กรุงเทพฯ. จากข้อเท็จจริงในด้านต้นทุนการบำรุงรักษาและราคาขายต่อที่เป็นปัจจัยหลักส่วนหนึ่งสำหรับการพิจารณาเลือกซื้อรถยนต์นั้น
บีเอ็มดับเบิลยูพร้อมสถิติยอดขายสูงสุดถึงสองปีซ้อน ได้รับการพิสูจน์ให้เห็นถึงราคาขายต่อที่สูงขึ้นเมื่อเทียบกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูรุ่นก่อนหน้า
ซึ่งการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าวนี้มาจากฐานข้อมูลของ RedBook Thailand ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านฐานข้อมูลของรถยนต์และราคาซื้อขายรถยนต์
มือสองที่ได้รับการยอมรับในประเทศต่างๆ เช่นในประเทศออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ไทย, สาธาณรัฐประชาชนจีน, ฮ่องกง, มาเลเซีย และสิงคโปร์
สำหรับในประเทศไทยนั้น ฐานข้อมูลของ RedBook ครอบคลุมยานพาหนะทั้งหมดในตลาดของประเทศไทยตั้งแต่ พ.ศ. 2535

alt 

จากการวิเคราะห์ข้อมูลดังกล่าว พบว่ารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูในรุ่นและปีที่นำมาวิเคราะห์ข้อมูล เช่นรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 (F10 : BMW 523i)
มีราคาขายต่อที่สูงขึ้นประมาณ 19 จุด (percent point) เมื่อเทียบกับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 รุ่นก่อนหน้า (E60 : BMW 523i) ในปีที่สอง
ของการใช้งาน และยังคงมีราคาขายต่อสูงขึ้นประมาณ 25 จุด เมื่อเปรียบเทียบจากข้อมูลการซื้อขายในปีที่ 3

นอกจากนี้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 5 (F10 : BMW 520d) ก็มีข้อมูลที่แสดงให้เห็นถึงราคาขายต่อที่สูงขึ้นประมาณ 17 จุดเมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
(E60 : BMW 520d) ในปีที่สองของการใช้งาน และสำหรับรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู ซีรี่ส์ 3 (E90 : BMW 318i) ก็พบว่ามีราคาขายต่อที่สูงขึ้นประมาณ 18 จุด
เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า (E46 : BMW 318i SE) ในปีที่สามของการใช้งาน ซึ่งการปรับมูลค่าการขายต่อที่ดีขึ้นดังกล่าวนี้ เป็นผลสืบเนื่องมาจากปัจจัย
ด้านคุณภาพของรถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูที่ได้รับการยอมรับอย่างต่อเนื่อง, รูปลักษณ์การออกแบบที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ และความคุ้มค่า
นอกจากนี้แล้วโปรแกรมบำรุงรักษารถยนต์บีเอ็มดับเบิลยู (BMW Service Inclusive) ก็ยังคงสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องถึงคุณภาพ
และต้นทุนการบำรุงรักษา

สืบเนื่องจากฐานข้อมูลราคาขายต่อดังกล่าวนี้ RedBook Thailand ได้นำข้อมูลพื้นฐานต่างๆของรถยนต์ ทั้งในเรื่องของสภาพรถ ปีที่ผลิต ชนิดของเครื่องยนต์
ราคาที่จำหน่าย และบันทึกข้อมูลการซื้อขายรถยนต์มือสองจากหลากหลายแหล่งข้อมูล ยกตัวอย่างเช่นรถยนต์ BMW 520d (F10) ที่ได้เริ่มจำหน่ายใน
ประเทศไทยมาตั้งแต่ปี 2554 และในปัจจุบันนี้เป็นเครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบ 184 แรงม้า พร้อมเทอร์โบแปรผัน นับเป็นรุ่นที่ได้รับความนิยมมาอย่างต่อเนื่อง
ในปัจจุบันนี้รถยนต์บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ 5 (F10) ทุกรุ่น มาพร้อมกับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด และระบบ Driving Experience Control
พร้อมโหมด ECO PRO เพื่อช่วยลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันได้สูงสุดถึง 21.3 กม./ลิตร (อัตราเฉลี่ยของรถยนต์ BMW 520d) ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ
ความคุ้มค่าและราคาขายต่อที่ดีขึ้นด้วย