การขับเคี่ยวกันระหว่างแบรนด์รถยนต์ฝั่งเอเชียในตลาดสหรัฐอเมริกามีเพียงยักษ์ใหญ่ 4 ค่ายหลักเท่านั้นที่โหมกวาดยอดขายตลาดรถยนต์นั่งจนแทบจะยึดครองบัลลังก์ชนิดเบ็ดเสร็จกันเลยทีเดียว เพราะชาวอเมริกันหลายคนพร้อมทุ่มเทใจหันมาซื้อรถยนต์นั่งขนาดคอมแพคท์จนไปถึงซีดานคันโตจากค่ายรถเอเชียด้วยคุณงามความดีตัวรถที่ทั้งทนทาน ไว้ใจได้ และประหยัดน้ำมันกว่าค่ายรถอเมริกันส่วนใหญ่เสียอีก

หากเจาะลึกการแข่งขันในลีกค่ายรถเอเชียแล้วเราจะพบว่า Toyota ยังเป็นค่ายรถญี่ปุ่นอันดับ 1 ตลอดกาลชนิดที่ยากจะมีใครมาเทียบเคียงได้ คงมีแค่ Honda เท่านั้นที่สามารถเทียบเคียงกับ Toyota ได้เพราะรถยนต์หลายรุ่นล้วนโดนใจตลาดและมียอดขายสูงแทบทั้งนั้น

และเมื่อเรามองลงไปข้างล่างอีกระดับจะพบว่ามีสองค่ายรถแบรนด์ดังกำลังช่วงชิงตำแหน่งแบรนด์รถเอเชียอันดับ 3 ต่อจาก Honda ชนิดเอาเป็นเอาตายนั่นก็คือ Nissan และ Hyundai-Kia โดยเฉพาะฝ่ายหลังเป็นม้ามืดมาแรงในวงการรถยนต์ที่ค่ายรถอเมริกันและรถญี่ปุ่นจะต้องกลัว

จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้แบรนด์ Hyundai เริ่มแข็งแกร่งจนทำยอดขายใกล้กับรถญี่ปุ่นชั้นนำมากขึ้นก็คือการออกแคมเปญพิเศษสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ Hyundai สามารถคืนรถให้กับบริษัทหากลูกค้าตกงานโดยไม่เสียประวัติการเงินใด ๆ เลยภายในช่วงปลายปี 2008 จนทำให้แบรนด์ Hyundai มียอดขายเติบโตขึ้นสวนทางเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกาที่ย่ำแย่ขนาดนั้น ผลของแคมเปญนี้ทำให้แบรนด์ Hyundai ยึดครองใจลูกค้าชาวอเมริกันเพิ่มมากขึ้นเป็นประวัติการณ์

และจุดเปลี่ยนที่สำคัญคือ “ตัวรถ” Hyundai ยุคใหม่มีการออกแบบที่ยอดเยี่ยมชนิดรถญี่ปุ่นต้องเหลียวหลัง, สมรรถนะอยู่ในระดับชั้นนำ, มีนวตกรรมไม่แพ้ใคร ที่สำคัญราคาหน้าป้ายถูกกว่ารถญี่ปุ่นส่วนใหญ่เสียด้วย จึงไม่แปลกใจนักที่ลูกค้าชาวอเมริกันจะตอบรับ Hyundai Sonata ท้วมท้นชนิดที่คาดไม่ถึง และในไม่ช้า Hyundai ก็เตรียมถล่มตลาดรถคอมแพคท์ด้วย Elantra โฉมใหม่ที่ฉีกแนวชนิดหลังมือเป็นหน้ามือชั่วข้ามคืน

แต่ใช่ว่า Nissan จะอยู่นิ่งเฉยยอมให้ Hyundai แซงไปง่าย ๆ เราต้องอย่าลืมว่า Nissan มีสินค้าที่ครอบคลุมทุกเซกเมนต์ แต่ปัญหาของ Nissan คือรถที่วางจำหน่ายในตลาดสหรัฐอเมริกาส่วนใหญ่ยังไม่โดนใจลูกค้าชาวอเมริกันมากนักอีกทั้งยังมีต้นทุนการผลิตที่สูงเอาการ โดยเฉพาะตลาดกลุ่มรถคอมแพคท์อย่างรุ่น Versa และ Sentra ที่ไม่อาจคว้ายอดขายระดับ 2-3 หมื่นคันต่อเดือนเหมือน Toyota และ Honda คงมีเพียงรถระดับกลาง Altima และ Rogue ที่ทำยอดขายได้ดี

ดังนั้น การแก้ไขปัญหาของ Nissan คือการปรับปรุงตัวรถให้โดนใจลูกค้าชาวสหรัฐอเมริกาและตลาดโลกมากยิ่งขึ้น, พยายามลดต้นทุนการพัฒนาด้วยการจับยุบรถบางรุ่นให้เป็นรถรุ่นเดียวกันสำหรับทำตลาดโลก ยิ่งนานวันเราก็ยิ่งเห็น Nissan เปลี่ยนวิธีคิดในการพัฒนารถยนต์มากยิ่งขึ้น  ด้วยการทำรถเอาใจตลาดมากยิ่งขึ้นแต่หาช่องทางการลดต้นทุนอย่างเอาเป็นเอาตายสำหรับรถบางรุ่น

ขบวนรถใหม่ Nissan จึงควรจับตาไปที่ Juke, Leaf, All New Quest รวมไปถึงรถยนต์รุ่นผลัดโฉมใหม่หรือปรับปรุงโฉมอีก 6 รุ่นภายใน 2 ปีข้างหน้า

การแข่งขันครั้งนี้ผู้บริโภคมีแต่ได้และได้กันทั้งนั้น หาก ค่ายรถอเมริกันรายใดไม่ปรับตัวเร็ว ๆ เห็นทีอาจจะโดนแซงโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวก็ได้ครับ