บริษัท เจเนอรัล มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น จำกัด (GM) และบริษัท เซกเวย์ จำกัด ประกาศความร่วมมือ โครงการพัฒนา
“พูม่า” (P.U.M.A. – Personal Urban Mobility and Accessibility) พาหนะใหม่ ในลักษณะ Personal Mobility
ที่มหานครนิวยอร์ก เมื่อวานนี้ (7 เมษายน 2009)

เซกเวย์นั้น หลายๆคนอาจจะรู้จักกันดี ว่าเป็นบริษัทหัวก้าวหน้า
นับตั้งแต่การเปิดตัว Segway Personal Transporter (PT Segway) บริษัท เซกเวย์ ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำใน
การสร้างยานพาหนะขนาดเล็ก ตอบสนองการใช้งานในพื้นที่แออัด และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
ด้วยรูปแบบการใช้งานที่ตอบสนองลูกค้าทุกด้าน ปัจจุบัน เซกเวย์ พร้อมแบตเตอรี่ ลิเธียม-ไอออน
ออกจำหน่ายไปแล้วมากกว่า 60,000 เครื่อง ทั่วโลก รวมทั้งในเมืองไทย

ขณะที่จีเอ็ม แม้ปัจจุบันจะอยู่ในสภาพการเงินที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายอยู่ แต่ในช่วง หลายปีที่ผ่านมา
จีเอ็มเองก็เป็นหนึ่งในผู้ผลิตรถยนต์ชั้นนำที่มุ่งมั่นพัฒนา “ยานยนต์แห่งการเชื่อมต่อ” เทคโนโลยีล้ำยุคอย่าง
On Star ที่เปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2539 ให้บริการลูกค้าทั้งด้านความปลอดภัย และการป้องกันภัย ในตลาดอเมริกาเหนือ
มากกว่า  6 ล้านคน นอกจากนี้ จีเอ็ม ยังเป็นผู้คิดค้นเทคโนโลยีระบบสื่อสาร “ยานยนต์สู่ยานยนต์” (V2V)
ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ช่วยให้ยานยนต์ ขับเคลื่อนได้เองโดยปราศจากคนขับ และไม่เกิดอุบัติเหตุ

ถึงแม้ว่า แนวคิดในการสร้าง พาหนะติดล้อ สำหรับการเดินทางตามตรอกซอกซอยในเมือง จะไม่ใช่ของแปลกใหม่
เพราะหลายๆบริษัทรถยนต์ อาทิ Toyota และหน่วยงานวิจัยต่างๆ อีกมากมาย ได้เคยนำเสนอ พาหนะแนวคิดในลักษณะนี้มาแล้ว
และพาหนะดังกล่าว ก็เคยถูกนำมาจัดแสดงในงานมเตอร์โชว์ที่เมืองไทย ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ถึง 3 คัน (เช่น i-Unit)

แต่ความแตกต่างของ โครงการพูม่านั้น Larry Burns รองประธานฝ่ายวิจัย พัฒนา และวางแผนกลยุทธ์ ของ GM
กล่าวว่า “โครงการพูม่า แสดงให้เห็นถึงการสร้างสรรค์มิติใหม่ของการเดินทางในเมืองใหญ่ ซึ่งผู้คนมากกว่าครึ่ง
ของประชากรทั่วโลกอาศัยอยู่ ลองจินตนาการถึงยานยนต์พลังงานไฟฟ้าขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง มีระบบ
ที่จะจับการเคลื่อนไหวของวัตถุอื่น และหลีกเลี่ยงที่จะเคลื่อนเข้าไปหาได้ พร้อมกับสามารถเชื่อมต่อยานยนต์ชนิดนี้
เข้ากับระบบที่มีความคล้ายคลึงกับอินเทอร์เน็ต เพิ่มประสิทธิภาพในการเดินทางทั่วทั้งเมือง หาที่จอด
และสร้างเครือข่ายทางธุรกิจและสังคมได้ด้วย และลองจินตนาการ ถึงค่าใช้จ่ายเพียง 1 ใน 3 หรือ 1 ใน 4
ของรถที่คุณใช้ในปัจจุบัน นี่คือโครงการพูม่าของเรา”  

ฟังดูแล้ว น่าสนใจใช่ไหมละ!

 

ที่ผ่านมา มีแนวโน้มว่าการอาศัยในเมืองใหญ่จะขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่ตามมาคือความแออัดบน
ท้องถนน และการแย่งหาที่จอดรถ เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังมองหาหนทางลดมลพิษ และบรรเทาความหนาแน่น
ในเมือง ซึ่งโครงการพูม่า สามารถตอบโจทย์ได้อย่างตรงเป้า

โครงการดังกล่าวผนวกเอาเทคโนโลยีอันล้ำหน้าของทั้งจีเอ็ม และเซกเวย์ เข้าไว้ด้วยกัน ทั้งพลังงานไฟฟ้า
การทรงตัวบน 2 ล้อ อันเป็นจุดแกร่งในเทคโนโลยีของทางเซกเวย์  อัตราเร่ง การบังคับเลี้ยว และการเบรก
ควบคุมด้วยอิเลกทรอนิคส์ การสื่อสารระหว่างยานยนต์ ความสามารถในการขับขี่และจอดด้วยตนเอง
ทั้งหมดทั้งปวงถูกบรรจุอยู่ในโครงการพูม่า เพื่อสร้างสรรค์การขับเคลื่อนที่เป็นอิสระ พร้อมกับความประหยัด
ปราศจากมลพิษ เพียบพร้อมความปลอดภัย รวมถึงการเชื่อมต่อแบบไร้ขีดจำกัดที่จะช่วยลดภาวะแออัดในเมืองได้มาก

จิม นอร์รอด ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของเซกเวย์ กล่าวว่า “เรามีความตื่นเต้นมากที่ได้ทำงานร่วมกับจีเอ็ม
สรรค์สร้างยานยนต์ที่จะสร้างความแตกต่างให้การเดินทางในเมือง ยานยนต์ต้นแบบภายใต้โครงการพูม่า
เป็นการผสมผสานสุดยอดเทคโนโลยีของเซกเวย์ และจีเอ็ม ที่จะเติมเต็มความสมบูรณ์แบบระหว่างผู้ขับขี่ และสิ่งแวดล้อม”

นักออกแบบยานยนต์ในโครงการพูม่า ได้รับโอกาสให้สร้างสีสัน เติมแฟชั่นใส่ลงไปในรถอย่างเต็มที่
โดยมุ่งเน้นที่การตอบสนองต่อความต้องการของผู้คนผ่านทางยานยนต์ของพวกเขา พร้อมกับวางแนวทาง
ตอบสนองลูกค้าในเมืองต่อไปในอนาคต   

 

 

 

พาหนะ 2 ล้อจากโครงการพูม่านี้ ใช้แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน ขับเคลื่อนอย่างมั่นคงด้วยระบบไฟฟ้าบนสองล้อ
พร้อมช่องเชื่อมต่อเอื้อให้ผู้ขับสามารถควบคุมได้จากภายนอกรถ ผลที่ได้คือ พาหนะที่ เซกเวย์ตั้งใจจะพัฒนาให้
รองรับผู้โดยสารได้มากกว่า 2 คน เมื่อทำตลาดจริงนั้น ทำความเร็วสูงสุด ได้ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ขับเคลื่อนได้ระยะทาง
56 กิโลเมตรต่อการชาร์จไฟหนึ่งครั้ง  

อย่างไรก็ตาม พาหนะ 2 ล้อที่เห็นในการเปิดตัวเมื่อวานนี้ เป็นเพียงเวอร์ชันต้นแบบ เพื่อการทดลอง
เราจึงเห็นเพียงโครงสร้างหลักๆของมัน ในเบื้องต้น คงต้องรออีกสักระยะ กว่าที่งานออกแบบ ของเวอร์ชัน
จำหน่ายจริง จะปรากฎโฉมในอีกไม่นานหลังจากนี้

——————————///———————————