นอกจาก Toyota และ Lexus จะเป็นค่ายรถยนต์ที่ตบเท้าเข้าแสดงผลงานในงาน CES หรือ Consumer Electronic Products
ที่จัดขึ้นในเมือง Las Vegas ประเทศสหรัฐอเมริกาแล้ว ค่าย Audi ก็เป็นอีกค่ายหนึ่งที่เข้านำเสนอเทคโนโลยีล้ำยุคของตน
ด้วยเช่นกัน โดยจัดแสดงทั้งระบบขับรถอัตโนมัติและระบบไฟส่องสว่างสำหรับอนาคต

alt

สำหรับระบบขับรถอัตโนมัตินั้น Audi กล่าวว่า ไม่ได้ต้องการออกแบบให้ช่วยขับรถตลอดการเดินทาง แต่ถูกออกแบบมา
เพื่อช่วยลดความตึงเครียดในบางช่วงเวลาเท่านั้น เช่น เมื่อการจราจรติดขัด ก็จะสามารถขับได้เองอัตโนมัติ เพื่อลดความ
เครียดของผู้ขับขี่ โดยรถยนต์สามารถบังคับเลี้ยว บังคับคันเร่งและเบรกได้อย่างอัตโนมัติในช่วงความเร็ว 0-60 กม./ชม.

นอกจากนี้ ระบบยังช่วยป้องกันการชนคนเดินถนนและรถยนต์คันอื่นๆ ด้วยการใช้เซนเซอร์สัญญาณเรดาร์ 2 ตัว เซนเซอร์
อัลตราโซนิค 8 ตัว และกล้องวิดิโอเลนส์กว้าง เพื่อช่วยหลบหลีกและป้องกันการชนเข้ากับคน รถยนต์ หรือสิ่งของอื่นๆได้
มากไปกว่านั้น ระบบนี้ยังช่วยจอดรถได้เองโดยอัตโนมัติ โดยที่ผู้ขับขี่ไม่จำเป็นต้องอยู่บนรถ ซึ่งรถยนต์จะจอดรถได้อย่าง
ปลอดภัย ดับเครื่องยนต์ ล็อกรถ และส่งข้อความให้กับผู้ขับขี่ว่ารถยนต์ได้จอดรถอย่างปลอดภัยเรียบร้อย

ภายในห้องโดยสาร Audi ได้คิดค้นระบบอินโฟเทนเมนต์พร้อมหน้าจอแสดงผลแบบ 3 มิติ ที่จะใช้ชิพประมวลผลแบบ Quad-core
1.4 GHz มาช่วยในการทำงาน ซึ่งนอกจากหน้าจอจะแสดงผลแบบ 3 มิติแล้ว ระบบเสียงยังเป็นแบบ 3 มิติด้วยเช่นกัน
ซึ่ง Audi กล่าวว่า จะช่วยให้เสียงออกมาอย่างธรรมชาติมากกว่าเคย โดยได้นำ Audi Q7 Sound Concept มาจัดโชว์
ด้วยเช่นกัน ซึ่งถูกติดตั้งลำโพงกว่า 23 ตัวรอบคัน ขับกำลังเสียงออกมาได้ 1,400 วัตต์ ให้พลังเสียงที่กระหึ่มสะใจ

ส่วนระบบไฟส่องสว่างที่ Audi สร้างเอกลักษณ์การออกแบบไฟ LED มาต่อเนื่องนับ 10 ปี ก็ได้มีการพัฒนาแนวคิดไปอีกขั้น
ด้วยการจัดโชว์เทคโนโลยีไฟส่องสว่างแบบ Matrix LED ซึ่งจะเม็ดไฟขนาดเล็กพิเศษ ที่สามารถคุมการส่องสว่างแต่ละดวง
ได้อย่างแม่นยำ เพื่อการให้สัญญาณไฟที่ชัดเจนขึ้น และ Audi ยังได้ค้นคว้าระบบไฟท้ายแสงเลเซอร์ ที่จะช่วยให้การแสดง
สัญญาณไฟในระยะไกลขึ้น ชัดเจนขึ้น

ระบบทั้งหมดนี้ ถือว่าเป็นการพัฒนาเพื่ออนาคตของรถยนต์ในวันข้างหน้าอย่างแท้จริง ซึ่งบางเทคโนโลยีเราอาจได้เห็นกัน
ในเร็ววันนี้ แต่บางเทคโนโลยีก็ต้องใช้เวลาพัฒนาต่อจนใช้งานได้จริงนับปี ซึ่งต้องติดตามกันว่าเทคโนโลยีไหนที่จะเข้าสู่
ชีวิตจริงได้ก่อนกันครับ