หลังผ่านการพัฒนามายาวนาน และตกเป็นข่าวความเคลื่อนไหวในช่วง 3 ปีมานี้ อยู่เรื่อยๆ วันนี้
(5 ตุลาคม 2011) คือวันที่ General Motors หรือ GM ใช้เป็นฤกษ์ ในการเปิดตัว “เวอร์ชันจำหน่าย
จริง” ของ Chevrolet Colorado ใหม่ ฝาแฝดร่วมโครงสร้าง แต่ต่างเครื่องยนต์กันกับ Isuzu D-Max
ใหม่หมดทั้งคัน “เป็นครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย” อย่างยิ่งใหญ่ ณ BITEC บางนา ภายใต้สโลแกน
“รถกระบะสายพันธุ์อเมริกันรุ่นใหม่ล่าสุด จากประสบการณ์กว่า 100 ปี” โดยงานนี้ GM เลือก ดารา
นักแสดงชื่อดังจากช่อง 3 อย่าง ปอ ทฤษฎี มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ เพื่อเรียกกระแสจากบรรดาแม่ยก และ
ลูกค้าในต่างจังหวัดอันเป็นตลาดสำคัญของรถกระบะในเมืองไทย

GM เคลมว่า นี่คือรถกระบะรุ่นใหม่ที่มาพร้อมความแข็งแกร่งที่สุด ทรงพลังที่สุด และการออกแบบ
ที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Chevrolet กันเลยทีเดียว แน่ละ โครงการพัฒนารถกระบะ
Colorado ใหม่ ภายใต้รหัส GMI700 รุ่นนี้ ใช้เงินลงทุนมูลค่ากว่า 60,000 ล้านบาท (2,000 ล้านเหรียญ
สหรัฐฯ) ในระยะเวลา 5 ปี โดยได้รับการพัฒนาใน 5 ทวีปเพื่อตอบสนองทุกความต้องการของลูกค้า
มากกว่า 60 ประเทศทั่วโลก  อีกทั้งรถต้นแบบยังต้องผ่านการทดสอบ กันมากกว่า 2.5 ล้านกิโลเมตร
ตลอดกระบวนการพัฒนา ทั้งหมดนี้ ถือได้ว่า GMI700 เป็นโครงการพัฒนารถกระบะขนาดกลางครั้ง
ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ 100 ปีของแบรนด์ Chevrolet กันเลยทีเดียว

“เป้าหมายของเราตั้งแต่เริ่มต้นโครงการนี้ คือการสร้าง ‘รถกระบะที่ลากได้ทุกสิ่ง ลุยไปได้ทุกที่’
 และนั่นคือสิ่งที่ Colorado ใหม่ พร้อมมอบให้แก่ลูกค้า” Mr.Brad Merkel ผู้บริหารสายผลิตภัณฑ์
รถกระบะขนาดกลางของ GM กล่าวว่า “เราพัฒนาระบบวิศวกรรมเพื่อตอบสนองการใช้งานเชิง
พาณิชย์ และในชีวิตประจำวัน โคโลราโด สามารถบรรทุกหนักได้สารพัด เป็นรถขนสิ่งของสำหรับ
ครอบครัว และเป็นรถที่ตอบสนองได้ทุกไลฟ์สไตล์ ซึ่งรวมถึงลูกค้าที่ต้องการรถกระบะระดับพรีเมียม
ความเอนกประสงค์ดังกล่าว ถือเป็นประโยชน์สูงสุดสำหรับลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นรุ่นใดก็ตาม ลูกค้าก็จะ
ได้รับรถกระบะที่มีโครงสร้างแข็งแกร่งตัวถังอยู่บนแชสซีส์ ขุมพลังขับเคลื่อนที่ทรงพลัง และการ
ประกอบอย่างพิถีพิถัน ไม่มีการละทิ้งสุนทรียศาสตร์ หรือประนีประนอมในการเลือกใช้ชิ้นส่วน
พื้นฐานใดๆทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Colorado ใหม่แบบ 2 ประตูเพื่อการขนส่งเต็มพิกัด ไปจนถึงรุ่น
Crew Cab 4 ประตูที่ให้ความหรูหรา”

Mr.Martin Apfel ประธานกรรมการ ประจำประเทศไทย และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริษัท
General Motors (Thailand) จำกัด และบริษัท Chevrolet Sales (Thailand) จำกัด กล่าวว่า
“เป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างยิ่งที่ประเทศไทย จะเป็นประเทศแรกในโลกที่เปิดตัว Colorado ใหม่
ซึ่งถือเป็นโครงการพัฒนารถกระบะขนาดกลางที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ GM นี่คือ รถกระบะพันธุ์
แกร่งที่ผลิตโดยคนไทย เพื่อคนไทย เป็นรถกระบะแห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย”   
Colorado รุ่นใหม่ เกิดขึ้นจากการพัฒนาโครงการทางวิศวกรรม และโครงการการผลิตที่ใหญ่
ที่สุด สะท้อนให้เห็นถึงทักษะอันโดดเด่น และศักยภาพอันยอดเยี่ยมของประเทศไทย ศูนย์
การผลิตยานยนต์ของเรา ไม่เพียงมีประสิทธิภาพที่จะตอบสนองความต้องการในประเทศไทย
หากรวมถึงทุกประเทศทั่วโลกทั้งในปัจจุบัน และอนาคต”

ถึงแม้ว่า ทั้ง GM และ Isuzu จะยังคงร่วมมือกันพัฒนารถกระบะรุ่นใหม่นี้ด้วยกันอยู่ เห็นได้จาก
การที่ทั้งคู่ ยังใช้ดครงสร้างตัวถัง จำพวก หัวเก๋ง กระจกหน้าต่าง และชิ้นส่วนอะไหล่ร่วมกันอยู่
บางอย่าง แต่สัดส่วนความเหมือนซึ่งกันและกัน เริ่มลดน้อยถอยลงไปพอสมควร

ความแตกต่างที่ทำให้ Colorado ใหม่ แตกต่างจาก D-Max ใหม่ อยู่ที่รูปลักษณ์ภายนอก บริเวณ
ชิ้นส่วนตัวถังด้านหน้าทั้งหมด ที่ดูแข็งแกร่ง และสง่างาม มีชั้นเชิงในการออกแบบ เน้นความ
บึกบึนของฝากระโปรงหน้า โคมไฟหน้าแบบ Projector ถูกติดตั้งในตำแหน่งที่สูงขึ้นเหนือกว่า
ฝากระโปรงหน้าเล็กน้อย  กระจังหน้าเป็นแบบ 2 ชั้น Dual Port design เอกลักษณ์ของ Chevrolet
ยุคใหม่ ล้อมกรอบด้วยโครเมียมพร้อมเน้นดีไซน์ลายตาข่ายที่ให้มุมมองแบบสามมิติ บริเวณซุ้ม
ล้อคู่หน้า ออกแบบให้มีแนวเส้นบ่าด้านข้าง เสริมความทะมัดทะแมง แต่ดูโฉบเฉี่ยวนิดๆ อีกทั้ง
ยังใช้โครเมียมตกแต่งทั้งก้านจับเปิดประตู ที่เปิดฝาท้าย ฝาครอบกระจกมองข้าง กรอบไฟหน้า
และไฟตัดหมอก เพิ่มความหรูหราเต็มพิกัดสำหรับรุ่นท็อป

กระบะท้ายนั้น ชุดไฟท้ายเป็นแบบ สี่เหลี่ยม แข็งๆ ทื่อๆ ดูเผินๆ อาจนึกว่าเป็น Toyota Hilux Vigo
Champ กันไปสักหน่อย แต่ การออกแบบจุดรอยเชื่อมต่อของพื้นกระบะหลังนั้น ทำได้เรียบร้อยและ
เนียนอย่างมาก ที่สำคัญ ไฟท้ายของโคโลราโด ในรุ่นท็อปยังเป็นแบบ LED ส่องสว่างเห็นชัดเจน
นับเป็นครั้งแรกของรถกระบะ Chevy Truck พื้นผิวตัวถังรถภายนอกทั่วทั้งคัน รวมถึงฝากระโปรง
และแผงประตู ซึ่งผสมผสานชั้นผิวตัวถังรถด้วยแสงธรรมชาติ เพื่อสีรถที่สดใหม่ เรียบลื่น เนียนตา

เส้นสายภายนอกของ Colorado ใหม่ เป็นผลงานของศูนย์การออกแบบ Advanced Design Center
ของ GM ในนคร Sao Paolo ประเทศ Brazil และถ้าพูดกันตามตรง พวกเขานำงานออกแบบของ
รถรุ่นจำหน่ายจริง ไปปรับปรุง ให้กลายเป็น Chevrolet Colorado Show Truck ที่เคยเปิดตัวใน
เมืองไทยอย่างยิ่งใหญ่ ปลายเดือนมีนาคม ที่ผ่านมา รวมถึง อาร์เจนติน่า ออสเตรเลีย และเยอรมนี
ตลอดทั้งปีที่ผ่านมานี้

ทีมวิศวกรที่มีทักษะชั้นเยี่ยมของ GM Brazil ใช้ประสบการณ์อันเชี่ยวกรากในการผลิตรถกระบะ
เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดแต่ละประเทศ ซึ่งรวมถึงภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
มาเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนา Colorado ใหม่ วิศวกรจำนวนไม่น้อย ถึงขั้น เดินทางมาพักอาศัย
ในประเทศไทยตลอดช่วงการพัฒนา Colorado ใหม่ เพื่อเข้าถึงตลาดรถกระบะเมืองไทยที่มีการ
แข่งขันสูงมาก และเฝ้าสังเกตการณ์รูปแบบการขับขี่ใช้งานอันหลากหลายของคนไทย ซึ่งทักษะ
ความเชี่ยวชาญของทีมวิศวกรจีเอ็ม นำมาซึ่งการพัฒนาโคโลราโด รุ่นใหม่ ออกมา 3 ระดับ คือรุ่น
เริ่มต้น LS รุ่นกลาง LT และรุ่นสูงสุด LTZ  

ห้องโดยสารเป็นแบบ Dual Cockpit  เช่นเดียวกับ Chevrolet รุ่นใหม่ๆทุกรุ่น แม้ว่าแผงหน้าปัดทั้งชิ้น
รวมทั้งช่องแอร์ จะเหมือนกับ Isuzu D-Max ใหม่  แต่ความแตกต่าง อยู่ที่ชุดมาตรวัดเป็นแบบ 2 ช่อง
ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจาก Chevrolet  Camaro รถยนต์ 2 ประตู GT แบบ Muscle Car
ยอดนิยม (แต่พอดูดีๆ จะพบว่า หน้าตาคล้ายกับ ชุดมาตรวัดของ Mitsubishi Pajero รุ่นปี 1982-1990)
พวงมาลัยแบบ 3 ก้าน สไตล์สปอร์ต กระชับมือ เปลี่ยนมาติดโลโก้โบว์ไท  ติดตั้งชุดเครื่องเสียงแบบ
Built-in ที่ถูกออกแบบให้สอดรับกับชุดแผงหน้าปัดทั้งหมด อย่างลงตัว ประกอบด้วย วิทยุ AM/FM
เครื่องเล่น CD/MP3 พร้อมช่องเสียบ USB และ AUX เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในเกือบทุกรุ่นย่อย
ส่วนเครื่องปรับอากาศ ปกติ เป็นแบบสวิชต์วงกลมมือหมุน 3 ชิ้น วางเรียงแบบสัญลักษณ์บนซอง
ข้าวตุ๋นตราลูกเต๋า (ไปลองหาดูว่าเป็นยังไง) แต่ในรุ่นท็อป จะติดตั้งสวิชต์เครื่องปรับอากาศ Digital
แบบวงกลม ใช้ไฟตกแต่งสี Ice Blue เหมือนชุดมาตรวัด (D-Max ใช้สีแดง-แสด)

ภายในห้องโดยสารของ Colorado ใหม่ ยังมีช่องเก็บของมากที่สุดในรถระดับเดียวกัน โดยในรุ่น
กระบะส่งของ Regular Cab มีทั้งหมด 16 ช่องเก็บของ รุ่น X-Cab มีทั้งหมด 19 ช่อง และ C-Cab
มีทั้งหมดถึง 30 ช่อง

เบาะที่นั่งหุ้มผ้า หรือเบาะหนังเสริมด้วยวัสดุโทนเดียวกับวัสดุตกแต่งคอนโซลกลางในรุ่นท็อป
มีการออกแบบที่เน้นขอบสันให้คมชัด ใช้วัสดุโฟมความหนาแน่นสองชั้น เพื่อความสบายในทุก
การเดินทาง ขณะที่รุ่นเริ่มต้นใช้เบาะหนังแบบไวนิล รูปทรงของเบาะ ก็เหมือนกับ D-Max ใหม่
นั่นเอง ดังนั้น พนักพิงเบาะหลัง ก็จะมาในแนวเดียวกันคือ พื้นที่รองรับสะโพกจะดีมาก แต่ส่วน
แผ่นหลัง อาจจะยังต้องหนากว่านี้อีกนิดนึง

อีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้ Colorado ใหม่ แตกต่างไปจาก D-Max ใหม่มากขึ้น ชัดเจน อยู่ที่การเลือกใช้ขุมพลัง
ใหม่ของตัวเอง โดยไม่ต้องพึ่งพา Isuzu ในเรื่องนี้อีกต่อไป สรุปง่ายๆก็คือ ใช้เครื่องยนต์ ไม่เหมือนกัน
และแยกออกจากกัน เป็นเครื่องยนต์ใหม่ล่าสุด ตระกูล DURAMAX ดีเซล 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว ระบบ
Common Rail Direct Injection พร้อม Turbocharger และ Intercooler ถือเป็นเอกสิทธิ์เฉพาะของ Chevy
เท่านั้น มีให้เลือก 2 พิกัดความแรง

ทั้งแบบ XLD25 2,449 ซีซี Turbo แบบไม่มีครีบแปรผัน 150 แรงม้า (PS) ที่ 3,800 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
350 นิวตันเมตร (35.7 กก.-ม.) ที่  2,000 รอบ/นาที มีเฉพาะ เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เลือกได้ทั้งรุ่นขับเคลื่อน
ล้อหลัง หรือขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Hi และ 4Lo ควบคุมด้วยสวิชต์ไฟฟ้าตามความต้องการของผู้ขับขี่ (Part-Time)

และรหัส XLD28 ขนาด 2,776 ซีซี urbo แบบมีครีบแปรผัน แรงสะใจถึง 180 แรงม้า ที่ 3,600 รอบ/นาที ส่วน
แรงบิดสูงสุด มี 2 ระดับ คือรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ สูงถึง 440 นิวตันเมตร (44.9 กก.-ม.ที่ 2,000 รอบ/นาที
แต่ถ้าคิดว่านั้นคือที่สุดแล้ว บอกได้เลยว่า ยังครับ ดูแรงบิดของรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ เสียก่อน งานนี้ มี
แรงบิดมหาศาลถึง 470 นิวตันเมตร (47.9 กก.-ม.) ที่ 2,000 รอบ/นาที มีให้เลือกทั้งรุ่น ขับเคลื่อนล้อหลัง และ
ขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Hi และ 4Lo ควบคุมด้วยสวิชต์ไฟฟ้าตามความต้องการของผู้ขับขี่ (Part-Time)

ขุมพลังทั้ง 2 แบบ จะถูกผลิตขึ้นที่โรงงานผลิตเครื่องยนต์แห่งล่าสุดของ GM ที่เพิ่งมีการทำพิธีเปิดไปหมาดๆ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2011 ที่ผ่านมา ด้วยเงินลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาท และพนักงานกว่า 500 คน เพื่อผลิต
เครื่องยนต์รุ่นใหม่นี้ โดยเฉพาะ ทั้งเพื่อการจำหน่ายในเมืองไทย และส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยทั้ง 2 รุ่น
เครื่องยนต์ จะมีชิ้นส่วนที่รองรับการใช้งานได้ระยะทางสูงถึง 240,000 กิโลเมตร เหมือนกัน

พวงมาลัยเป็นแบบแร็คแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ไฮโดรลิกช่วยผ่อนแรง ระบบกันสะเทือนหน้าแบบอิสระ
ปีกนก 2 ชั้น ด้านหลัง เป็นแหนบ ขึ้นอยู่กับว่า เป็นรุ่นไหน ตัวถังอะไร ถ้าเป็นรุ่น X-Cab กับ C-Cab ไม่ว่าจะ
ยกสูง Z71 หรือ 4×4 จะใช้แหนบ 3 ชั้น Leaf Spring รูปครื่งวงรีใช้วัสดุทำด้วยเหล็กกล้า พร้อมโช้กอัพแก็ส เน้น
ความนุ่มนวล แต่มั่นใจในการเดินทาง แต่ถ้าในรุ่น Regular-Cab จะเป็นตับแหนบ Leaf Spring รูปครื่งวงรีใช้
วัสดุทำด้วยเหล็กกล้า พร้อมโช้กอัพแก๊สแบบ 4 ชั้น เพื่อเน้นรองรับงานบรรทุก

ยิ่งรถกระบะยุคใหม่ มีพละกำลังมหาศาลมากขึ้นเท่าใด ความปลอดภัยยิ่งต้องเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย Colorado
ใหม่ จึงอัดแน่น จัดเต็มด้วยระบบความปลอดภัย อย่างที่ไม่เคยมีใครติดตั้งให้ได้ครบมากเท่านี้มาก่อน ไม่ว่าจะ
เป็นระบบเบรกแบบหน้าดิสก์ หลังดรัม พร้อมจานเบรกหน้า และดุมล้อหลังขนาดใหญ่พิเศษ ทำงานร่วมกับ
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS พร้อมระบบกระจายแรงเบรก EBD ระบบช่วยเพิ่มแรงเบรก Hydraulic Brake Assist
(HBA) ระบบเพิ่มแรงเบรกในภาวะฉุกเฉิน Panic Brake Assist (PBA) ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว (ESP)
ระบบควบคุมการลื่นไถลของล้อ Traction Control System (TCS) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Limited Slip และที่
เหนือกว่าใคร นั่นคือ ระบบช่วยเบรกในขณะเข้าโค้ง Conering Brake Control (CBC) เทคโนโลยีที่เคยมีอยู่เฉพาะ
ในรถยนต์ระดับหรู อย่าง BMW ติดตั้งเป็นรายแรกในรถกระบะเมืองไทย

Chevrolet Clorado มีตัวถังให้เลือกทั้งรุ่น S-Cab กระบะมาตรฐาน สำหรับงานบรรทุกที่สมบุกสมบัน รุ่น X-Cab
พร้อมบานแค็บเปิดได้ และรุ่น C-Cab 4 ประตู โดยในรุ่น X-Cab และ C-Cab นั้น จะมีทั้งรุ่นความสูงมาตรฐาน
รุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และรุ่นขับเคลื่อนสองล้อยกสูง Z71 ที่มีให้เลือกมากรุ่นหลายแบบ ตามความต้องการที่แตกต่าง
มากถึง 26 รุ่นย่อย ทั้งเกรด LS LT และ LTZ งานนี้ เลือกกันตาเหลือกเหงือกแห้งเลยทีเดียว!

GM Thailand จะส่ง Chevy Colorado ใหม่ ขึ้นโชว์รูมพร้อมกันทั่วประเทศในวันที่ 17 ตุลาคม 2011 นี้ เป็นวันแรก
ซึ่งนั่นก็จะตรงกับวันแรกที่สื่อมวลชนสายรถยนต์ในบ้านเรา จะได้กลายเป็น สื่อมวลชนกลุ่มแรกในโลกที่ได้มี
โอกาสทดลองขับ Colorado ใหม่ สำหรับรีวิวแบบ First Impression นั้น เรายังไม่อาจบอกได้ว่า เป็นเมื่อไหร่ แต่
โปรดติดตาม Headlightmag.com ต่อไป…

————————————-///———————————–