ในอดีต Kia เคยเป็นรถที่ต้องมองคู่แข่งสัญชาติญี่ปุ่นเป็นหลักเท่านั้น เพราะในสมัยก่อน Kia ยังไม่สามารถต่อกรกับรถค่าย
ญี่ปุ่นได้ในทุกด้าน และในวันนี้ Kia ก็สามารพัฒนาตัวรถให้สามารถนำหน้าค่ายรถญี่ปุ่นได้ในบางจุด แต่ Kia คงไม่หยุด
อยู่แค่การจ้องจะแข่งกับค่ายรถญี่ปุ่นเป็นหลัก แต่ Kia จะต้องนำ BMW และ Audi มาเป็นจุดยึดหลักในการพัฒนารถอีก
ด้วย

alt

Lee Soon-nam เปิดใจกับสำนักข่าว Automotive News ว่า ในอดีต Kia ไม่เคยคิดจะมอง BMW และ Audi จนยึด
เป็นแกนหลักในการทำรถเลย เพราะมันทั้งเสียเวลาและเสียเงิน แต่สำหรับวันนี้ Kia จำเป็นต้องสังเกตการณ์ค่ายรถหรู
ระดับตัวพ่ออย่างใกล้ชิด

แต่ใช่ว่า Kia จะพยายามแข่งขันกับ BMW และ Audi โดยตรง แต่หมายความว่า Kia พยายามค้นหาทิศทางของแบรนด์
ให้แยกจาก Hyundai อย่างเด็ดขาดซึ่ง Oh Tae-hyun ซีโอโอฝ่ายธุรกิจนานาชาติของ Kia ก็ยืนยันว่าต้องการให้แบรนด์
Kia กลายเป็นหนึ่งในแบรนด์กระแสหลักเหมือน Volkswagen โดยยึดหลักแนวทางการสร้างแบรนด์ 2 แนวหลัก ได้แก่
การยึดมั่นในคุณภาพและอุดมไปด้วยเทคโนโลยีใหม่

สิ่งที่ Kia กังวลว่ากระบวนการสร้างแบรนด์จะถูกสะดุดก็คือการเร่งทำยอดขายเพื่อให้ถึงเป้าและค่าเงินวอนผันผวนจนต้อง
ลดทอนเทคโนโลยีหรือออพชั่นในตัวรถ

ขณะนี้ Kia มีปัญหาในด้านข้อจำกัดของกำลังการผลิตที่ผู้บริหารเองก็ยังไม่กล้าลงทุนก่อสร้างโรงงานเพิ่มเติมซึ่งพวกเขาก็
มีเหตุผลว่าจำเป็นต้องควบคุมการผลิตและซัพพลายเออร์สำหรับการผลิตจำนวนมาก ๆ ได้อย่างแท้จริง หากมือขยาย
ยอดขายเกรงว่าคุณภาพจะตกต่ำลง

Oh Tae-hyun ก็ยืนยันว่า พวกเขาต้องมองที่คุณภาพมากกว่าปริมาณ ทุกคนที่เกี่ยวข้องก็ต้องมีส่วนร่วมด้วยช่วยกันใน
การควบคุมคุณภาพ และดูเหมือนเขาเองก็เปรย ๆ ว่าเป้า 3.5 ล้านคันภายในปี 2016 อาจจะถึงได้ยากถ้าไม่มีโรงงานใหม่
เพิ่มเติม

ส่วนหนึ่งของการสร้างแบรนด์ก็คือการเติมเต็มด้านเทคโนโลยี ดังนั้น Kia อาจจะเป็นเจ้าพ่อด้านเครื่องยนต์กระบอกขนาด
เล็กลงแต่ติดตั้งเทอร์โบชาร์จเพื่อเรียกกำลังในรถยนต์ Kia ทุกรุ่นถือเป็นการสร้างความแตกต่างแบรนด์ที่ดูเน้นความ
สปอร์ตมากกว่า Hyundai

เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบจะต้องติดตั้งลงในรถยนต์ระดับ Optima ขึ้นไป, เครื่อง 1.6 ลิตร เทอร์โบจะต้องมีให้เลือกใน
Forte, เครื่อง 1.0 ลิตร – 1.2 ลิตร เทอร์โบจะต้องติดตั้งลงใน Kia Rio และ C’eed นอกจากนี้ Kia ยังจะขยายรถยนต์ที่ใช้
เกียร์คลัทช์คู่มากขึ้น

Kia ก็เตรียมนำเสนอรถยนต์เบนซิน Hybrid ภายในปี 2015 ในกลุ่มรถคอมแพคท์ ปลายปี 2015 จะนำเสนอรถ Plug-in
Hybrid ในกลุ่มรถตลาดที่วางจำหน่ายมาก่อนแล้ว

สิ่งที่ต้องแก้ไขปัญหาคือการวิเคราะห์ถึงออพชั่นในรถว่าจะสามารถทำกำไรภายใต้ค่าเงินวอนแข็งค่าขึ้นได้หรือไม่ Kia ก็
จำเป็นต้องลดค่าใช้จ่ายในขั้นตอนการพัฒนาหรือวางแผนการพัฒนา และเน้นไปที่ออพชั่นรุ่นบน ๆ หรือ Limited
Edition ที่สามารถทำกำไรได้สูงกว่า

แต่ถ้าหากค่าเงินวอนย่ำแย่ลงไปอีกก็อาจจะต้องหั่นออพชั่นบางตัวหรือปรับออพชั่นในรุ่นมาตรฐานให้กลายเป็นรุ่นออพชั่น
แพงไปเลย

อย่างไรก็ตามวิศวกรยังไม่มีการหั่นออพชั่นอะไร แต่ถ้า Kia ยังยึดการส่งออกรถยนต์จากเกาหลีใต้เรื่อย ๆ เห็นทีมาตรการ
การหั่นออพชั่นให้เหลือออพชั่นเท่าที่ลูกค้าจำเป็นแทน (แต่ลูกค้าจะไม่โวยเมื่อตัดออพชั่นที่ไม่จำเป็นออกไป)

ปัจจุบัน ค่ายรถญี่ปุ่น Big3 สามค่ายทั้ง Toyota, Honda และ Nissan ต่างก็มีโรงงานของตัวเองในสหรัฐอเมริกาเป็น
จำนวนมาก ส่วน Kia มีเพียงแค่โรงงานเดียวเท่านั้น และเหตุผลในย่อหน้าข้างบนน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ Kia
จำเป็นต้องสร้างโรงงานใหม่เพื่อทดแทนการนำเข้าจากเกาหลีใต้ที่นับวันจะหากำรี้กำไรจากความผันผวนของค่าเงินได้
น้อยลงทุกวัน