ภายหลังจากที่ Toyota เผยโฉม Corolla Cross Model Year 2026 รุ่นปรับโฉมสำหรับยุโรป ที่มาพร้อมรุ่นย่อยสปอร์ตอย่าง GR Sport ให้เลือกเพิ่มเติม ขณะเดียวกันในอีกซีกโลกก็ได้เปิดตัว Model Year 2026 เวอร์ชั่นอเมริกาเหนือ ที่ปรับงานออกแบบและอุปกรณ์เล็กน้อย
Corolla Cross รุ่นปี 2026 เวอร์ชั่นอเมริกาเหนือที่มาพร้อมกับการปรับโฉมภายนอกและภายในใหม่ เพิ่มความทันสมัยและความสะดวกสบายให้กับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร การออกแบบด้านหน้ามีความแตกต่างระหว่างรุ่น Hybrid และรุ่นเครื่องยนต์เบนซินล้วน โดยรุ่น Hybrid มาพร้อมกระจังหน้าสีเดียวกับตัวรถที่ดูทันสมัยยื่งขึ้นแบบเดียวกันกับเวอร์ชั่นที่วางจำหน่ายในไทย ในขณะที่รุ่นเบนซินมีการออกแบบกระจังหน้าใหม่ที่ดูแข็งแกร่งและบึกบึนมากกว่า
นอกจากนี้ยังมีสีภายนอกใหม่ “สีฟ้า Cavalry Blue” ถูกเพิ่มเข้ามาในรุ่น LE XLE SE และ XSE โดยเฉพาะในรุ่น SE และ XSE ยังมีตัวเลือกสีทูโทนที่จับคู่กับหลังคาสีดำ Jet Black เพื่อเพิ่มความโดดเด่นด้วยล้ออัลลอยขนาด 18 นิ้ว ที่มีให้เลือกทั้งแบบสีเทาเข้มในรุ่น XLE และสีดำเงาในรุ่น XSE
ขณะที่ภายในห้องโดยสารก็ได้รับการปรับปรุงด้วยคอนโซลกลางแบบใหม่ที่เพิ่มพื้นที่ใช้สอย และหน้าจอสัมผัสขนาด 10.5 นิ้วที่มีให้เลือกในรุ่น XLE และ XSE พร้อมกับหน้าจอแสดงผลข้อมูลการขับขี่แบบ Full digital ขนาด 7 นิ้วหรือ 12.3 นิ้ว นอกจากนี้ รุ่น XLE AWD และ Hybrid XSE ยังมาพร้อมแพ็กเกจ Cold-Weather ที่มาพร้อมพวงมาลัยและเบาะหน้าที่มีระบบอุ่น
Corolla Cross รุ่นปี 2026 ถูกผลิตในเมืองฮันต์สวิลล์ รัฐ Alabama สหรัฐอเมริกา มีให้เลือกทั้งรุ่น Hybrid และรุ่นเครื่องยนต์เบนซิน รุ่น Hybrid มีให้เลือก 3 เกรด ได้แก่ S SE และ XSE มาพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ Electronic On-Demand AWD เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซินมีให้เลือกทั้งหมด 3 เกรด ได้แก่ L LE และ XLE โดยสามารถเลือกได้ทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) หรือขับเคลื่อน 4 ล้อ (AWD)
รุ่น Hybrid ใช้ระบบ Hybrid Electric Vehicle (HEV) เจเนอเรชั่นที่ 5 ประกอบด้วยเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร และมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัว ให้พละกำลังรวม 196 แรงม้า และอัตราเร่ง 0-60 ไมล์ต่อชั่วโมงภายในเวลา 8 วินาที พร้อมอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยที่ประมาณ 42 ไมล์ต่อแกลลอน (MPG)
ขณะที่รุ่นเครื่องยนต์เบนซินใช้เครื่องยนต์ Dynamic Force 4 สูบ ความจุ 2.0 ลิตร ให้กำลัง 169 แรงม้า จับคู่กับระบบเกียร์อัตโนมัติแบบ CVT ที่มีโหมด Shift Mode รุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า (FWD) มีอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 32 MPG ขณะที่รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ (AWD) มีอัตราประหยัดน้ำมันเฉลี่ยประมาณ 30 MPG
ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 เป็นมาตรฐานในทุกเกรด ประกอบด้วยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบป้องกันการชนด้านหน้า พร้อมการตรวจจับคนเดินถนน ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลน พร้อมช่วยควบคุมพวงมาลัย และระบบช่วยอ่านป้ายจราจร
ที่มา: Carscoops
