เราพึ่งรายงานไปว่า Mitsubishi eK Space และ eK Space Custom ที่ออกจำหน่ายใน
ประเทศญี่ปุ่น พึ่งจะเปิดตัวรุ่น Minorchange ไป ดังนั้นจึงใช่เรื่องแปลกอะไรที่ฝาแฝด
อย่าง Nissan Dayz Roox จะเปิดตัวรุ่นใหม่ในวันเดียวกัน ซึ่งความเปลี่ยนแปลงที่เปลี่ยนไป
จากรุ่นเก่าในส่วนของหน้าตานั้น แตกต่างจาก Mitsubishi อย่างแน่นอน แต่อุปกรณ์ต่างๆที่
เพิ่มมาให้ดูจะไม่แตกต่างมากเท่าไรนัก
ภายนอกมีสีสันให้เลือกกันอย่างละลานตาถึง 20 เฉดสี ทั้งแบบ Monotone และ Two-tone
ซึ่งมีอยู่ 5 สี ที่พึ่งเพิ่มเข้ามาใหม่ ในรุ่นธรรมดาอย่าง Dayz Roox จะมาพร้อมกับกระจังหน้า
แนวนอน 3 ชั้น และ ล้อแบบฝาครอบ ส่วนรุ่น Dayz Roox Highway Star ซึ่งเป็นรุ่นท็อป
จะมาพร้อมกับกระจังหน้า V-Motion และ ล้ออัลลอย
ภายในของทั้ง Dayz Roox เปลี่ยนไปใช้วัสดุผ้าหุ้มเบาะแบบใหม่ ซึ่งนอกจากจะดูหรูหรา
ขึ้นแล้ว ยังกันสิ่งสกปรกต่างๆได้ดี ในขณะที่บางรุ่นย่อยจะใช้วัสดุหนังเทียมหุ้มเบาะผสม
กับวัสดุผ้า
นอกจากนี้ยังเพิ่มอุปกรณ์ต่างๆมาให้อีกหลายรายการ ประกอบไปด้วย กระจกรอบคันกัน
UV 99%, ช่องปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง, ระบบอุ่นเบาะคนขับ และระบบ
กรองอากาศแบบ Air Filter Plus ทั้งยังปรับปรุงวัสดุซับเสียงและความร้อนบริเวณ
หลังคาให้มีคุณภาพดีขึ้นอีกด้วย
ในเมื่อ Nissan Dayz Roox เป็นแฝดคนละฝาของ Mitsubishi eK Space ขุมพลังจึงเหมือนกัน
อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งมีให้เลือกด้วยกัน 2 รุ่นเช่นเคย อัตราบริโภคเชื้อเพลิงตามมาตรฐาน JC08
ที่ทำได้ดีที่สุดอยู่ที่ 20.4 – 22.2 กิโลเมตร/ลิตร ระบบส่งกำลังมีเพียงเกียร์อัตโนมัติ CVT ส่งกำลัง
ลงล้อคู่หน้า หรือลงพื้นทั้ง 4 ล้อ ส่วนรายละเอียดเครื่องยนต์ มีดังนี้
– เครื่องยนต์เบนซินรหัส 3B-20 3 สูบ 660 ซีซี. ให้กำลังสูงสุด 49 แรงม้า (PS) ที่
6,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 6.0 กก-ม. (59 นิวตันเมตร) ที่ 5,000 รอบ/นาที
– เครื่องยนต์เบนซินรหัส 3B-20 3 สูบ 660 ซีซี. เทอร์โบ ให้กำลังสูงสุด 64 แรงม้า (PS)
ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 10.0 กก-ม. (98 นิวตันเมตร) ที่ 3,000 รอบ/นาที
มาพร้อมกับระบบดับเครื่องยนต์อัตโนมัติเมื่อติดไฟแดง
ระบบความปลอดภัยที่เพิ่มมาให้ใน Nissan Dayz Roox ประกอบไปด้วย ระบบควบคุม
ความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control และ ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ High Beam Assist
จุดที่ทำให้ Nissan Dayz Roox แตกต่างจาก Mitsubishi eK มากที่สุดคือรุ่นย่อยพิเศษอีก 2 รุ่น
ที่หน้าตาไม่เหมือนกับรุ่นปกติ ทั้งยังได้รับการตกแต่งภายในพิเศษอีกด้วย แบ่งออกเป็นรุ่น Bolero
และ Rider ดังรายละเอียดต่อไปนี้
Bolero จะให้อารมณ์หรูหราและดูเป็นผู้ใหญ่ มาพร้อมกับกระจังหน้า, กันชนหน้า และล้ออลูมิเนียม
ขนาด 14 นิ้วสีเงินแบบใหม่ เสริมด้วยตราสัญลักษณ์ Bolero และ Autech นอกจากนี้ยังเลือกสีสัน
ตัวถังได้ 13 เฉดสี
ภายในของ Bolero ใช้วัสดุหนังสีดำ-น้ำตาลแดงในการหุ้มเบาะ ทั้งยังใช้โทนสีเดียวกันในการ
ตกแต่งแผงประตู เสริมด้วยพวงมาลัยหุ้มหนังตกแต่งสีดำเงา, มือเปิดประตูด้านในแบบโครเมี่ยม
และกระจกแต่งหน้าติดตั้งมาให้ด้านในของที่บังแดดทั้ง 2 ฝั่ง
ข้ามไปดูฝั่ง Rider ที่จะเน้นความเป็นสปอร์ตกับกระจังหน้า, กันชนหน้า และล้ออลูมิเนียมขนาด
15 นิ้วแบบใหม่ เสริมด้วยไฟตัดหมอกหน้าและไฟ LED ก่อนปิดท้ายกับตราสัญลักษณ์ Bolero
และ Autech สำหรับสีสันภายนอกมีให้เลือกด้วยกัน 8 เฉดสี
ภายในของ Rider จะใช้วัสดุผ้าหุ้มเบาะ และบุแผงประตูลายพิเศษ เสริมด้วยพวงมาลัยหุ้มหนัง
ตกแต่งสีดำเงา ทั้งยังตกแต่งแดชบอร์ดหน้า และ ฐานเกียร์ ด้วยสีเงิน
Nissan Dayz Roox พร้อมออกจำหน่ายแล้วที่ประเทศญี่ปุ่น ส่วนรายละเอียด
ของราคาทั้ง 3 รุ่น มีดังต่อไปนี้
– Nissan Dayz Roox มีราคาตั้งแต่ 1,368,000 – 1,875,560 เยน
หรือ ราว 420,000 – 575,000 บาท
– Nissan Dayz Roox Bolero มีราคาตั้งแต่ 1,584,360 – 1,690,280 เยน
หรือ ราว 486,000 – 518,000 บาท
– Nissan Dayz Roox Rider มีราคาตั้งแต่ 1,860,000 – 2,027,960 เยน
หรือ ราว 571,000 – 622,000 บาท