Ford แบรนด์รถยนต์ยักษ์ใหญ่จากอเมริกัน เดินหน้าปรับโฉม Ford EcoSport ครอสโอเวอร์รุ่นเล็กแบบกะทันหัน
หลังมีอายุการตลาดได้ไม่ถึง 2 ปี แต่สงวนสิทธิ์ให้เฉพาะตลาดยุโรปกันก่อนในตอนนี้ เนื่องจากกระแสตอบรับจากตลาดยุโรป
อยู่ในด้านลบมาก เพราะรับไม่ได้กับคุณภาพตัวรถ

alt

ไม่บ่อยครั้งนักที่เราจะได้เห็นแบรนด์รถยนต์ชะล่าใจกับผลิตภัณฑ์ของตน จนต้องกลับไปแก้ไขอย่างเร่งด่วนเพื่อ
พลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้นอย่างเร็วที่สุด สำหรับ Ford EcoSport นั้น ลูกค้าชาวยุโรปไม่พอใจกับงานออกแบบ
รวมทั้งคุณภาพการประกอบและการขับขี่ ทำให้คราวนี้ Ford ทำการบ้านอย่างรวดเร็วเพื่ออุดจุดด้อยของรถยนต์รุ่นนี้ทั้งหมด
เพราะที่ผ่านมาไม่สามารถทำยอดขายสู้บรรดาคู่แข่งได้เลย

รูปลักษณ์ภายนอกมีความเปลี่ยนแปลงที่ด้านท้าย เป็นความเปลี่ยนแปลงอย่างเด่นชัดลูกค้าชาวยุโรปไม่ค่อยถูกใจ
กับการติดตั้งยางอะไหล่แบบเดิมสักเท่าไหร่ Ford จึงตัดสินใจออกแบบฝากระโปรงท้ายใหม่ทั้งหมด ยกชุดยางอะไหล่วงโต
ออกไป และเปลี่ยนมาใช้ชุดปะยางแทน พร้อมกับแก้ไขงานออกแบบให้ดูหรูหรา ทันสมัยมากขึ้น

Ford ยังมีการเพิ่มรุ่นตกแต่ง EcoSport S ซึ่งจะเปลี่ยนมาใช้ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ลายสปอร์ต พร้อมเปลี่ยน
เปลืองกระจกมองข้างและหลังคาเป็นสีดำ ติดตั้งกระจก Privacy Glass และกาบล่างกันชนหน้า-หลัง ซึ่งน่าจะทำให้
ลูกค้าเพิ่มความสนใจใน EcoSport มากขึ้น

alt

จุดสำคัญที่สุดในการปรับโฉมครั้งนี้ อยู่ที่การปรับปรุงงานวิศวกรรมตัวรถทั้งหมด โดย Ford กล่าวว่ามีการเสริมวัสดุซับเสียง
ทั้งคันรถ เพื่อลดเสียงรบกวนขณะขับขี่ ภายในห้องโดยสารติดตั้งหน้าจอสีขนาด 4 นิ้วใหม่ แบบเดียวกับ Ford Focus ก่อนปรับโฉม
เปลี่ยนตำแหน่งคันเบรกมือ และปรับการตกแต่งด้วยเบาะนั่งหุ้มหนังแท้ในรุ่น Titanium

ระบบช่วงล่างปรับจูนใหม่ ทั้งตัวคานบิด โช้กอัพ และสปริง ให้มีความหนึบแน่นมากขึ้น เพิ่มความมั่นใจการขับขี่
และลดความสูงตัวถังกับพื้นถนนลง 10 มิลลิเมตร รวมทั้งโปรแกรมระบบช่วยทรงตัวรถ ESP ใหม่อีกด้วย

นอกจากนี้ด้านขุมพลัง ยังมีการปรับจูนใหม่ให้ผ่านมาตรการไอเสีย EU6.1 ซึ่งกำลังจะเริ่มใช้แล้ว ในรุ่นเครื่องยนต์ดีเซล
ปรับปรุงใหม่ให้กำลังมากขึ้นกว่าเดิม 5 แรงม้า

alt

Ford EcoSport Facelift จะเริ่มทำตลาดในยุโรปตั้งแต่เดือนมิถุนายนเป็นต้นไป แต่ยังไม่น่าจะได้เข้ามาทำตลาดในไทยเร็วๆนี้
เนื่องจากยอดขายยังพอเดินไปได้ และการปรับโฉมครั้งนี้เน้นหนักเพื่อเอาใจรสนิยมชาวยุโรปเป็นหลักมากกว่า