Ford เตรียมปรับทัพไลน์อัพรถกระบะขุมพลังไฟฟ้าล้วนครั้งใหญ่ เพื่อรับมือกับความต้องการของตลาดสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา รวมถึงยอดขายรถ EV ที่ชะลอตัว โดยล่าสุดค่าย Blue Oval ได้เตรียมปรับแนวทางของรถกระบะขุมพลังไฟฟ้าอย่าง F-150 Lightning สำหรับเจเนอเรชันถัดไป
Ford ได้ยืนยันว่า F-150 Lightning รุ่นขุมพลังไฟฟ้าล้วนแบบเดิมจะยุติการทำตลาดหลังจากปี 2025 เป็นต้นไป และจะถูกแทนที่ด้วย F-150 Lightning EREV (Extended-Range Electric Vehicle) หรือรุ่นขุมพลังไฟฟ้าที่ที่มาพร้อมระบบขยายระยะทาง ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของรุ่นนี้ หลังจากที่มีกระแสข่าวว่าทาง Ford ได้เตรียมยุติบทบาทของ F-150 Lightning เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
หัวใจหลักของ Lightning EREV ยังคงเป็นระบบขับเคลื่อนด้วยหลังงานไฟฟ้า โดยใช้มอเตอร์และแบตเตอรี่สร้างพละกำลังขับเคลื่อนให้กับล้อทั้งสี่ โดยจะให้แรงบิดฉับไวและอัตราเร่งแบบรถ EV เหมือนเดิม แต่มีจุดแตกต่างคือการเพิ่มเครื่องยนต์เบนซินที่ทำหน้าที่เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (generator) ซึ่งไม่ได้ให้พละกำลังขับเคลื่อนล้อโดยตรง แต่มีหน้าที่หลักคือผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ ทำให้ระยะทางขับขี่เพิ่มจาก 320 ไมล์ เป็นมากกว่า 700 ไมล์ ต่อการชาร์จหนึ่งครั้ง
ด้วยแนวคิดนี้ F-150 Lightning EREV จะเข้าไปแข่งขันโดยตรงกับคู่แข่งอย่าง Ram 1500 REV และคู่แข่งตัวสำคัญในอนาคตอย่าง Scout Terra โดย Ram 1500 REV รุ่นขยายระยะทางเคลมตัวเลขวิ่งได้สูงสุดราว 690 ไมล์ พร้อมพละกำลัง 647 แรงม้า และความสามารถลากจูงถึง 14,000 ปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนว่ารถของ Ford อาจอยู่ในระดับเดียวกัน
Ford ระบุว่าหนึ่งในเหตุผลหลักของการพัฒนา EREV คือ การลากจูงระยะไกล เนื่องจากผู้ใช้ Lightning รุ่นปัจจุบันจำนวนมากมองว่าการต้องหยุดชาร์จบ่อย ๆ ระหว่างการลากพ่วงเป็นหนึ่งในข้อจำกัด Doug Field หัวหน้าฝ่ายที่ดูแลรถ EV และการออกแบบของ Ford กล่าวว่า ระบบเครื่องกำเนิดไฟฟ้าจะช่วยให้ “การลากจูงหนักและการเดินทางข้ามรัฐง่ายพอ ๆ กับการขับใช้งานประจำวันของรถกระบะเครื่องยนต์สันดาปแบบดั้งเดิม”
Doug Field ยังเสริมว่า F-150 Lightning รุ่นแรกพิสูจน์แล้วว่ารถกระบะ EV ก็ยังคงความเป็น F-Series ได้อย่างครบถ้วน ทั้งสมรรถนะและการใช้งานจริง ในขณะที่ Lightning EREV เจเนอเรชันใหม่จะยกระดับไปอีกขั้น โดยยังคงความแรงและการขับขี่แบบไฟฟ้าล้วนเป็นหลัก แต่เพิ่มความอุ่นใจด้วยระยะทางมากกว่า 700 ไมล์ และสมรรถนะการลากจูงระดับหัวแถว
ขณะนี้ Ford ยังไม่เปิดเผยภาพทางการหรือรายละเอียดเชิงลึกของระบบขับเคลื่อน นอกจากตัวเลขระยะทาง แต่คาดว่าจะมีข้อมูลเพิ่มเติมออกมาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ที่มา: Motor1
