ผมเคยรวบรวมรถใหม่ในงาน LA Autoshow 2009 ไปครั้งหนึ่งแล้วเมื่อ 3 วันก่อนแต่อย่าลืมว่าบริษัทรถยนต์ทั้งหลายต่าง”เหนียม”ของดีมาปล่อยในวันงานวันที่ 2 ธันวาคม 2009 ประมาณ 10 โมงเช้าตามเวลาท้องถิ่นในสหรัฐอเมริกา ทำให้ผมต้องมารวบรวมข้อมูลด้วยความหงอยเหงา

แต่ขณะนี้ไฟกรรโชกแรงเข้าสู่งาน LA Autoshow 2009 อย่างที่ผมคาดไม่ถึงเลยทีเดียว เพราะบริษัทรถยนต์ยังกระหน่ำเปิดตัวรถใหม่เหมือนเช่นเคย หนำซ้ำยังมีรถต้นแบบให้ได้เห็นได้ชมพอประมาณด้วย

ขืนผมจะนั่งรอคอยเวลามิให้ผู้อ่านยลโฉมของใหม่สวย ๆ งาม ๆ ก็กระไรอยู่ ดังนั้น Headlightmag.com จึงต้องรับอาสา (ซึ่งเป็นของตายอยู่แล้ว) เปิดหูเปิดตาให้ผู้อ่านชมเป็นบุญตาครับ

Ford

ถึงเวลาส่ง Fiesta ลุยตลาดสหรัฐอเมริกา งานนี้ขอลุยทั้งซีดานและแฮทช์แบคพร้อมกันเพื่อเก็บเกี่ยวยอดขายให้กระหึ่ม ผมต้องขอย้ำกันอีกทีว่า Fiesta เวอร์ชันอเมริกาจะต่างกันที่รายละเอียดปลีกย่อยเท่านั้นเพื่อตอบสนองรสนิยมชนชาวอเมริกันและเพื่อให้เข้ากฏหมายในสหรัฐอเมริกา

เครื่องยนต์ที่ติดตั้งใน Fiesta เป็นแบบ 4 สูบ 1.6 ลิตร พร้อมวาล์วแปรผัน Ti-VCT  119 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 15 กิโลกรัมเมตร ยังไม่พอ Ford จับคู่กับเกียร์ Powershift 6 จังหวะและ DualClutch ทำให้ Ford กล้าเคลมว่า Fiesta ใหม่ประหยัดน้ำมันสุด ๆ แค่ 17 กิโลเมตรต่อลิตรเท่านั้น

Honda

Honda ส่งรถต้นแบบชื่อน่ารับประทานเหมือนถั่วนามว่า P-Nut Concept แต่กรุณาอย่าคิดไปไกลว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วแดง หรือถั่วดำเป็นอันขาด (โดยเฉพาะถั่วดำถ้ารับประทานอาจมีจุกถึงลิ้นปี่) แต่ชื่อย่อของ P-Nut เอามาจากคำว่า Personal-Neo Urban Transport ยานพาหนะสำหรับวิ่งในเมืองส่วนบุคคล

เห็นรถคันเล็กแบบนี้ไม่น่าเชื่อว่ามาจากศูนย์วิจัยและพัฒนา Honda R&D ภูมิภาคอเมริกา

แนวคิดของรถคันนี้จะต้องเป็นรถขนาดเล็กสามารถซอกแซกไปในเมืองโดยไม่ลำบากด้วยความยาว 3,400 มม. ความกว้าง 1,750 มม. ความสูง 1,439 มม. ภายใต้รูปทรงที่ล้ำสมัยมาก ๆ ใช้พื้นที่ทุกตารางเมตรให้คุ้มค่า แต่กลับดูปราดเปรียวกว่าที่เราเห็นเช่นกัน

การออกแบบภายในจัดวางเลย์เอาท์เหมือนรถตุ๊กตุ๊กในบ้านเราคือ ผู้ขับขี่จะนั่งตรงกลาง ส่วนผู้โดยสารอีก 2 ท่านจะนั่งสบาย ๆ อยู่ข้างหลัง ส่วนตำแหน่งเครื่องยนต์วางอยู่ด้านหลังรถซึ่งออกแบบให้ยืดหยุ่นเพื่อติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน,ระบบไฮบริด และระบบไฟฟ้า ไม่ว่าจะเป็นขุมพลังอะไรก็ต้องถ่ายทอดพลังไปสู่ระบบขับเคลื่อนล้อคู่หลังเท่านั้น

Infiniti

นึกว่าจะมัวแต่ขาย G Series Sedan จนลืมปรับโฉมหน้า วันนี้ก็เผยให้เห็นกันหน้าตาที่อัพเดทขึ้น และหน้าแบบนี้ล่ะก็จะเป็นหน้าของ Nissan Skyline Sedan Minorchange อีกด้วย

Mazda

ได้เวลาส่ง Mazda 2 รถซับคอมแพคท์ยอดนิยมกันเสียทีในตลาดสหรัฐอเมริกา ก่อนที่จะวางขายก็จับมันแปลงโฉมให้เป็นเวอร์ชัน Minorchange เหมือนเมืองไทยเสียก่อน หลังจากนั้นก็ตกแต่งให้เข้ากับกฏหมายของสหรัฐอเมริกา โดยรวมไม่แตกต่างจากเวอร์ชันตลาดโลกเลยครับ

 

Toyota

ตลาดมินิแวนในสหรัฐอเมริกาดูเหมือนจะเงียบแต่หากดูยอดขายแล้วพบว่าก็ไม่เลวร้ายเลยนะครับ Toyota ยังทำยอดขาย Sienna มินิแวนบิ๊กไซส์คู่ต่อกรกับ Honda Odyssey เวอร์ชันอเมริกัน เดือนพฤศจิกายน 2009 มากถึง 7,488 คัน มากกว่า Yaris (ทุกตัวถัง)ทีทำยอดได้แค่  3 พันกว่าคัน รวมไปถึงรุ่น Venza ที่ใช้พื้นฐานรุ่น Mark-X Zio ในญี่ปุ่นที่ขายได้แค่ 4 พันกว่าคัน

การปรากฏตัวของ Toyota Sienna โฉมใหม่รุ่นประจำปี 2011 นั้นก็ถือว่าไม่ธรรมดาแน่นอน เหล่าบรรดา soccer mom ทั้งหลายคงจับตาไม่กระพริบว่ามันจะมาในรูปแบบใด

ตามคาดเลยครับ Toyota เล่นจับเส้นสายของรถยุคปัจจุบันที่เราเห็นกันในหลายรุ่นมายำรวมกัน อันได้แก่ ชุดไฟหน้าและกระจังหน้าแนวเดียวกับ Venza การเล่นเส้นบ่ารถก็คล้าย Corolla บั้นท้ายชวนให้นึกถึง Land Cruiser ใหม่ และหากสังเกตด้านหน้าดี ๆ ก็ชวนให้นึกถึงรถต้นแบบล้ำสมัย F3R อยู่บ้าง ซึ่งหากมาเทียบกันแล้วล่ะก็แทบจะไม่เหมือนกันเลย

เห็นรูปร่างหน้าตาดูใหญ่บึกขนาดนี้อย่าเพิ่งคิดไปว่า Sienna ใหม่จะต้านลมมาก แต่เปล่าเลย Sienna สามารถฝ่าค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานได้ระดับ 0.306 เท่านั้น ถือว่าลู่ลมมากครับ

ขุมพลังมีให้เลือกเครื่อง V6 3.5 ลิตร 266 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ ECT-I  6 จังหวะ หากคิดว่าแรงเกินไปก็เลือกเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.7 ลิตร 187 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ ECT-I  6 จังหวะเช่นกัน

Volkswagen

Volkswagen หากินกับรถต้นแบบตระกูล Up! มานาน 3 ปีแล้ว คราวนี้มาถึง LA Show แล้วก็อวดโฉม Up! Lite Concept ซะเลย รูปร่างหน้าตาไม่เหมือน Up! ตัวก่อน ๆ เลยคราวนี้มาในมาดรถคูเป้ขนาดเล็กที่เน้นค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานมาก

จุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นรถ 4 ที่นั่งที่มีน้ำหนักเบาหวิวแค่ 693 กิโลกรัมส่งผลให้รถมีกำลัง ประหยัดน้ำมันและลดมลพิษมากขึ้น และยิ่งวางขุมพลัง Diesel Hybrid ด้วยแล้วล่ะก็ทำให้รถคันนี้ประหยัดน้ำมันระดับเทพถึง 2.44 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร