อวดโฉมโดยมิบอกกล่าวใด ๆ กับสาธาณชนคนใด แต่กลับเชื้อเชิญแขกผู้มีเกียรติระดับนักธุรกิจใหญ่ ๆ ,คนดังในวงการบันเทิงและวงการสังคม อันเป็นกลุ่มเป้าหมายของ XJ คันนี้ที่ Saatchi Gallery ในกรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร

 

แต่แล้วใครจะคาดคิดว่า Jaguar ที่อนุรักษ์อมตะนิยมจะพลิกโฉม XJ ให้ดูล้ำสมัยเล็กน้อย คสาสสิคพอประมาณ และแหวกกฏเกณฑ์การออกแบบได้ถึงเพียงนี้?

พิจารณาดูแล้ว Jaguar ให้ความสำคัญกับรถรุ่นนี้มากพอสมควรจากคำพูดของคุณ ไมค์ โอดิสครอล (Mr.Mike O’Driscoll) ผู้อำนวยการบริการกล่าวว่า”รถ XJ ถือเป็นรถที่สวยล้ำลึก การขับขี่ที่น่าประทับใจ และงานดีไซน์ที่จุดประกายงานสร้างสรรค์ นี่คือการท้าทายโลกยานยนต์ด้วยการพลิกภาพลักษณ์ไปสู่สุดยอดรถสปอร์ตแนวหรูหรา”

 

การที่พวกเขารังสรรค์รุ่น XK และ XF ได้หรูหราและปราดเปรียวฉีกภาพเก่าเดิม ๆ ทิ้งไปขนาดนั้นพลิกโฉมหน้าแบรนด์ Jaguar อย่างสมบูรณ์แบบตามยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การเปิดตัวรุ่น XJ ซีดานยักษ์ที่ฉีกภาพก็ยิ่งตอกย้ำความเป็น Jaguar ยุคใหม่ได้ดี แน่นอนลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่ไม่คิดจะชายตามองกลับหันมามองด้วยความตะลึงและกล้าลองพิสูจน์แบรนด์นี้ในชีวิตครั้งแรก

หากว่าพวกเขาไม่ทำเช่นนั้นจุดจบของ Jaguar อาจจะมาถึงเร็วกว่าที่คิดก็ได้ ทุกสิ่งใด ๆ ย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ผู้อยู่เบื้องหลักงานดีไซน์ที่แตกต่างจากอดีตร่วม 40-50 ปีนี้คือคุณเอียน คอลลัม (Mr. Ian Callum) ผู้อำนวยการออกแบบประจำแบรนด์นี้ให้คำนิยาม XJ ใหม่สั้น ๆ ว่า”นี่คือการตีความหรือตีนิยามแก่นสารใหม่ของแบรนด์นี้”

 

ถ้าลองเปิดใจดูพบว่าทีมออกแบบอิงดีไซน์รถยุคใหม่และ XJ 3 เจเนเรชั่นมาฟิวชั่นกันเป็นรถค่อนข้างล้ำสมัยมาก โดยเฉพาะการลากจากกระจกโอเปร่าท้ายจรดฝากระโปรงหลังไม่ทิ้งความเป็น XJ รุ่นเก่า ๆ นักแต่มีลูกเล่นชนิดที่หาดูได้ยากในรถปัจจุบันคือกระจกบังลมหลังเชื่อมต่อยาวกับกระจกโอเปร่า และไฟท้ายทรงตั้งที่แปลกแหวกแนวจนคิดว่าลูกค้าไม่น่าจะรับได้

 อย่างไรก็ดีดีไซน์บางส่วนก็มีกลิ่นอายรถในเครือ Ford ไม่น้อยนัก  ไม่น่าแปลกใจเพราะเอียน คอลลัมเป็นนักออกแบบคู่บุญประจำตัว Ford อยู่แล้ว

การออกแบบภายในหรูหราตกแต่งโทนสีดำเปียโนแบล๊คร่วมสมัยไม่ทิ้งความคลาสสิคด้วยแผงไม้ที่ดูมีราคาและความสปอร์ตที่เพิ่มเข้ามาไม่มีตกหล่นพร้อมอุปกรณ์ความบันเทิงครบครัน อาทิ เครื่องเสียงรอบทิศทางระดับพรีเมี่ยมกำลังขับ 1,200 วัตต์จากระบบ Bowers & Wilkins คุณภาพเสียงไม่แพ้โฮมเธียร์เตอร์พร้อมหน่วยความจำแบบ Hard-Drive ใส่เพลง,ภาพยนต์,ซีรีส์ได้ไม่จำกัด (ไม่ระบุว่ามีความจุกี่ GB) ฉายผ่านหน้าจอทัชสกรีน 8 นิ้วฉายด้วยเทคโนโลยี Dual View หากผู้โดยสารดู DVD ก็ดูได้ไม่ขัดข้องขณะที่คนขับก็ดูจอ Navigator ไปพร้อม ๆ กันได้

 

เครื่องยนต์แม้ไม่บอกรายละเอียดอะไรนักแต่ก็ตามยุคตามสมัยด้วยดีเซล V6 3.0 ลิตร ที่ประหยัดมากถึง 17 กิโลเมตร/ลิตร!!! และปล่อยค่าไอเสียคาร์บอนไดออกไซด์แค่ 184 กรัม/เมตร จัดว่าเป็นเครื่องที่ต้องสนใจสิ่งแวดล้อมมากกว่าความเจ้ายศเจ้าอย่างในอดีตไป,เครื่องยนต์เบนซิน V8 5.0 ลิตร มีให้เลือกทั้งเวอร์ชันปกติและซูเปอร์ชาร์จที่แรงมากถึง 470 แรงม้า

คุณภาพการขับขี่เป็นสิ่งที่ Jaguar รับประกันว่าทำได้ดีช่วงล่างแบบถุงลมทั้งสี่ล้อ,ระบบ Active Dynamic,ระบบควบคุมการทรงตัว ADC,พวงมาลัยปรับตามสภาพการขับขี่ที่ทำให้การบังคับเฉียบคม ขณะที่ตัวถังรถเบากว่าคู่แข่งส่วนใหญ่ถึง 150 กิโลกรัมที่ Jaguar อ้างว่าได้แรงบันดาลใจจากเทคโนโลยีอวกาศยานด้วยการใช้อลูมิเนียมขึ้นรูปตัวถังบางชิ้นที่นำกลับมารีไซเคิลใหม่ได้ เมื่อรถเบาแล้วการขับขี่ก็ดีขึ้น ประหยัดน้ำมันขึ้นและไอเสียสะอาดขึ้นด้วยนั่นเอง

 

กำหนดวางจำหน่ายคือเดือนธันวาคมปีนี้มีให้เลือกฐานล้อปกติและฐานล้อยาวคลอดจากโรงงาน Castle Bromwich ในเมือง Birmingham

ประเทศไทยคาดว่าน่าจะสั่งนำเข้าให้เศรษฐีคนรุ่นใหม่หันมาลิ้มลองรสชาติความหรูหราใหม่ราว ๆ ปีหน้าครับ