ตระกูล Mira ในสายตาคนไทยคือรถเล็ก(บางท่านมองว่าเป็นรถกระป๋อง เทคโนโลยีต่ำ เพราะเป็นรถที่ถูกพัฒนาในยุค 80)เคยโลดแล่นสร้างสีสันบนท้องถนนและสานฝันคนอยากมีรถราคาถูกเคยโด่งดังช่วงต้น-กลางยุค 90 ก่อนจะแผ่วปลายอันเกิดจากการบริหารงานที่พวกเราไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดอะไรขึ้น บางท่านเคยบอกว่าผมว่าบริษัทแม่ (บริษัทที่คุณก็รู้ว่าคือใคร) ของไดฮัทสุตอนนั้นไม่อยากให้แบรนด์นี้โตเพราะจะต้องดันรถราคาประหยัดโครงการ AFC ครับ ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเราคงไม่พูดถึงกันในนี้

 

หันมามองตลาดญี่ปุ่น Mira คือเคคาร์แฮทช์แบคทรงมาตรฐานยอดนิยม(ก่อนถูกรถ Tall Boy ยึดครองตลาดเสียหมด) สืบทอดความเป็นเคคาร์มาช้านานมากจนปัจจุบันมีซับแบรนด์ที่ขายดิบขายดีอย่าง Mira Gino สำหรับคนรักรถสไตล์ย้อนยุคแนว ออสติน มินิ จับกลุ่มทั้งผู้หญิงและผู้ชาย

Daihatsu พิจารณาว่ายังขาดกลุ่มเป้าหมายวัยรุ่นหรือผู้ที่ใช้ชีวิตสนุกสนานอย่างแท้จริง แม้จะมี Mira ต้นตำหรับวางจำหน่ายแต่ลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังเป็นสุภาพสตรีอายุเฉลี่ย 30 ปีขึ้นไป Daihatsu จึงจำเป็นต้องพัฒนารถยนต์รุ่นใหม่โดยใช้พื้นฐาน Mira ให้มากที่สุดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายดังกล่าว

Mira Cocoa คือรถซับเนมตระกูล Mira รุ่นใหม่ล่าสุด ดูเพียงแค่ชื่อที่เพียรสรรหาอุปมาอุปไมยระหว่างความสะดวกสบาย สดใส ราวกับกำลังดื่มโกโก้ก็น่าจะโดนใจวัยรุ่นผู้หญิงได้ไม่ยากนัก ที่สำคัญตัวรถมีคุณสมบัติเด่นที่หลายคนน่าจะชอบดังนี้

 

ดีไซน์ที่ตกหลุมรักได้ง่ายแถมยังขับสนุกอีกด้วย  การออกแบบภายนอกที่ดูเป็นมิตร น่ารักสดใสด้วยแนวคิดหลัก Friendly Modern  ด้วยหัวใจการออกแบบ 3 ข้อดังนี้ ไม่ธรรมดา,ปราศจากความยุ่งยาก และดูสบายตา จึงออกมาแนวเลขาคณิตง่าย ๆ เส้นสายเรียบดูสะอาดแต่ขัดเกลาให้โค้งมนไม่ให้ดูเหลี่ยมจนเกินไป เพิ่มความสะดุดตาด้วยไฟหน้าทรงกลมพร้อมกรอบไฟเลี้ยงทรงเหลี่ยมดูแปลกตา (นึกถึงรถต้นแบบของโตโยต้าบางรุ่นอีกด้วย)

 

ภายในที่ดูดีแต่เรียบง่ายช่วยขับดันให้เกิดอารมณ์การขับขี่ที่สนุกสนานด้วยดีไซน์สี่เหลี่ยมตัดหัวมนจัดวางตำแหน่งอุปกรณ์แบบแนวนอนใช้งานง่าย เบาะนั่งผ้าแบบไม่เก็บกลิ่นดีไซน์กึ่งแฟชั่นย้อนยุคเล็กน้อยใช้โทนสีห้องโดยสารสีเบจเป็นส่วนใหญ่แซมด้วยสีดำบางพื้นที่ สำหรับรุ่น Cocoa L และ X จะให้เบาะสีเทากึ่งเบจอนาคตอาจจะเพิ่มเบาะหนังสีดำให้เลือก

ความกว้างขวางของห้องโดยสารเคคาร์ยุคนี้ โปรดอย่าดูถูกเด็ดขาดเพราะ Mira Coca มิติภายในยาวถึง 1,930 มม. ภายในสูงถึง 1,345 มม. ได้อานิสงค์จากขนาดตัวถังรถที่สูงถึง 1,530 มม.

การขับขี่ถูกปรับปรุงให้ขับง่ายด้วยอุปกรณ์เสริมที่ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ขับด้วยกระจกส่องหลังติดตั้งจอมอนิเตอร์ขนาดเล็ก ๆ ที่ถ่ายทอดภาพจากกล้องส่องถอยหลังเฉพาะรุ่น Cocoa Plus G และอุปกรณ์เสริมสำหรับรุ่น Cocoa X (ผู้เขียนก็สงสัยว่าทำไมไม่ทำติดตั้งที่คอนโซลกลาง ถ้าให้คาดเดาน่าจะเป็นเรื่องต้นทุนและแนวคิดการออกแบบ)

หากตัวช่วยแค่นี้ไม่พอสำหรับการถอยหลังเข้าซอง กระจกมองข้างด้านซ้ายของผู้ขับจะปรับมุมก้มโดยอัตโนมัติ เมื่อถอยหลังสำเร็จลุล่วงและเข้าเกียร์เดินหน้ากระจกมองข้างซ้ายจะปรับสู่ตำแหน่งเดิมทันที

สมรรถนะพอเพียงต่อการใช้งาน ยกงานวิศวกรรมทั้งช่วงล่างและเครื่องยนต์จากตระกูล Mira ด้วยขุมพลัง KF-VE ทวินแคม วาล์วแปรผัน DVVT 3 สูบ 660 ซีซี 58 (PS) แรงม้าที่ 7,200 รอบต่อนาที แรงบิด 6.6 กิโลกรัมเมตรที่ 4,000 รอบต่อนาที ผ่านค่ามาตรฐานไอเสียทีดีกว่ามาตรฐานประจำปี 2005 และหากจับคู่เกียร์ CVT ในรุ่นขับเคลื่อนล้อหน้า อัตราสิ้นเปลืองวัดตามมาตรฐาน JC08 ก็ดีกว่าเกณฑ์บังคับภายในปี 2010 ทำให้ลดภาษีประจำปีลงอีก 75%

 

 

เห็นเป็นรถเล็กแบบนี้ก็ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยเรียบร้อยแบบเดียวกับมาตรฐานยุโรปด้วยโครงสร้าง TAF (Total Advanced Function) สร้างจุดสมดุลระหว่างการดูดซับแรงกระแทกที่ดีทั้งด้านหน้า ด้านข้างและการใช้วัสดุน้ำหนักเบาะแต่มีความแข็งแกร่ง ผลทดสอบออกมาพบว่า Mira CoCoa ปกป้องผู้โดยสารได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ติดตั้งเข็มขัดนิรภัย 3 จุดครบทุกที่นั่ง พร้อมระบบดึงกลับอัตโนมัติและลดแรงตึงสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารตอนหน้า ระบบ ABS/EBD เป็นอุปกรณ์มาตรฐานในรุ่น Cocoa X และ Cocoa Plus X/G

วางจำหน่ายวันนี้ที่ญี่ปุ่นตั้งราคาตั้งแต่ 1,050,000 – 1,432,000 เยน ตั้งเป้าจำหน่าย 3,000 คันต่อเดือน