ยอมรับว่า ผิดคาดไปหน่อย จากเดิม ซึ่งเคยทำนายเอาไว้ว่า ในปี 2010 นี้
อีซูซุ ผู้ผลิตรถกระบะ ระดับแชมป์ ของเมืองไทย  น่าจะมีรุ่นกระตุ้นตลาด
ออกมาสักรุ่นหนึ่ง ก่อนที่ รถรุ่นต่อไป รหัสโครงการ RT-50 จะพร้อม
เริ่มทำตลาดกันในอีกประมาณ 1 ปี หลังจากนี้

สรุปว่า ทายถูกครึ่งหนึ่ง และผิดครึ่งหนึ่ง

สิ่งที่ผมบอกว่าทายถูกหนะ ก็เป็นไปตามคาดคือ อีซูซุ
จะส่งรุ่นพิเศษของ D-Max มาเก็บกวาดยอดขายในปีนี้
เป็นไปตามที่ประเมินไว้

แต่อีกครึ่งหนึ่งที่ผมบอกว่าทายผิด ก็คือ ผมคาดการณ์ว่ามันควรจะใช้ระยะเวลา
ในการเตรียมการนานกว่านี้สักหน่อย ปล่อยให้รุ่น Super Platinum ที่เพิ่งจะ
ออกสู่ตลาด เมื่อ 17 กันยายน 2009 ที่ผ่านมา ทำตลาดต่อเนื่องไปอีกสักพัก

ที่ไหนได้ อีซูซุ เล่นเปิดตัวรุ่นพิเศษของ ดีแมกซ์ ในชื่อ X-SERIES
ออกมากระตุ้นตลาด กันตั้งแต่ต้นปี 2010 กันเลย ไวกว่าที่คาดไว้ เปิดตัวแล้ว
อย่างเป็นทางการ เมื่อค่ำคืนวันที่ 18 กุมภาพันธ์ 210 ที่ผ่านมา ณ Funky Villar
ผับดังย่านทองหล่อ

เห็นแค่สถานที่เปิดตัว ก็เริ่มเห็นความแตกต่างกันแล้วใช่ไหมครับ?
นั่นละ อีกประเด็น ที่ผมไม่เคยคิดมาก่อนเลย

ถือเป็นเรื่องน่าแปลกอยู่ไม่น้อย ที่ อีซูซุ จัดงานแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่
ในสถานที่แบบนี้ ทั้งที่โดยปกติแล้ว ค่ายตรีเพชรฯ จะผูกขาดแทบจะทุก
งานเปิดตัว ไว้กับ สถานที่จัดการประชุมชั้นนำ ถ้าไม่ใช่ อิมแพ็ค เมืองทองธานี
แล้ว อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี ไบเทค เอาไว้อยู่ในตัวเลือกหลักๆ เสมอมา

เพียงแค่กวาดสายตาไปทั่วพื้นที่จัดงานครั้งนี้ ก็แทบจะสัมผัสด้วยกลิ่นไอ ได้ทันที
โดยไม่ต้องมีใครมานั่งอธิบายเหตุผล ให้เสียเวลา ชัดเจนแล้วว่า เหตุที่ อีซูซุ จัดงาน
แนะนำรถรุ่นพิเศษ ให้แตกต่างไปจากเดิมที่เคยเป็นมา ก็เพราะต้องการจะนำพา
ดีแมกซ์ ของตน เข้าไปยังกลุ่มลูกค้าใหม่ๆ ที่ไม่เคยใช้ อีซูซุมาก่อน และกลุ่มนั้นก็คือ
“วัยรุ่น”

การทำตลาดรกระบะกับกลุ่มลูกค้า Young Generation ทั้งหลายนั้น แม้จะไม่ใช่เรื่องใหม่
ในระดับสากล โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา วัยรุ่นทางตอนใต้ มักนิยมซื้อรถกระบะ
มาแต่ง ขับใช้งาน จนอุปกรณ์กีฬาทางน้ำ ไปเที่ยวเล่นตามชายหาด ทั้งในแคลิฟอร์เนีย
และฟลอริดา

แต่ สำหรับเมืองไทยแล้ว นี่เป็นเรื่องใหม่ เพราะ ที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถกระบะ ทุกราย พยายาม
ทำตลาด เอาใจกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถกระบะ เพื่อการบรรทุก และการบันเทิงกับครอบครัวใหญ่ๆ
ของตนเป็นหลัก

แต่ในเมื่อ ตลาดรถกระบะ ได้รับผลกระทบจากวิกฤติน้ำมันดีเซลแพงกระฉูด เมื่อช่วง
กลางปี 2008 เป็นต้นมา ทำให้สภาพยอดขายเริ่มลดลง แม้ตอนนี้ สถานการณ์จะนิ่งสงบ
แล้วก็ตาม แต่ความต้องการในกลุ่มลูกค้าประเภทหลัก เริ่มอิ่มตัว ดังนั้น การมองหา
ตลาดกลุ่มใหม่ และความท้าทายใหม่ๆ จึงเป็นทางออกที่พอจะช่วยประคับประคอง
ยอดขายไปได้อีกพักใหญ่ ก่อนที่รถรุ่นใหม่จะพร้อมออกสู่ตลาด  

คราวนี้  อีซูซุ เล่นใช้สีโทนแดง-ดำ เป็นธีมหลักในการปรับปรุงดีแมกซ์ ครั้งนี้
เริ่มจากปรับสัญลักษณ์ อีซูซุ บนกระจังหน้าให้เป็นสีแดง ตกแต่งรถเอาใจวัยรุ่นมากขึ้น
สีตัวถังจะมีให้เลือก แค่ 3 สี คือ ดำไมก้า ขาวมุก และ เงิน Stering Silver
คาด Strip ลายคู่ บนฝากระโปรงหน้า ในรุ่น Speed และ Hi-Lander 2500 Ddi
ส่วนรุ่น 3000 Ddi VGS Turbo จะมีสคูปฝากระโปรงหน้า ช่วยเสริมให้รถดูดุดัน
เพิ่มขอบหน้าต่างและแถบกันกระแทกด้านข้าง ทำด้วยวัสดุโครเมี่ยม
แถมในรุ่น CAB4 LS ยังตกแต่งด้วยสีเทาพิเศษรอบคัน ทั้งขอบล้อ (Fender)
และบันไดข้าง (Side Step) ส่วนรุ่น SPEED ตกแต่งด้วยชุดสเกิร์ตรอบคัน

ห้องโดยสาร ปรับการตกแต่งโดยยืนพื้นสีดำเป็นหลัก แต่ประดับด้วยโทนสีแดง
ทั้งบนเบาะนั่งและวัสดุบุข้างประตู ทั้งแบบผ้าสีดำ-แดง และหนังสีดำ-แดง
พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนังแท้จับกระชับ สัญลักษณ์ อีซูซุ บนพวงมาลัย
เปลี่ยนมาเป็นสีแดง มาตรวัด Super Vision สไตล์สปอร์ต พร้อมแผงควบคุม
เรืองแสงสีส้มแอมเบอร์

ขุดเครื่องเสียงแบบ Platinum Entertainment จาก KENWOOD ประกอบด้วย
ชุดเครื่องเล่น DVD ขนาด 7 นิ้ว (2 Din) ควบคุมการทำงานด้วยระบบสัมผัส  
พร้อมเชื่อมต่อทั้ง iPod*, iPhone* และ BlackBerry รวมถึง Bluetooth Connection
มี Platinum Vision Camera กล้องมองภาพขณะถอยหลัง (เฉพาะรุ่น LS และ Hi-Lander)

• หมายเหตุ : *ต้องเชื่อมต่อด้วยอุปกรณ์เสริมพิเศษเพิ่มเติม

 

เครื่องยนต์ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ มีให้เลือก 2 ระดับความแรง

– เครื่องยนต์ดีเซลรุ่น 4JK1-TC บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,499 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 95.4 x 87.4 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 18.3 : 1
ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ คอมมอนเรล Ddi พ่วง Turbo ธรรมดา และ
IntrerCooler 115.6 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 280 นิวตันเมตร
(28.5 กก.-ม.) ที่ รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,800 – 2,200 รอบ/นาที

มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ
อัตราทดเกียร์ 1/2/3/4/5 ดังนี้ 4.008 / 2.301 / 1.427 / 1.000 / 0.745 เกียร์ถอยหลัง 3.651

วางในรุ่น SPEED Hi-Lander 2 ประตู และ Hi-Lander 4 ประตู ขับเคลื่อน 2 ล้อ ทั้งหมด

– และเครื่องยนต์ดีเซล รุ่น 4JJ1-TCX บล็อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2,999 ซีซี
กระบอกสูบ x ช่วงชัก 95.4 x 104.9 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 17.5 : 1
ฉีดจ่ายเชื้อเพลิงด้วยระบบ คอมมอนเรล Ddi พวง Turbo แปรผันครีบ VGS
และ InterCooler  163.2 แรงม้า (PS) ที่ 3,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด
360 นิวตันเมตร (36.64 กก.-ม.) ที่ รอบเครื่องยนต์ตั้งแต่ 1,800 – 2,800 รอบ/นาที

มีเฉพาะเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ เช่นเดียวกัน
อัตราทดเกียร์ 1/2/3/4/5 ดังนี้ 4.326 / 2.557 / 1.490 / 1.000 / 0.790 เกียร์ถอยหลัง 3.942

วางในรุ่น ขับเคลื่อน 2 ล้อ Hi-Lander ทั้ง 2 และ 4 ประตู
กับรุ่นขับเคลื่อน 4 ล้อ ทั้ง Rodeo และ CAB4 LS ตัวท็อป

นอกนั้น รายละเอียดด้านงานวิศวกรรม ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแต่อย่างใด
รวมทั้งอุปกรณ์ด้านความปลอดภัย ทั้ง ถุงลมนิรภัย มีมาให้ คู่หน้า เข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรก ABS ชนิด 3-Channel 4-Sensor พร้อมระบบควบคุมแรงดันน้ำมันเบรก
ด้วยอิเล็กทรอนิกส์ EBD (อุปกรณ์เฉพาะรุ่น) และไฟหน้า Projector เฉพาะรุ่น

Isuzu D-Max X-Series จะเริ่มส่งขึ้นโชว์รูมในวันที่ 2 มีนาคมนี้ และพร้อมเปิดให้
จับจองเป็นเจ้าของกันได้ ใน วันดังกล่าว เป็นต้นไป

เราคงต้องมารอชมกันต่อว่า ความพยายามของอีซูซุ ครั้งนี้ จะได้ลูกค้ากลุ่มคาดหวัง
ซึ่งหมายถึงกลุ่มวัยรุ่น ที่เพิ่งจะทำงานมาได้ไม่กี่ปี เพิ่มเติมจากเดิม ไปมากน้อย
อีกเท่าใด เมื่อเทียบกับกลุ่มลูกค้าดั้งเดิม อันเป็นกำลังซื้อหลัก ที่ทำให้ ดีแมกซ์ ยังคง
ขายดีอยู่จนถึงทุกวันนี้

————————————-///—————————————-