ต่อให้นักวิเคราะห์ ด้านเศรษฐกิจของไทย จะให้ความเห็นต่อสภาพการณ์ของบ้านเราว่าน่าจะส่อแววไม่ค่อยดีนัก
แต่ ทุกบริษัทรถยนต์ ก็ยังคงต้องใช้เงิน เพื่อเดินหน้าสร้างยอดขาย และฝ่าฟันวิกฤติครั้งนี้ กันต่อไป
บีเอ็มดับเบิลยู ประเทศไทย ก็ยังคงเป็นหนึ่งในค่ายรถยนต์ระดับหรูจากเยอรมัน ที่ขยันสรรหารถรุ่นใหม่
มาเปิดตัวในเมืองไทย กันราวกับถล่มกระสุนปืนอาก้า เข้าใส่คู่แข่งชนิดไม่มียั้งมือ

 

ไล่กันตั้งแต่ 14 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เปิดตัว BMW 120d คูเป้ รุ่นพิเศษ สั่งเข้ามา คันละ 3.6 ล้านบาท
เล่นเอาร้องจ๊ากกันเป็นทิวแถว แต่นั่นยังไม่สะใจพอ เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา ก็เพิ่งปิดพื้นที่ลานกว้าง
หน้า เซ็นทรัลเวิล์ด โซน ZEN สร้างอาคารขนาดใหญ่ เนรมิตรข้างใน ให้หรูหรา ภูมิฐาน และดูขลัง ให้สมกับ
การเปิดตัวครั้งแรกในไทย ของ ซีรีส์ 7 รุ่นใหม่ล่าสุด

และ วันนี้ บีเอ็มดับเบิลยู ไทยแลนด์ ก็ ประกาศ อย่างเป็นทางการ แล้วว่า นอกจากจะนำ ทั้ง 2 รุ่นข้างต้น
เข้าร่วมงาน บางกอกอินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคมนี้ ที่ไบเทค แล้ว
ยังมีรถยนต์รุ่นใหม่ๆรุ่นอื่นๆ เข้าร่วมงานนี้ด้วย และที่นักเลงรถสปอร์ตเฝ้ารอคอยกัน นั่นคือ Z4 ใหม่!

มาดู ไฮไลต์ ของรถที่จะได้พบเห็นกันในงานดีกว่า

 

BMW ซีรี่ส์ 7 ใหม่ F01/F02 เปิดตัวครั้งแรกในไทย เมื่อ 9 มีนาคมที่ผ่านมา และจะอวดโฉมในงานนี้ถึง 2 รุ่น โดยเป็นรถนำเข้าสำเร็จรูป CBU ทั้งสิ้น ในช่วงแรก

–  BMW 750Li
: เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร เทอร์โบคู่ 407 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 600 นิวตันเมตร ที่ 1,750-4,500 รอบ/นาที
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 5.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 8.8 กิโลเมตร/ลิตร
และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 266 กรัมต่อกิโลเมตร (ราคา 15,699,000 บาท)

–  BMW 740Li
: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง 3.0 ลิตร เทอร์โบคู่ 326 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ที่ 1,500-4,500 รอบ/นาที
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 6.0 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 10.0 กิโลเมตร/ลิตร
และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 235 กรัมต่อกิโลเมตร (ราคา 12,999,000 บาท)

ทั้ง 2 รุ่น มาพร้อมสารพัดเทคโนโลยีทั้งเพื่อความสะดวกสบายและความปลอดภัย อันเกินล้ำคำว่าไฮเทคไปไกล
เช่น เทคโนโลยีระบบบังคับเลี้ยวอัจฉริยะ Integral Active Steering ที่ช่วยให้รถมีเสถียรภาพในการบังคับเลี้ยวเป็นเลิศ
โดยเฉพาะขณะใช้ความเร็วสูง อีกทั้งยังเพิ่มความคล่องตัวในการเลี้ยวในที่แคบๆ เช่นในลานจอดรถ
ระบบ Night Vision ใหม่ เป็นระบบกล้องอินฟาเรดที่สามารถจับทิศทางและความเร็วของคนหรือสัตว์
เพื่อคำนวณและเตือนล่วงหน้าให้ผู้ขับได้ทราบถึงสถานการณ์ที่อาจจะไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า
โดยเฉพาะยามค่ำคืนและอยู่นอกระยะส่องของไฟหน้า  

นอกจากนั้น BMW ซีรี่ส์ 7 ใหม่ทั้งสองรุ่นได้รับการติดตั้งระบบนำทาง BMW Navigation System Professional
ซึ่งทำงานบนระบบฮาร์ดดิสก์ เป็นรุ่นแรกของ BMW ในเมืองไทย
เพื่อให้ความสะดวกสบายและรวดเร็วในการค้นหาเส้นทางอีกด้วย แสดงผลทั้งบน
จอมอนิเตอร์ ที่แผงหน้าปัด และจอมอนิเตอร์ สำหรับ ผู้โดยสาร ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง  ฯลฯ อีกมากมาย

ส่วนรุ่นประกอบในประเทศ รอพบได้ ในช่วงครึ่งหลังของปี 2009 นี้

 


BMW Z4 Roadster ใหม่ รุ่นเปลี่ยนโฉม โมเดลเชนจ์
ที่ยังคงพัฒนาการต่อเนื่องมาจาก รถสปอร์ตเปิดประทุน แนว โรดสเตอร์
ทั้ง Z3 และ Z4 รุ่นที่แล้ว ชวนให้คุณเข้าถึงอารมณ์การขับขี่สไตล์สปอร์ตโรดสเตอร์เต็มรูปแบบด้วยการกระจายน้ำหนัก
อย่างสมดุล 50:50 หน้า:หลัง และระบบขับเคลื่อนล้อหลัง  นอกจากนี้ยังติดตั้ง หลังคาแบบ Retractable Hardtop
น้ำหนักเบาสามารถเปิดหรือปิดในเวลาเพียง 20 วินาที อีกทั้งยังสามารถใส่ถุงกอล์ฟได้ถึง 2 ใบ (ขณะหลังคาปิด)
สำหรับผู้ขับขี่ที่รักความสปอร์ตของรถแบบโรดสเตอร์แต่ยังคงหลงใหลในกีฬากอล์ฟ (เพราะคราวนี้แบกถุงกอล์ฟได้โดยไม่ต้องบ่นอีกต่อไป)

เรียกได้ว่าคราวนี้ เปิดตัวตามติดตลาดโลกแบบฉับไวกันเลยทีเดียว

รุ่นที่จะเข้ามาทำตลาดในไทยช่วงแรกๆ นี้คือ

–  BMW Z4 sDrive23i: เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียง วางตามยาว 2.5 ลิตร  204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 250 นิวตันเมตร ที่ 2,750 รอบ/นาที
อัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาเพียง 7.3 วินาที อัตราการประหยัดน้ำมันเฉลี่ย 11.2 กิโลเมตร/ลิตร
และ อัตราการคายไอเสียคาร์บอนไดอ๊อกไซด์เพียง 207 กรัมต่อกิโลเมตร (เปิดราคาขายกันกลางงาน)

 

MINI Convertible ใหม่ คงคุณสมบัติขับสนุก แบบรถโก-คาร์ท มันส์เข้าถึงโสตประสาท ตับ ม้าม ไต หัวใจ และเซี่ยงจี๊ เหมือนรุ่นมาตรฐาน
แต่เพิ่มความสุนทรีย์ ด้วยหลังคาผ้าใบที่พร้อมให้คุณเปิดรับบรรยากาศอันโล่งสบาย ของแดดร้อนยามบ่ายในกรุงเทพฯ
ยังมาพร้อมกับแอ็คทีฟโรลบาร์ซึ่งเป็นเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เป็นหนึ่งเดียวในรถในกลุ่มตลาดนี้ เพิ่งเปิดตัวเมื่อปลายปีที่ผ่านมาในตลาดโลกนี้เอง

มีให้เลือก 2 รุ่น คือ MINI Cooper S Convertible เครื่องยนต์ 175 แรงม้า (ราคา 3,200,000 บาท)
และ MINI Cooper Convertible เครื่องยนต์ 120 แรงม้า (ราคา 2,800,000 บาท)   

 

 

นอกจากนี้ ยังมี BMW 120d คูเป้ ราคา 3.6 ล้านบาท ขุมพลังเดียวกันกับ 320d ทั้งซีดาน และ คูเป้ ซึ่งทำตลาดอยุ่ในบ้านเรา

พิสูจน์แล้วทั้งในเรื่องความแรงและความประหยัดแบบเกินหน้าเกินตารถยนต์คอมแพกต์ฝั่งญี่ปุ่นไปไกลโข 

 

ส่วน BMW X5 xDrive 30d นั้น แม้จะเปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว กระนั้น ตอนนี้ ก็ยังจะมีทำตลาดอยู่ ใครอยากอ่านรีวิว เชิญได้ที่นี่ 

www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=210:-bmw-x5-xdrive-30d-145-&catid=77:luxury-suv&Itemid=96

 

 

และปิดท้ายกันด้วย BMW Motorcycle HP2 Sport สุดยอดแห่งมอเตอร์ไซค์สปอร์ตสายพันธุ์บ๊อกเซอร์
ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าจากสนามแข่งสู่ท้องถนน HP2 Sport ใช้ตัวถังน้ำหนักเบาผลิตจากวัสดุคาร์บอน
ระบบการควบคุมและแดชบอร์ดแบบ MotoGP ล้อแม๊กซ์อลูมิเนียมน้ำหนักเบา
และระบบเปลี่ยนเกียร์ Shift Assistance และระบบเบรค Brembo monoblock จากมอเตอร์ไซค์แข่ง
อีกทั้งยังมีเครื่องยนต์ที่ทรงพลัง 1,200 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุดถึง 133 แรงม้า ที่ 8,750 รอบ/นาที
ด้วยน้ำหนักเพียง 178 กิโลกรัม BMW Motorcycle HP2 Sport มีอัตราเร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ได้ในเวลาต่ำกว่า 3.1 วินาที (ราคา 1,390,000 บาท Limited Edition เพียง 10 คันในเมืองไทย)  

ส่วนแคมเปญในช่วงมอเตอร์โชว์ และของแถมต่างๆ ดูได้ที่นี่
www.headlightmag.com/main/index.php?option=com_content&view=article&id=233:bmw–motor-show-&catid=1:pr-news-network&Itemid=59

 

 ———————————-///——————————————-