ภายหลังจากที่ค่าย 4 ห่วง ได้เปิดตัว Audi A6 ในรูปแบบตัวถังแวกอน Avant เมื่อเดือนมีนาคม 2025 และตัวถังซีดานตามมาในเดือนเมษายน 2025 โดยทั้ง 2 ถูกสร้างขึ้นบนงานวิศวกรรมพื้นฐาน Premium Platform Combustion (PPC) ด้วยขุมพลัง Mild-hybrid ทั้งรูปแบบเบนซินและดีเซลในช่วงแรก

จนกระทั่งวันที่ 6 พฤษภาคม 2025 จึงได้เปิดตัว A6 รุ่นขุมพลัง Plug-in hybrid (PHEV) รหัสตัวถัง C9 ทั้งในรูปแบบตัวถังซีดานและแวกอน Avant สำหรับตลาดยุโรป โดยรถรุ่นนี้สามารถวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้าเพียงอย่างเดียวได้ไกลถึง 111 กม. ในรุ่นซีดาน และ 106 กม. ในรุ่นแวกอน จึงถือเป็นการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับ A6 PHEV รุ่นก่อน ซึ่งแบตเตอรี่ในรถรุ่นใหม่นี้มีความจุเพิ่มขึ้นถึง 45% โดยใช้แบตเตอรี่ความจุ 20.7 kWh ติดตั้งอยู่ใต้พื้นห้องโดยสารด้านหลัง พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) เป็นมาตรฐานในทุกรุ่นย่อย

 

A6 PHEV ใหม่มีขุมพลังให้เลือก 2 เวอร์ชั่น โดยทั้งคู่ใช้เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบความจุ 2.0 ลิตร 248 แรงม้า ทำงานร่วมกับมอเตอร์ไฟฟ้า แต่ให้ตัวเลขของพละกำลังรวมแตกต่างกัน รุ่นพื้นฐานให้กำลังรวม 295 แรงม้า ทำอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 6.0 วินาที ส่วนรุ่นที่แรงกว่ามีกำลังรวม 362 แรงม้า ทำอัตราเร่งเหลือเพียง 5.3 วินาที มีโหมดการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้าล้วนสามารถทำความเร็วสูงสุดที่ 140 กม./ชม. แต่หากใช้งานร่วมกับเครื่องยนต์จะสามารถทำความเร็วได้ถึง 250 กม./ชม. พร้อมระบบเบรกแบบชาร์จไฟกลับ Regenerative braking ที่สามารถปรับระดับได้ผ่านแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย

 

อีกหนึ่งจุดเด่นคือการอัปเกรดระบบชาร์จไฟฟ้า โดยรุ่นใหม่นี้มาพร้อมกับระบบชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC ขนาด 11 kW (เพิ่มจากเดิม 7.4 kW) ซึ่งช่วยให้สามารถชาร์จแบตเตอรี่เต็มได้ภายใน 2.5 ชั่วโมง นอกจากนี้ยังสามารถใช้เครื่องยนต์เพื่อชาร์จแบตเตอรี่ได้เมื่อขับขี่ที่ความเร็วเกิน 65 กม./ชม. แต่จะสามารถชาร์จได้สูงสุดเพียง 75% เท่านั้น หากต้องการชาร์จเต็ม 100% จะต้องใช้การเสียบปลั๊กชาร์จเพิ่มเติมเท่านั้น

 

นับว่าเป็นแนวทางที่ชัดเจนภายหลังจากที่ค่ายได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการตั้งชื่อเพื่อไม่ให้แฟนๆสับสน และไม่ได้เน้นแต่เพียงขุมพลังไฟฟ้าล้วนเท่านั้น และยังคงไว้ซึ่งรูปแบบของขุมพลังที่หลากหลายไว้เช่นเดิม เนื่องจากความต้องการของขุมพลังไฟฟ้าล้วนมีความผันผวนตามความต้องการจากตลาดทั่วโลก

 

อีกทั้ง A6 PHEV รุ่นใหม่ก็มีประสิทธิภาพและระยะทางที่วิ่งได้ในหมวดพลังงานไฟฟ้าล้วน จนกลายเป็นทางเลือกที่น่าสนใจนอกเหนือจาก A6 e-tron รุ่นไฟฟ้าล้วน ซึ่งแม้จะวิ่งได้ไกลกว่า 600 กม. ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง และมีอัตราเร่งใกล้เคียงกัน จึงทำให้หน้าที่ตกเป็นของลูกค้าที่จะต้องพิจารณาในแง่ของการใช้งานจริงและโครงสร้างพื้นฐานในการชาร์จไฟฟ้าที่อาจยังไม่สมบูรณ์ในบางพื้นที่

ทั้ง 2 เวอร์ชันมาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อและระบบบังคับเลี้ยวล้อหลัง (rear-axle steering) เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน โดยในสหราชอาณาจักร รุ่นซีดานเริ่มต้นที่ราคา 61,755 ปอนด์หรือประมาณ 2,703,870 บาท ขณะที่รุ่นแวกอนเริ่มต้นที่ 63,705 ปอนด์หรือประมาณ 2,789,248 บาท ส่วนรุ่น 362 แรงม้าจะมาพร้อมชุดแต่ง S line ซึ่งรวมถึงช่วงล่างแบบสปอร์ต ล้ออัลลอยขนาดใหญ่ และคาลิเปอร์เบรกสีแดง โดยเพิ่มราคาจากรุ่นพื้นฐานประมาณ 8,000 ปอนด์หรือประมาณ 350,270 บาท

ที่มา: Carscoops