การมาถึงของยุครถยนต์ EV ได้เปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไปอย่างสิ้นเชิง ไม่เพียงแต่วงการรถยนต์ส่วนตัวที่ใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังรวมถึงการสร้างสถิติใหม่ ๆ ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นไปไม่ได้ โดยใช่เพียงแค่ระยะทางสูงสุดหรือความเร็วสูงสุด โดยล่าสุด Mercedes-AMG ได้โชว์ศักยภาพของงานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับขุมหลังไฟฟ้ารุ่นใหม่ ผ่านโปรเจกต์สุดโหดที่เรียกว่า “การขับรอบโลกภายใน 8 วัน” พร้อมทำลายสถิติระดับโลกด้านระยะทางระยะยาวของรถ EV กว่า 25 รายการ

 

ถึงแม้จะใช้คำว่า “ขับรอบโลก” แต่ความจริงคือ Mercedes-AMG ได้ใช้สนามทดสอบ Nardò Ring ในประเทศอิตาลีเป็นสถานที่ประลองสถิติใหม่ โดยสนามแห่งนี้มีความยาวต่อรอบกว่า 12.6 กิโลเมตร และถูกออกแบบมาสำหรับการทดสอบความเร็วสูงโดยเฉพาะ

 

โปรเจกต์นี้ใช้รถต้นแบบ Concept AMG GT XX จำนวน 2 คัน ขับต่อเนื่องโดยนักขับจำนวนกว่า 17 คน สลับกันทำงานตลอด 24 ชั่วโมง 7 วันเต็ม พร้อมทีมสนับสนุนครบครัน ทั้งช่างเทคนิค วิศวกร เจ้าหน้าที่ดับเพลิง และทีมความปลอดภัย

รถทั้งสองคันสามารถทำระยะทางรวมได้ 24,901 ไมล์ (40,074 กิโลเมตร) หรือเทียบเท่ากับการขับรอบโลกได้สำเร็จ โดยใช้เวลาเพียง 7 วัน 13 ชั่วโมง 24 นาที 7 วินาที รวมกว่า 3,177 รอบสนาม

 

ตลอดการทดสอบ Mercedes-AMG ไม่ได้เพียงแค่พิชิตระยะทางรวม แต่ยังทำลายสถิติด้านความอึดของรถ EV มากถึง 25 รายการ เช่น

  • ระยะทางไกลที่สุดภายในเวลา 24 ชั่วโมง : 3,404 ไมล์ (มากกว่าสถิติเดิมเกือบ 1,000 ไมล์)
  • ระยะทางรวมเกิน 25,000 ไมล์ ภายในเวลาไม่ถึง 8 วัน
  • การใช้ความเร็วเฉลี่ย 300 กม./ชม. (186 mph) อย่างต่อเนื่อง ซึ่งทีมงานพบว่าความเร็วเฉลี่ยระดับนี้เป็น “จุดสมดุล” ที่ดีที่สุดระหว่างเวลาในการขับต่อเนื่องและรอบการชาร์จไฟ

Concept AMG GT XX ใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานสำหรับขุมพลังไฟฟ้าใหม่ล่าสุด AMG.EA แบบแรงดันไฟฟ้าสูง 800 V ติดตั้งมอเตอร์แกนฟลักซ์ (Axial-Flux Motor) จำนวน 3 ตัว อยู่ใน 2 Electric Drive Units ขับเคลื่อน 4 ล้ออย่างเต็มรูปแบบ พร้อมแบตเตอรี่แบบ Liquid-cooled ที่รองรับการชาร์จด้วยกำลังไฟสูงถึง 850 kW

 

สมรรถนะสูงสุดของต้นแบบรุ่นนี้อยู่ที่ 1,360 แรงม้า มากกว่า Lucid Air Sapphire แต่ยังน้อยกว่า Xiaomi SU7 Ultra ที่มีตัวเลขเคลมอยู่ที่ 1,548 แรงม้า ทว่าประเด็นที่ Mercedes ต้องการสื่อจากการทดสอบสุดโหดครั้งนี้ ได้แก่ ความสามารถของรถ EV ที่ไม่ควรจะเน้นแต่ “แรงม้า” เพียงอย่างเดียว แต่ควรพิสูจน์ความทนทาน ความเสถียร และการใช้งานได้จริงในการเดินทางไกลได้ด้วย ถึงแม้จะเป็นรถ EV สมรรถนะสูงก็ตาม

การทดสอบครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่า ในอนาคตอันใกล้ รถยนต์ไฟฟ้าอาจไม่ใช่แค่ “แรง” หรือ “เร็ว” แต่ยังสามารถวิ่งได้ระยะทางไกลเช่นเดียวกับรถสันดาปที่เคยครองโลกมากว่า 100 ปี

ที่มา: Carscoops , Motor1