หลังจากนำเข้า รถตู้ Serena ทั้ง C27 และ C28 มาเปิดตลาดเอาใจกลุ่มลูกค้าครอบครัวที่อยากได้รถตู้ ประตูสไลด์ จนประสบความสำเร็จได้ด้วยดี Nissan จึงเริ่มใจชื้นขึ้น เตรียมนำ SUV ขนาดกลางรุ่นขายดีที่สุดทั่วโลกของตน อย่าง X-Trail กลับมาทำตลาดในเมืองไทยอีกครั้ง เพียงแต่ว่า คราวนี้ จะเปลี่ยนรูปแบบเป็น การนำเข้ารถยนต์ประกอบสำเร็จรูป CBU (Complete Built Unit) จากญี่ปุ่น มาทั้งคัน เพื่อเปิดตัวออกสู่ตลาดบ้านเรา ในช่วงปลายปีนี้

Headlightmag ของเรา เป็นสื่อมวลชนสายยานยนต์ รายแรกในไทย ที่เคยนำเสนอข่าวการกลับมาทำตลาดของ X-Trail ในบ้านเราอีกครั้ง มาตลอดช่วงตั้งแต่ต้นปี 2025 ที่ผ่านมา ผ่านทางรายการ DRIVE By J!MMY ช่วงวันเสาร์ 14.00 น. ทางช่องของเราใน Youtube และ Facebook และวันนี้ เราขอยืนยันว่า สิ่งที่เราพูดมาตลอดนั้น เป็นเรื่องจริง! ด้วยชุดภาพถ่าย Spyshot ซึ่งถูกบันทึกไว้โดยบังเอิญ จากคุณผู้อ่าน ที่ไม่ประสงค์ออกนาม ท่านหนึ่ง ถ่ายไว้ได้ ในขณะพบเห็น X-Trail ใหม่ รหัสรุ่น T33 ปะปนอยู่กับ รถตู้ Serena e-Power C28 ที่ออกมาจากท่าเรือแหลมฉบัง เพื่อมุ่งหน้าไปทาง ถนนบางนา-ตราด เมื่อตอนบ่ายวันหนึ่ง ไม่นานมานี้

ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เคยมีผู้พบเห็น Nissan X-Trail T33 ตัวเป็นๆ ในประเทศไทย อยู่บนรถเทรลเลอร์ในลักษณะนี้มาก่อนแล้ว และนำขึ้นมาโพสต์ลง Facebook เผยแพร่ไปทั่ว จนกลายเป็นกระแสพูดถึงในชั่วข้ามคืน ทว่า ในครั้งนั้น เมื่อสืบสาวราวเรื่องก็พบข้อเท็จจริงว่า รถยนต์ X-Trail เหล่านั้น เป็นรถยนต์ พวงมาลัยซ้าย สำหรับนำเข้าไปขายยัง สาธารณรัฐประชาชนลาว และยังไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆกับตลาดเมืองไทย

ทว่า คราวนี้ X-Trail คันที่คุณเห็นอยู่นี้ จะถูกนำมาเปิดตัว ออกสู่ตลาดจริง ในบ้านเรา เพื่อฟาดฟันกับคู่แข่งในพิกัด C หรือ D-Segment SUV อย่าง Honda CR-V , Mazda CX-5 , Subaru Forester กันเสียที เพียงแต่ว่า X-Trail รหัสรุ่น T33 ที่จะเข้ามาเปิดตัวในบ้านเรานั้น ยังคงเป็นรุ่นแรกก่อนปรับโฉม Minorchange และยังไม่ใช่รุ่นเปลี่ยนกระจังหน้า กับชุดไฟหน้า ที่เพิ่งออกสู่ตลาดในญี่ปุ่น เมื่อเดือนกันยายน ที่ผ่านมา สดๆร้อนๆ

เบื้องหลังของการนำเข้า X-Trail มาทำตลาดในบ้านเรา รอบใหม่นี้ เนื่องมาจาก แรกเริ่มเดิมที ก่อนปี 2023 นั้น X-Trail ไม่ได้อยูในแผนการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ของ Nissan ในเมืองไทยเลย เมื่อผู้บริหาร ทั้งคนไทยและคนญี่ปุ่น ชุดใหม่ เข้ามารับช่วงดูแลต่อ ก็พบความจริงที่ว่า ทางญี่ปุ่น ไม่ได้เตรียมรถยนต์รุ่นใหม่ไว้ให้กับตลาดเมืองไทย ในช่วงปี 2024-2025 เลย! เพราะการลงทุนประกอบรถยนต์ในเมืองไทยนั้น ต้นทุนมันแพงกว่าที่ทุกคนคิดไว้มาก แต่เมื่อยอดขายน้อย จนไม่คุ้มค่ากับการลงทุนตั้งไลน์ประกอบรถยนต์รุ่นใหม่ ทำให้ Nissan ที่ญี่ปุ่น จึงตัดสินใจ ปล่อยเกียร์ว่างไปพักใหญ่

ทีมผู้บริหาร ทั้งคนญี่ปุ่น และคนไทย ในช่วงนั้น มองว่า ถ้าอยู่เฉยต่อไป เห็นท่าไม่ดีแน่ๆ จึงแท็คทีมกัน พยายาม แก้ไขปัญหาในทุกจุด ทั้งเรื่องหลังบ้าน เรื่องงาบริการหลังการขาย ความเป็นอยู่ของ ดีลเลอร์ ไปจนถึงการ ต่อสู้เต็มกำลัง อย่างสุดฤทธิ์ สุดความสามารถ เพื่อให้บริษัทแม่ใน Yokohama อนุมัติให้นำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ เข้ามาทำตลาดในเมืองไทยให้ได้

เมื่อทัพแรกที่เริ่มต้นด้วย รถตู้รุ่น Serena ประสบความสำเร็จอย่างดี มียอดขายเข้ามามากพอ ทำให้ บริษัทแม่ในญี่ปุ่น ตัดสินใจ ยอมปัดฝุ่นโครงการนำ X-Trail T33 กลับเข้ามาขายในเมืองไทย อีกครั้ง เพียงแต่ว่า คราวนี้ จะใช้วิธีการเดียวกับ รถตู้ Serena e-Power รุ่น C28 คือ สั่งนำเข้าจากญี่ปุ่นทั้งคัน โดยใช้ข้อกำหนดด้านอัตราภาษีล่าสุด เพื่อช่วยทำให้ ราคาขายของ X-Trail ใหม่ ยังอยู่ในจุดที่ผู้บริโภคเป็นเจ้าของได้ และยังแข่งขันในตลาดได้

ส่วนคำถามที่ว่า ทำไมเมืองไทย ถึงยังใช้รุ่น โฉมเดิม แทนที่จะเป็นรุ่น Minorchange ที่เพิ่งเปิดตัวในเดือนกันยายนที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเตรียมงานจากฝั่งญี่ปุนด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ถ้าพิจารณากันดีๆ รถรุ่นใหม่ล่าสุดในญี่ปุ่น แตกต่างจากรุ่นปัจจุบัน เพียงแค่ ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้า เท่านั้น ด้านอุปกรณ์ต่างๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากเดิมมากนัก

X-Trail ที่จะถูกส่งเข้ามาทำตลาดใหม่ในเมืองไทย รอบนี้ มีให้เลือกเพียงรุ่นย่อยเดียว และจัดสเป็กมาเต็มเหนี่ยว ด้วยรายละเอียดของอุปกรณ์ประจำรถ แบบเดียวกัน เหมือนกัน ทั่วทั้งภูมิภาค ASEAN (หรือที่เรียกว่า ASEAN Spec.) โดยตัวรถจะมีความยาว 4,680 มิลลิเมตร กว้าง 1,840 มิลลิเมตร สูง 1,725 มิลลิเมตร ระยะฐานล้อ 2,705 มิลลิเมตร ล้ออัลลอยขนาด 19 นิ้ว สวมยางขนาด 235/55R19 เบาะนั่ง เป็นแบบ 7 ที่นั่ง มีความจุพื้นที่สัมภาระด้านหลัง 485 ลิตร (เมื่อพบัเบาะแถว 3 ลงจนราบ)

วางขุมพลัง e-Power เพียงแบบเดียว เป็นเครืองยนต์ รหัส KR15DDT เบนซิน 3 สูบ DOHC 16 วาล์ว 1,497 ซีซี Direct-Injection พ่วง Turbocharger กำลังสูงสุด แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร (25.5 กก.-ม.) ที่ 2,400 – 4,000 รอบ/นาที ทำหน้าที่ปั่นไฟ ไปเก็บในแบ็ตเตอรี ขนาด 1.8 kWh (กิโลวัตต์/ชั่วโมง) เพื่อให้ มอเตอร์ ไปหมุนล้อขับเคลื่อนทั้ง 4 ล้อ

การขับเคลื่อน ใช้มอเตอร์ไฟฟ้า ติดตั้งทั้งล้อคู่หน้าและด้านหลัง รวม 2 ตัว โดยมอเตอร์ล้อคู่หน้า กำลังสูงสุด 204 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 330 นิวตันเมตร (33.62 กก-ม.) ส่วนมอเตอร์ล้อคู่หลัง กำลังสูงสุด 135 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 195 นิวตันเมตร (19.87 กก.-ม.) ซึ่งทำงานรวมเข้ากันเป็นระบบ e-4ORCE (อี-ฟอร์ซ) 

ถ้าอธิบายให้เข้าใจง่ายๆ คือ หากคุณคุ้นเคยกับ Nissan Kicks e-Power หรือ Serena e-Power ก็พอจะนึกภาพออกว่า มันคือ การเพิ่มมอเตอร์ เข้าไปอีก 1 ลูก สำหรับหมุนล้อคู่หลัง ในภาวะเข้าโค้ง หรือขับขี่ไปตามเส้นทางที่ไม่ใช่ถนนเรียบ รวมทั้งช่วยกระจยแรงบิดไปยังล้อที่เหมาะสม เพื่อช่วยทั้งการเข้าโค้ง และการควบคุมรถให้มีประสิทธิภาพดีขึ้่น

เทคโนโลยี e-4ORCE การันตีด้วยรางวัล Technology of the Year จากการประกาศรางวัล Car of the Year Japan 2022-2023 มาแล้ว

เวอร์ชันไทย ของ Nissan X-Trail e-4ORCE T33 จะมีสเป็กอย่างไรบ้าง รอดูกันในการเปิดตัว รอบสื่อมวลชน ณ งาน Motor Expo วันที่ 28 พฤศจิกายน 2025 โดยเปิดให้รับจองกันในงาน แต่กำหนดการที่รถจะมาถึงท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จะเริ่มต้นขึ้นในเดือน มกราคม 2026 และน่าจะเริ่มส่งมอบได้หลังจากนั้น

—————————–///———————————