่งได้ไกลสูงสุด 650 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้งตามมาตรฐาน WLTP แต่ไม่ได้เปิดเผยขนาดแบตเตอรี่แต่อย่างใด ขณะที่รุ่นมอเตอร์เดียวขับเคลื่อนล้อหน้าพร้อมแบตเตอรี่ 74.0 kWh จะวิ่งได้ราว 500 กม.

 

นอกจากนี้ ทีมวิศวกรยังได้ออกแบบให้ใต้ท้องรถเรียบ พร้อมล้ออัลลอยที่เน้นหลักอากาศพลศาสตร์และมีระบบปิดเปิดกระจังหน้าแบบ Active ทั้งนี้ Jeep Compass ใช้การชาร์จไฟกระแสตรง DC 160 kW :ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 30 นาที ในการชาร์จจาก 20% เป็น 80%

Jeep เริ่มเปิดรับจอง Compass ใหม่ในยุโรปแล้ว โดยมีรุ่น First Edition จำนวนจำกัด และจะพร้อมส่งมอบในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีนี้ ภายหลังจากที่ได้เริ่มสายการผลิตที่โรงงาน Melfi ในอิตาลี 

 

ทั้งนี้ Jeep ตัดสินใจยกเลิกจำหน่ายเครื่องยนต์ดีเซลในรุ่นนี้ ปิดฉากเครื่องยนต์ดีเซลที่เคยมีส่วนแบ่งตลาดกว่า 50% ในยุโรปช่วงต้นทศวรรษก่อน

สำหรับรุ่นที่จำหน่ายในสหรัฐฯ ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการ โดยคาดว่าจะเปิดตัวในปีหน้าในฐานะรุ่นปี 2027 (2027MY) และผลิตจากโรงงาน Brampton Assembly ในรัฐออนแทรีโอ ประเทศแคนาดา อย่างไรก็ตาม Stellantis ได้หยุดการผลิตที่โรงงานนี้ชั่วคราวตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เพื่อทบทวนกลยุทธ์การผลิตในอนาคต เหตุความผันผวนของนโยบายของรัฐบาลสหรัฐฯ

ที่มา: Motor1