Nissan Motor ประเทศญี่ปุ่นประกาศเปิดตัว Serena รุ่นปรับโฉม Minor Change พร้อมเริ่มวางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นช่วงกลางเดือนกุมภาพันธ์ 2026 นี้ โดยการปรับโฉมครั้งนี้มีทั้งการปรับงานออกแบบด้านหน้าในรุ่น Highway Star V LUXION AUTECH รวมไปถึงการเพิ่มรุ่นย่อยใหม่ AUTECH LINE แทรกกลางระหว่าง Highway Star V กับ AUTECH สำหรับผู้ที่อยากได้ความสปอร์ตขั้นกว่าจากรุ่น Highway Star V (รุ่นย่อยที่ประเทศไทยใช้หน้าตาแบบเดียวกัน) แต่ยังไม่อยากได้การตกแต่งแบบเต็มขั้นแบบรุ่น AUTECH ดั้งเดิม รวมไปถึงการปรับเทคโนโลยี และความสะดวกสบาย เพื่อตอบโจทย์การใช้งานของครอบครัวยุคใหม่มากยิ่งขึ้น
Nissan Serena เปิดตัวครั้งแรกในปี 1991 กับรหัสตัวถัง C23 ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยเช่นเดียวกันและเตรียมก้าวเข้าสู่ปีที่ 35 ในปี 2026 ถือเป็นหนึ่งในมินิแวนที่ได้รับความนิยมสูงสุดในญี่ปุ่นมาอย่างยาวนาน โดยรุ่นปัจจุบันเป็นเจเนอเรชันที่ 6 ซึ่งพัฒนาภายใต้แนวคิด “BIG EASY และ FUN” โดดเด่นด้วยพื้นที่ภายในระดับแนวหน้าของคลาส ความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ช่วยยกระดับคุณภาพการเดินทางของทั้งครอบครัว
การปรับโฉม Minor Change ครั้งนี้ มีการปรับดีไซน์ภายนอกใหม่ในรุ่น LUXION และ Highway Star V ขณะที่รุ่น LUXION ได้รับการออกแบบห้องโดยสารใหม่เฉพาะตัว เสริมภาพลักษณ์หรูหรายิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเพิ่มสีตัวถังใหม่ 3 สี ได้แก่ สีน้ำเงิน Moonbow Blue สีเขียว Aqua Mint และสีน้ำเงิน Deep Ocean Blue ในทุกรุ่นย่อย เพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้า
ด้านการออกแบบ LUXION เน้นความพรีเมียมด้วยกระจังหน้าและล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ภายในติดตั้งเบาะนั่งวัสดุรุ่นใหม่ “Tailor Fit” ให้สัมผัสนุ่มและโอบรับร่างกาย ส่วน Highway Star V เน้นความสปอร์ต ดุดัน และแข็งแกร่ง สะท้อนบุคลิกที่แตกต่างอย่างชัดเจน
มิติตัวถัง
- ความยาว : 4,690 มม.
- ความกว้าง : 1,695 / 1715 มม.
- ความสูง : 1,870/ 1,885 / 1,895 มม.
- ฐานล้อ : 2,870 มม.
- ระยะต่ำสุดจากพื้น : 135 มม.
- รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด : 5.7 ม.

รุ่นย่อยใหม่ AUTECH LINE
ขณะเดียวกัน Nissan Motorsports & Customization (NMC) ได้เพิ่มรุ่นตกแต่งใหม่ Serena AUTECH LINE ซึ่งเน้นความเรียบหรูและความสปอร์ตแบบผู้ดี ไม่มาก ไม่น้อยจนเกินไป ด้านห้นาติดตั้งประจังหน้าสีดำเงา ลวดลายเดียวกับรุ่นพื้นฐาน กระจกมองข้างมาพร้อมฝาครอบสีเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ AUTECH LINE ที่ด้านท้าย ล้ออัลลอยขนาด 16 นิ้ว เล็กกว่าของ AUTECH รุ่นเต็มที่ขนาด 17 นิ้ว เบาะนั่งหุ้มด้วยวัสดุ Tailor Fit และอุปกรณ์ตกแต่งเฉพาะรุ่น


AUTECH SPORTS SPEC by NMC
AUTECH SPORTS SPEC ยังได้รับการปรับแต่งสมรรถนะการขับขี่ไปอีกขั้น ตั้งแต่โปรแกรมคอมพิวเตอร์ควบคุมระบบส่งกำลังที่ปรับจูนพิเศษ ระบบช่วงล่างเฉพาะประกอบด้วยสปริงและโช้กอัพ การเสริมความแข็งแรงของตัวถังด้วยคานค้ำด้านหน้าและด้านหลัง พร้อม Performance Damper® จาก YAMAHA เสริมด้วยล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว สีดาร์กกราไฟต์ จับคู่ยาง Michelin Pilot Sport 5 ขนาด 215/55ZR17 ระบบพวงมาลัยไฟฟ้าแบบแปรผันตามความเร็วเฉพาะรุ่น ตราสัญลักษณ์ AUTECH SPORTS SPEC ทั้งภายนอกและภายใน รวมถึงกระจกหน้าประตูคู่หน้าชนิด IR Cut และ Super UV Cut แบบกันความร้อนและลดเสียง ช่วยเพิ่มทั้งสมรรถนะ ความมั่นคง และความสปอร์ตในทุกการขับขี่
ภายในห้องโดยสารของรุ่น AUTECH ตกแต่งด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ประกอบด้วยเบาะนั่งหุ้มวัสดุเฉพาะรุ่น ปักโลโก้ “AUTECH” พร้อมตะเข็บสีน้ำเงิน เสริมความพรีเมียมด้วยแผงตกแต่งลายไม้สีเข้ม แผงหน้าปัดและแผงประตูเดินด้ายสีน้ำเงิน พร้อมตราสัญลักษณ์ AUTECH และพวงมาลัยหุ้มหนังแท้สีดำตกแต่งด้วยตะเข็บสีน้ำเงินเฉพาะรุ่น เพิ่มบรรยากาศสปอร์ตหรูให้กับห้องโดยสารอย่างลงตัว
Serena Multi Box
ระบบช่วยขับขี่ก็ยังได้รับการพัฒนาเพิ่มเติม โดยมาพร้อม Intelligent Around View Monitor ที่เพิ่มฟังก์ชั่นอีก 3 รูปแบบ ได้แก่ มุมมอง 3 มิติของรถรอบคัน มุมมองด้านหน้าแบบมุมกว้างสำหรับการขับขี่ผ่านทางแยก และการแสดงภาพด้านข้างแม้พับกระจก ช่วยเพิ่มความมั่นใจระหว่างการกะระยะในการขับขี่และจอดรถในพื้นที่แคบ
นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Serena Multi Box รุ่น 5 ที่นั่ง 2 แถว ที่มาพร้อมกล่องเก็บสัมภาระขนาดใหญ่ด้านท้ายที่สามารถใช้งานเป็นโต๊ะหรือม้านั่งได้ รองรับกิจกรรมไลฟ์สไตล์และการเดินทางหลากหลายรูปแบบ
ในด้านเทคโนโลยี Serena รุ่นปรับโฉมเป็นครั้งแรกที่สามารถติดตั้งระบบ NissanConnect หรือหน้าจอกลาง Infotainment รุ่นล่าสุดที่ระบบปฏิบัติการจาก Google รองรับ Google Maps Google Assistant และ Google Play พร้อมฟังก์ชันเชื่อมต่อสมาร์ตโฟน รวมถึงระบบแจ้งเตือนหากลือล็อกรถ ปิดกระจก หรือปิดไฟฉุกเฉิน และบริการตรวจสอบรถจากระยะไกล
นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มฟังก์ชันใหม่ตามเสียงตอบรับของลูกค้า เช่น ระบบ e-Pedal Step Previous Mode Memory ที่จดจำการตั้งค่าครั้งล่าสุดของการหน่วงคันเร่ง และระบบเตือนให้ตรวจสอบเบาะหลังเมื่อดับเครื่องยนต์ เพื่อลดความเสี่ยงในการลืมสัมภาระหรือเด็กภายในรถ เสริมความปลอดภัยให้ครอบครัวมากยิ่งขึ้น

สำหรับขุมพลังจะมีทางเลือกให้ 2 แบบ ได้แก่ เบนซิน 2.0 ลิตร และ e-POWER ทั้งแบบขับเคลื่อนล้อหน้าและขับเคลื่อน 4 ล้อ e-4ORCE
เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ รหัส MR20DD ขนาด 2.0 ลิตร 1,997 ซีซี. Direct Injection DOHC 16 วาล์ว กระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 84.0 x 90.1 มิลลิเมตร กำลังสูงสุด 150 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 200 นิวตัน-เมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ Xtronic CVT พร้อม Manual Mode ขับเคลื่อน 2 ล้อหน้า หรือ 4 ล้อ
รุ่น e-POWER
ขับเคลื่อนล้อคู่หน้าด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า EM57 AC3 Synchronous Motor กำลังสูงสุด 163 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 315 นิวตัน-เมตร พ่วงด้วยแบตเตอรี่ Lithium-ion ติดตั้งบริเวณใต้เบาะคู่หน้า
โดยมีเครื่องยนต์รหัส HR14DDe เบนซิน 3 สูบ 1.4 ลิตร 1,443 ซีซี. Direct Injection DOHC 16 วาล์วกระบอกสูบ x ระยะช่วงชัก : 78.0 x 100.0 มิลลิเมตร (ขยายความจุจากบล๊อค HR12DE เดิม) กำลังอัด 13.0 : 1 (เพิ่มจาก 12.0 : 1) กำลังสูงสุด 98 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 123 นิวตัน-เมตร ที่ 5,600 รอบ/นาที ทำหน้าที่สร้างกระแสไฟฟ้าให้กับมอเตอร์
ขณะที่รุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ จะเพิ่มมอเตอร์ไฟฟ้าที่ล้อคู่หลังรหัส MM48 กำลังสูงสุด 82 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 195 นิวตัน-เมตร ขับเคลื่อนสี่ล้อ e-4ORCE
Nissan ประเทศญี่ปุ่นเตรียมวางจำหน่าย Serena C28 รุ่น Minorchange ตั้งแต่วันที่ 12 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป
ที่มา: Nissan
