Lexus เปิดตัว LC500 Pinnacle Edition รุ่นพิเศษสำหรับตลาดญี่ปุ่น ซึ่งอาจเป็นการส่งท้ายอย่างเป็นทางการของรถสปอร์ตเรือธงรุ่นนี้ ก่อนจะมีการเปลี่ยนโฉมหรือยุติการผลิตในอนาคต แม้ยังไม่มีการประกาศอย่างเป็นทางการจาก Lexus ถึงกำหนดการเปิดตัวของตัวตายตัวแทนในอนาคตอันใกล้นี้

 

LC500 Pinnacle มีพื้นฐานจากรุ่น LC500 ทั้งรูปแบบตัวถังคูเป้และเปิดประทุน เสริมความโดดเด่นด้วยชุดแต่งแอโร่ไดนามิกทั้งคานาร์ดหน้าสีดำ สปอยเลอร์หลังคาร์บอนไฟเบอร์ (เคยใช้ครั้งแรกในรุ่น Aviation ปี 2020) และล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว เคลือบผิวสีดำซับแสงเพื่อเสริมความหรูหราและดุดันในคราวเดียวกัน

 

สีตัวถังของรุ่นคูเป้เป็นสีดำ Oborogin พร้อมเคลียร์โค้ทแบบด้าน ขณะที่รุ่นเปิดประทุนเลือกใช้สีเทา Neutrino Gray จับคู่กับหลังคาผ้าใบสีน้ำตาล ห้องโดยสารของรุ่นคูเป้ตกแต่งด้วยโทนดำ-ขาว ส่วนรุ่นเปิดประทุนเน้นความหรูหราด้วยสีน้ำตาล Saddle Tan คู่กับสีขาว ทั้งสองรุ่นมีป้ายบ่งบอกความพิเศษ “LC Limited Edition” บนคอนโซลกลาง แผ่นสคัฟเพลทคาร์บอนไฟเบอร์และลายปักพิเศษบนแผงหน้าปัด

 

หัวใจขับเคลื่อนยังคงเป็นเครื่องยนต์เบนซิน V8 ความจุ 5.0 ลิตร แบบไม่มีระบบอัดอากาศ กำลังสูงสุด 471 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 540 นิวตัน-เมตร ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 10 จังหวะ สู่ล้อหลัง พร้อมเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปที่ปรับจูนพิเศษเพื่อเพิ่มอารมณ์สปอร์ต

สำหรับรุ่นคูเป้จะได้รับการติดตั้งระบบช่วงล่างใหม่ที่ผลิตจากอะลูมิเนียมแบบกลวง เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและการยึดเกาะ รวมไปถึงลดน้ำหนักลงได้อีกด้วย ขณะที่ช่วงล่างของรุ่นเปิดประทุนได้รับการปรับจูนให้นุ่มนวล เหมาะกับการขับขี่แบบผ่อนคลายมากกว่า

 

Lexus LC500 Pinnacle Edition ผลิตจำกัดเพียง 100 คันต่อรุ่นตัวถัง (คูเป้และเปิดประทุน) จำหน่ายเฉพาะในญี่ปุ่น ราคาตั้งไว้ที่ 17,800,000 เยน ประมาณ 4.5 ล้านบาท โดยรถจำนวนครึ่งหนึ่งจะจำหน่ายผ่านระบบจับสลาก เปิดให้ลงชื่อระหว่างวันที่ 24 กรกฎาคม ถึง 7 สิงหาคม 2025 นี้ และประกาศผลวันที่ 18 สิงหาคม

นอกเหนือจากรุ่น Pinnacle Edition Lexus ยังคงวางจำหน่ายรุ่นปกติทั้ง LC500 (ขุมพลัง V8) และ LC500h (ขุมพลัง V6 Hybrid) สำหรับตลาดญี่ปุ่น แม้รุ่น Hybrid จะถูกถอดออกจากไลน์อัพในสหรัฐอเมริกาแล้วก็ตาม สำหรับรุ่น Model year 2026 สำหรับตลาดญี่ปุ่นยังได้รับการปรับโฉมเล็กน้อย เช่น สติกเกอร์บริเวณประตูที่ “ช่วยเสริมความแข็งแรงของโครงสร้าง” พร้อมเริ่มจำหน่ายอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 4 สิงหาคมนี้

ที่มา: Carscoops