สวัสดีท้ายปีที่รักและสวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่านครับ

เป็นธรรมดาของวัฏจักรชีวิตที่มีขึ้นมีลง วงการรถยนต์ของพวกเราก็มีวันรุ่งและร่วงเหมือนกัน แต่กระนั้น
ในช่วงเวลาที่ได้ชื่อว่าเป็น “ยามลำบาก” อย่างที่ผู้คนในแวดวงรถยนต์ต่างเผชิญกันอยู่นี้ เราก็ยังมีโอกาส
ได้เห็นความพยายามในการฮึดสู้ของค่ายรถยนต์ โดยการนำเสนอรถรุ่นใหม่ๆสู่ตลาดให้ผู้บริโภคอย่างเรา
เลือกกันอย่างจุใจ

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานั้น จะสังเกตได้ว่างานโชว์รถมักให้ความสำคัญไปที่รถยนต์ซึ่งเป็นเป้าหมายของลูกค้า
หมู่มากอย่างเช่นรถยนต์นั่งระดับ Eco car และรถกระบะ 1 ตัน แต่ในขณะที่โครงการรถคันแรก (ซึ่งอาจจะเป็น
คันแรกของลูกสาวแต่คันที่ยี่สิบของบ้าน) เริ่มออกอาการ “Backfire” ซึ่งมีนิยามคล้ายกับรายการบ่ายนี้ขี้เป็นไฟ
ซึ่งใครก็ตามที่..บริโภคอะไรสักอย่างจนเกินควรในยามกลางวันโดยที่มิได้ประเมินความสามารถท้องไส้ตนเอง
จักต้องพบกับจุดจบ..ที่ไหนและหนักหนาแค่ไหนก็คงนึกออกกันนะครับ..เมื่ออัตราการบริโภค”รถยนต์”ของเรา
ในช่วงที่ผ่านมาสูงและขาดการประเมินที่ดีพอ ผลลัพธ์ออกมาจึงกลายเป็นการเสียสมดุลย์ในช่วงเวลาของ
การทำยอดขายอย่างที่เห็น

สภาพการณ์แบบนี้ แม้จะเป็นที่น่าอึดอัดใจ และบางค่ายก็ต้องลุ้นกันตัวโก่งว่าทำยอดขายได้มากน้อยแค่ไหน
แต่นับว่าคนเล่นรถชาวไทยยังโชคดี ที่ในปีนี้ ยังมีบริษัทรถยนต์มาเข้าร่วมแสดงยนตรกรรมของตนในงาน
Motor Expo 2013 นี้ถึง 38 ค่าย และนอกจากนั้นเมื่อผมลองนับด้วยนิ้วตัวเองดูว่ามีรถรุ่นใหม่ๆมาเปิดตัวกี่รุ่น
ในงานนี้ ก็คาดว่าจะมี 11 รุ่นหรืออาจจะมากกว่านั้นเสียอีก และในแต่ละ Segment ก็จะมีรถใหม่มาให้ชมกัน
อย่างน้อย 1-2 รุ่น ดังนั้นโอกาสจึงเป็นของคนที่พร้อมแล้วในด้านการเงิน และได้เวลาเหมาะสมที่จะหารถใหม่
ให้กับตัวเอง ให้กับคนในบ้าน หรือให้กับจุดเปลี่ยนในชีวิตของคุณ

และเช่นเคย ต้องขอบคุณทีมงาน Motor Expo ของน้าขวัญชัย ที่ได้จัดงานมอเตอร์โชว์แบบนี้ให้พวกเราสามารถ
เดินดูเดินดมชมทุกอย่างได้ภายใต้บริเวณเดียวและมีส่วนช่วยในการตัดสินใจซื้อรถของประชาชนหลากชั้น
จนเผลอลืมเวลาไปแป๊บเดียว นี่ก็ครบวาระ 30 ปี MotorExpo ของสื่อสากลแล้วหรือเนี่ย!

เอาล่ะ ถ้าพวกเราพร้อมที่จะเป็นหนี้กันต่อไปอีก 4-5 ปีแล้วล่ะก็..
ตามผมมาเลยครับ! ใครมีอะไร เอาออกมาโชว์ให้หมด!

Bentley

ไม่รู้ว่าเปิดตัวมาก็เอาอัครยานยนต์ 20.9ล้านบาทมาเปิดบทความเลยนี่จะขวัญกระเจิงกันหรือเปล่า

Bentley เปิดตัวรถใหม่ The New Flying Spur ซึ่งถูกสร้างมาให้เป็นซาลูนยักษ์ยาว 5.2 เมตรที่
มีความหรูหราเหนือชั้นด้วยหนังแท้ชั้นดีและไม้จริงที่ภายในรถ แต่ภายใต้ฝากระโปรงนั้นมีขุมพลัง
ที่ไม่ธรรมดา เพราะเป็นเครื่อง 6.0 ลิตร W12 สูบ เทอร์โบ ที่สร้างแรงม้าได้สูงถึง 616 แรงม้า และมีแรงบิด
ชนิดกระแทกคันเร่งทีโลกแทบหมุนกลับทิศ 800Nm ทำให้ถึงแม้ว่าตัวรถจะหนักถึง 2.47 ตัน
(Porsche Cayenne ยังอาย) แต่ยังทำอัตราเร่ง 0-100 ได้ภายในเวลาแค่ 9.5 วินาทีเท่านั้น

ทำไมหรือ..อ้อ.ลืมบอกว่า 100 ที่ว่าน่ะ 100 ไมล์/ช.ม.นะ ..บ่แม่นกิโลเมตรเด้อ
ส่วนความเร็วสูงสุด ก็อยู่ที่ 320 ก.ม./ช.ม. อย่าคิดเลย ไม่ดีหรอกลูก รักเมืองไทยวิ่งร้อยยี่ฉิบพอ


BMW/MINI

งานนี้ดูเหมือน BMW จะไม่ยอมอยู่เฉยๆ ในเมื่อคู่แข่งชาติเดียวกันอย่าง Mercedes-Benz แทงด้วย
กลยุทธ์ราคา BMW ก็ตอบกลับด้วยการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ถอดด้ามหลายรุ่น

BMW 3-Series Gran Turismo สำหรับคนที่รู้สึกว่าตัวซาลูนนั้นดาษดื่นเกินไปก็อาจจะชอบรูปทรง
แฮทช์แบ็คอย่างเจ้าตัวนี้ ที่ทำไปทำมากลับเน้นความสบายของเบาะหลังเอนได้เป็นจุดขายเสียด้วย
ประตูเป็นแบบไร้ขอบ (Frameless) และมีสปอยเลอร์หลังที่ยกและลดระดับอัตโนมัติ สเปคบ้านเราในวันนี้
ก็มีเครื่องเดียวคือรุ่น 320d Gran Turismo แต่มีการตกแต่งสองแบบคือ Luxury และ Sport
ตั้งราคาขายเอาไว้ 3.199 ล้านเท่ากัน

ตามหลังเมืองนอกอยู่ไม่กี่เดือน สำหรับบอดี้คูเป้ของ 3-Series ที่ปัจจุบันเปลี่ยนไปใช้ชื่อ 4-Series เพื่อให้มี
ความเป็นเอกเทศชัดเจนจากรุ่น 4 ประตู รุ่นที่เอามาโชว์นี้เป็น 420d M Sport รุ่นท้อปที่ได้ช่วงล่างโช้คอัพปรับไฟฟ้า
และล้อขนาดใหญ่ 19 นิ้ว ทำให้ราคาไปอยู่ที่ 4.09 ล้านบาท ซึ่งถ้าหากใครคิดว่าแพงไป สามารถเลือกรุ่นรองลงมา
คือ 320d Sport ราคาจะหล่นมาเหลือ 3 ล้านค่อนปลายๆ

บางคนอาจชอบตัวเล็กสีแสบสันต์อย่าง BMW 116i M Sport ที่พกพลังเทอร์โบ 1.6 ลิตร 136 แรงม้า ซึ่งถึงแม้
อาจจะดูธรรมดาสำหรับรถสมัยนี้แล้วแต่ความที่ราคา 1.99 ล้านบาท แถมด้วยออพชั่น M Sport Package
ซึ่งมีเบาะหน้าที่ ดึงน่อง ดันหลัง ยกหน้า ยกหลัง กระชับปีก ภาษานักเลงรถแถวนั้นเขาบอกว่าเทพราวกับ
Recaro รถซิ่ง

นอกจากนี้ยังมี X5มาเปิดตัวใหม่ มีขุมพลังให้เลือก2 แบบคือ XDrive20d และ XDrive30d แต่ราคานั้น
ณ วันที่จัดงาน ยังไม่มีการเปิดเผยอย่างเป็นทางการ ก็ต้องมาลุ้นกันต่อว่าจะทำให้ M-Class และ Lexus RX
หนาวได้หรือไม่ ส่วนรถรุ่นอื่นๆเช่น 3,5,6 และ 7Series ก็ขนกันมาครบ และถ้ามีโอกาส ไปลองฟังชุดเครื่องเสียง
16 ลำโพงของ Bang & Olufsen ใน 7-Series ดู ไม่บอกว่าดีหรือไม่ดีล่ะ แต่เล่าให้ฟังแค่นี้


ส่วนทาง MINI ยังไม่มีอะไรใหม่ รถที่ใหม่ที่สุดตอนนี้คือ Cooper D ตระกูล Countryman ที่เพิ่งเปิดสายการผลิต
ในประเทศ เป็นความพยายามในการพารถทรงชิคไปให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ MINI ได้ง่ายขึ้น

Chevrolet

New DuraMax Engine 2.8 และ 2.5 ลิตร ได้เวลาเปิดตัวอย่างเป็นทางการหลังจากที่มีการ
เชิญสื่อมวลชนไปประกอบเมื่อหลายเดือนก่อน รุ่น 2.8 นั้นให้พลัง 200 แรงม้า ทำมาเพื่อเล่นกับ
3.2 ลิตรของ Ford ได้อย่างสมน้ำสมเนื้อ

ที่สำคัญคืองานนี้ยังมีการเปิดตัวสีใหม่ Rock สีส้มสะท้านใจ และข่าวดีก็คือถ้าใครอยากได้สีนี้
ไม่ต้องเพิ่มเงิน สามารถสั่งได้เลยถ้าต้องการ เพียงแต่ว่ารุ่นซิงเกิ้ลแค็บจะไม่มีให้เลือกสีนี้เท่านั้น


รถโชว์ในงานอีกคัน คือ Chevrolet SS ซึ่งก็คือ Holden Commodore ตัวใหม่นั่นเอง คันที่มาโชว์
ในงานจะเป็นเครื่อง V8 6.2 ลิตร แต่เมื่อถามว่าจะเอามาขายหรือเปล่า คุณวีโจ้ วาร์จีส แห่ง Chevrolet
บอกว่าต้องดูว่ามหาชนตอบรับต่อรถรุ่นนี้อย่างไร แต่ถึงนำเข้ามาจริงๆก็อาจใช้เครื่องบล็อค
ที่เล็กกว่านี้ให้เหมาะสำหรับประเทศไทย

หวังว่าคงไม่แห้วแบบ Chevrolet Lumina จากเมื่อราว 10 ปีที่แล้วก็พอ (อันนี้ผมพูดเองนะ)

Citroen

เด่นที่สุดชนิดใครเดินผ่านก็ยกมือถือถ่ายภาพกันเป็นว่าเล่น แอบได้ยินน้าๆบางท่านบอกว่านึกว่าเป็น
รถต้นแบบมาโชว์ตัวเฉยๆ หาเป็นเช่นนั้นไม่เพราะว่านี่คือ Citroen DS5 ที่ขายจริง!

DS5 มีความยาวลำตัวประมาณ 4.5 เมตร แต่กว้างถึง 1.87 เมตร ทำให้มีขนาดค่อนไปทางรถ
C-Segment มีการออกแบบที่เน้นความล้ำสมัยทั้งภายนอกและภายใน ใช้เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร
เทอร์โบ 155 แรงม้า แต่อย่าพึ่งนึกว่ามันจะปรู๊ดปร๊าดเหมือน MINI เพราะตัวถังที่สวยงามนี้
หนัก 1,587 ก.ก. ราคาขายอย่างเป็นทางการคือ 2.39 ล้านบาท พร้อมฟรีบำรุงรักษา 3 ปี/100,000ก.ม.

รถอีกรุ่นที่ควรได้มาโชว์ตัวแต่มาไม่ทันงานในวันนี้คือ Citroen C5 รถขนาดกลางของค่ายที่
การออกแบบจะไม่หลุดโลกเท่า DS5 แถมยังตั้งราคาขายเอาไว้ 1.98 ล้านบาทเท่านั้น เสียทีที่ไม่ได้เห็นตัว
ไม่เช่นนั้นลูกค้าจะตัดสินใจได้ระดับหนึ่งว่าเม็ดเงินที่เท่าๆกับ 116i M Sport กับ Volvo V40 นั้นจะให้
ความแตกต่างในสายตาส่งไปถึงสายใจได้ขนาดไหน

Ford
มาตามนัดอย่างที่คาดกับ 2 รุ่นใหม่

Fiesta Ecoboost 1.0L ที่เจ้าของเว็บเพิ่งไปขับมาไม่นานมานี้ และถือเป็นโฉมไมเนอร์เชนจ์ที่
เปลี่ยนกระจังหน้าไปคล้าย Aston Martin และปรับเปลี่ยนไฟท้ายอีกนิด (รุ่น 4 ประตูภาพท้ายรถดูสวย
กว่าเดิม) ใช้เครื่องยนต์ 3 สูบเทอร์โบ 1.0ลิตร 125 แรงม้า แรงบิดราว 17 ก.ก.ม. พอๆกับเครื่อง MR18DE
หรือ MRA8DE ของ Nissan เลยทีเดียว อัตราส่วนแรงม้าต่อซี.ซี.ขนาดนี้จัดว่าไม่เบา แถมเมื่อก้มดู
ข้างใต้รถพบว่าอินเตอร์คูลเลอร์ใบเท่ากระดาษ A4 นั้น มีพัดลมระบายความร้อนติดอินเตอร์มาให้ด้วย
นับว่า “ใจ” มาก Fiesta Ecoboost มีให้เลือก 2 แบบคือรุ่น 4 ประตู Titanium และ 5 ประตู Sport
และตั้งราคาเอาไว้ที่..779,000 บาททั้งคู่

ส่วนนี่ EcoSport เครื่อง 1.5 ลิตร มาโชว์ตัวให้สัมผัสให้ลองนั่งได้แล้ว พร้อมทั้งเผยรายนามรุ่น
และราคาเรียบร้อย รุ่นถูกที่สุดคือ 1.5L Ambiente เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะ ราคา 669,000 บาท
และรุ่นแพงที่สุดคือ 1.5 Titanium 6AT ราคา 829,000 บาท โดยมีอีกสองรุ่น ราคา 709,000และ
759,000บาทคั่นกลางไว้ ตำแหน่งการขับขี่และการโดยสารนั้น คล้าย Fiesta ที่ยกระดับเบาะสูงขึ้น
เบาะหลังนั้นผมลองนั่งดูแล้ว สบายกว่าที่คิด อย่างน้อยก็เป็นที่ที่น่าอยู่กว่าเบาะหลังของ Juke ครับ

โปรโมชั่น? Fiesta 1.5 โฉมเก่าทุกรุ่น ผ่อนดอก 0% 48-72 เดือน!

Honda

ผิดหวังเล็กน้อยเพราะในที่สุด City โฉมใหม่ก็ไม่มาให้เห็นทันงานนี้ แต่ทันทีที่คิดจะเดินผ่านก็เห็นรถ
อะไรที่หน้าตาไม่คุ้นในประเทศไทยแต่คุ้นจากบทความอันใหม่ที่ชายชุดดำเจ้าของเว็บเพิ่งเขียนไปสดๆ


ใช่แล้วครับ! Honda ใช้งาน Motor Expo นี้ในการเปิดตัว Odyssey MPV ขนาดกลางโมเดลเชนจ์ใหม่
สดแบบเพิ่งฉกมาจากอวน พร้อมตั้งราคาขายเอาไว้ 2 รุ่น รุ่น 2.4E ราคา 2.75 ล้านบาท และรุ่น 2.4EL
ราคา 2.95 ล้านบาท ทั้งสองรุ่นใช้เครื่อง 2.4ลิตร DOHC i-VTEC 175 แรงม้า ระบบส่งกำลังก็มีแบบเดียวคือ..
CVT แต่สองรุ่นที่ราคาต่างกันสองแสนนี้จะต่างกันตรงที่เบาะตอนสอง ซึ่งรุ่นแพงกว่าจะเป็นเบาะแบบ
เครื่องบินชั้นFirst Class สองตัว พนักพิงบุมาอู้ฟู่กว่าปกติ มีคานรองรับน่องยืดและพับเก็บได้อีกต่างหาก
ในขณะที่รุ่นรองจะเป็นแบบแถวแบบนั่งได้ 3 คน นอกจากนี้ส่วนที่ต่างกันยังมีไฟหน้า ตัว EL ใช้แบบ LED
ส่วน E เป็นProjector นอกจากนั้นรุ่นที่แพงกว่ายังมีระบบช่วยจอด Smart Parking Assist กล้องมองรอบทิศ
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตา

ส่วนรถต้นแบบที่เด่นเป็นสง่าอยู่บนแท่นนั่นก็คือ NSX Concept ที่ใช้เครื่องยนต์วางกลางลำ 3.5ลิตร
ผนวกกับมอเตอร์ขับเคลื่อนที่ล้อหน้าแบบแยกข้างละชุด รวมแล้วทำให้เป็นระบบ Super SH-AWD ขับเคลื่อน
สี่ล้อที่สามารถวิ่งในเมืองได้อย่างประหยัดและเงียบเชียบ แต่พร้อมหาเรื่องทุกครั้งที่ลงสนาม


นอกจากนี้หากใครมองหาโปรโมชั่นดอกเบี้ยถูก (Civic FB ดอก 0%) และโปรโมชั่นครู ข้าราชการ
ลองแวะไปสอบถามดูได้ครับ

Hyundai
มาพร้อมกับรถ Veloster ตกแต่งอย่างสวย เรียกความสนใจวัยรุ่นได้ดีทีเดียว

ส่วนรถใหม่ในงานนี้จริงๆเห็นจะไม่มี นอกจาก H-1 รุ่น Elite ที่มาแบบงงๆว่ามายังไง ต้องไปถามจาก
เซลส์เอาว่ามันต่างจากรุ่นอื่นอย่างไร ก็ได้ความว่าเป็นรุ่นที่มาแทนรุ่นรองท้อปของเดิม
ให้อุปกรณ์มากกว่า แต่ราคาถูกลง เหลือ 1.449 ล้านบาท ส่วนสาเหตุว่าทำไมถูกลง ก็คือเพราะ
นำเข้ามาจากอินโดนีเซีย ในขณะที่รุ่นอื่นจะนำเข้าชิ้นส่วนมาประกอบในไทย (อันนี้ขอหาข้อมูล
เพิ่มอีกหน่อยนะครับ ได้ถามเซลส์มาคนเดียว)

ส่วนรถต้นแบบที่ล้ำยุคคันนี้คือ HND6 ซึ่งเป็นรถที่ใช้พลัง Fuel Cell ในการขับเคลื่อน
หน้าตาเกือบจะทำให้นึกถึง Chrysler Portofino จาก 20 ปีก่อนเลย

Isuzu
แน่นอนว่ามางานนี้ต้องพบกับ MU-X ซึ่งเป็น PPV คันใหม่ของทางค่าย

รายละเอียดต่างๆนั้นน้อง Moo Cnoe ทำเป็นบทความ First Impression อยู่ในเว็บนี้แล้วครับ
คลิกอ่านได้เลยแบบครบๆ


ส่วนรถกระบะ D-Max ก็เป็นไปตามคาด เปิดตัวรุ่น Super Daylight ฟังชื่อก็รู้แล้วว่ามี DRL เพิ่มเข้ามาให้
แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปมากกว่านั้นคือรายละเอียดภายในของไฟหน้า เส้นแบ่งภาคไฟตอนบนจะยาวกว่ารุ่นเดิม
ตัวโคมจะเป็นแบบรมดำ และไฟท้ายมีลวดลายที่เปลี่ยนใหม่เป็นเส้นๆ นอกจากนี้แม้สเป็คเครื่องยนต์
จะดูเหมือนเดิม แต่เครื่องยนต์ใหม่ก็ได้รับการปรับปรุงมาตรฐานมลภาวะเป็น EURO4 แล้ว

โดยรถรุ่นเดิมที่เป็น EURO3 จะยังมีขายอยู่ต่อควบคู่กันไปสักระยะ แต่จะได้รับของแถมและส่วนลด
เยอะกว่ารุ่น Super Daylight ที่มีแค่ส่วนลด 10,000 บาทเท่านั้น (แต่ถ้าพูดถึงราคาตัวรถอย่างเดียว
รุ่นใหม่แพงกว่าเดิมนิดเดียวครับ)

Jaguar/Land Rover

มางานนี้จะพลาดไม่ได้กับการยลโฉม F-Type ซึ่งเป็นสัญญาณแห่งการหวนคืนสู่วิถีทางในการสร้าง
รถสปอร์ต ที่เป็นสปอร์ตกระทัดรัด สองที่นั่ง ไม่ใช่รถ Grand Tourer อย่าง XK ที่ผ่านมา ซึ่งนี่ก็จะครึ่ง
ศตวรรษแล้วที่ Jaguar ห่างหายจากการทำรถสปอร์ตแท้ๆออกมาสักคัน

F-Type มีระบบส่งกำลังเพียงแบบเดียวคือเกียร์อัตโนมัติ แต่มีเครื่องยนต์ให้เลือก 3 แบบ คือรุ่น V6
3.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ 340 แรงม้า รุ่น V6S ซูเปอร์ชาร์จพลังสูง 380 แรงม้า และแรงสุดขั้วกับรุ่น V8S
495 แรงม้าจากเครื่อง 5.0 ลิตรซูเปอร์ชาร์จอีกเหมือนกัน ส่วนราคาก็คิดตามแรงม้า รุ่นถูกสุด
8.75 ล้านบาท รุ่น V6S 9.75 ล้านบาท และรุ่น V8S 10.75 ล้านบาท

ส่วนทางค่าย Land Rover นั้นก็มีเซอร์ไพรส์เหมือนกัน
Range Rover Sport ตัวใหม่ เพิ่งเปิดตัวในเมืองนอกชนิดกลิ่นควันยางยังไม่ทันหายเหม็น ก็ยกทัพ
มาถึงเมืองไทยเป็นที่เรียบร้อย

Range Rover Sport ใหม่ มีธีมการออกแบบที่ทันสมัยสอดคล้องกันกับรุ่นอื่นในค่ายเช่น Range Rover
(สอดคล้องกันมากจนหลายคนแยกไม่ออก ต้องบอกให้สังเกตความต่างที่มี/ไม่มีหูช้างกระจกประตูหลัง
นั่นแหละ) สำหรับรุ่นใหม่นี้มีการปรับขยายความยาวฐานล้อออกไปอีก 178 ม.ม. เพื่อเพิ่มความสบาย
ให้กับผู้โดยสารด้านหลัง ใช้โครงสร้างอลูมิเนียมแบบใหม่ที่พัฒนาให้ตัวโครงมีน้ำหนักเบาลง แทนที่
ของรุ่นเดิมซึ่งยกแพลทฟอร์มของ Land Rover Discovery มาใช้ พร้อมทั้งติดตั้งระบบ
Terrarin Response 2 Auto ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่และระบบ Radar Cruise Control กับระบบถอยจอดอัตโนมัติ

Range Rover Sport ใหม่ตั้งราคาเริ่มต้นไว้ที่ 7.75 ล้านบาทสำหรับรุ่น SDV6 3.0 ลิตรดีเซล258แรงม้า
ซึ่งก็พอแล้วสำหรับการใช้งานในประเทศไทยโดยไม่ต้องไปจูนกล่องดันรางกันอีก (ใครจะกล้า) แต่ในกรณี
ที่เศรษฐีท่านใดมีงานอดิเรกเป็นการขับรถตามถ่ายซูเปอร์คาร์บนทางด่วนเป็นประจำ ผมขอแนะนำรุ่น
LR-V8 5.0 ลิตร ซูเปอร์ชาร์จ 510 แรงม้า ซึ่งเคลมว่าสามารถเร่ง 0-100 ได้ใน 5 วินาที แต่ต้องยอมจ่าย
เงินแลกมา 10,050,000 บาท

Mazda
แน่นอนที่สุดงานนี้ CX-5 คือพระเอกจริงยิ่งกว่าเอเจ

CX-5เพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่กี่วัน และมีขุมพลังให้เลือก 3 แบบ ถ้าขับเคลื่อนล้อหน้า ก็จะมี 2.0 ลิตร
165 แรงม้า และ 2.5 ลิตร 192 แรงม้า ทั้งคู่เป็นเครื่องเบนซิน Skyactiv-G ส่วนถ้าใครอยากได้
ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ คุณมีทางเดียวกับตัวท้อป ซึ่งใช้เครื่องดีเซล Skyactiv-D 2.2 ลิตร 175แรงม้า
CX-5 เป็นรถ SUV ขนาดไม่ใหญ่ ออกแบบให้เป็นคู่แข่งกับ CRV โดยตรง และเหมือนจะเป็นคู่แข่ง
กับ Subaru XV ด้วยเช่นกัน สำหรับคนที่ชอบรถขับสนุก แต่ไม่ซื้อ XV เพราะไม่ชอบเกียร์ CVT
สงสัยงานนี้ต้องไปขอลองขับ CX-5 ดีเซลดู อาจจะโอเคก็ได้ แต่ขออย่างเดียวนะครับ
อย่าไปโยกพลาสติกตรงแป้นเกียร์ 

ส่วน Mazda รุ่นอื่น ยังเหมือนเดิม Mazda 2 มีโปรโมชั่นฟรีค่าบำรุงรักษา 2 ปี ส่วน Mazda 3 มี
โปรแกรมผ่อนดอกเบี้ย 0% 72 เดือน

Mercedes-Benz

แม้ว่าจะดูเหมือนไม่มีรถใหม่ แต่อย่าเพิ่งรีบเดินผ่านไป เพราะใครที่เคยบ่นว่า Benz ราคาแพงเวอร์
ตอนนี้ควรลองหันกลับมาดูอีกครั้ง ในงานนี้มีการเปิดตัว GL-Class ซึ่งเป็นรถ SUV ขนาดใหญ่เต็มตัว
ซึ่งเมืองไทยขณะนี้จะมีจำหน่ายสเป็คเดียวคือ GL350 BlueTEC AMG Premium ใช้เครื่องยนต์ดีเซล
V6 3.0 ลิตรเทอร์โบ 258 แรงม้ากับแรงบิดชนิดหมุนโลกได้ 620Nm ตั้งแต่ 1,600-2,400 รอบต่อนาที
ตั้งราคาไว้ที่ 8,990,000 บาท โดยมีหมายเหตุท้ายตารางไว้ว่า “เป็นราคาจำหน่ายโดยประมาณ”

ถ้าเงินเก้าล้านทอนหมื่นเดียวแพงไป งั้นลองดู E-Class มาตรฐานรถยนต์พรีเมียมสืบทอดมาจาก
โบราณกาลหน่อยเป็นไร สำหรับคนที่ยังหลงใหลสไตล์สเตชั่นแวก้อน ต้องเจอกับ E300 Estate
BlueTEC Hybrid AMG Dynamic (ชื่อยาวชะมัด) ใช้ขุมพลังดีเซล 2.1 ลิตรเทอร์โบ 204 แรงม้า
พ่วงกับมอเตอร์ไฟฟ้าเช่นเดียวกับ E300 BlueTEC ตัวซาลูนที่เปิดตัวจำหน่ายมานานแล้ว และยัง
ได้หลังคา Panoramic Glass roof เหมือนกันอีกด้วย ตั้งราคาจำหน่ายเอาไว้ 4.19 ล้านบาท
ส่วนตัวซาลูนนั้น หากเป็นรุ่น AMG Dynamic เหมือนกันจะถูกลงอีก 1 แสนบาท และถ้าชอบรถมาด
ไม่ซิ่ง แต่ขอเน้นหรูๆ รุ่น E300 Executive อาจจะเหมาะกว่าด้วยการตกแต่งภายในโทนสีเบจและ
ลายไม้ Walnut ขัดเงา ราคาจะถูกลงเหลือ 3.69 ล้านบาท ส่วน E200 Executive เครื่องเบนซิน
2.0 เทอร์โบ 184 แรงม้า ตอนนี้ตั้งราคาเอาไว้ 3.39 ล้านบาท

ส่วน C-Class ซึ่งเข้าใกล้ปลายอายุตลาดของบอดี้นี้ ก็ขยับสู้ด้วยการปรับรุ่นและราคาใหม่
C200 Edition C ตั้งราคาเอาไว้ 2.29 ล้านบาท (ไม่มีระบบ PRE-SAFE และถุงลมด้านข้าง
จะมี 2 ใบ ไฟหน้าเป็นฮาโลเจน เป็นต้น) ในขณะที่รุ่น C250 AMG Plus จะมาพร้อมชุดแต่งล้อลาย
7ก้านคู่ขอบ 18 นิ้ว และออพชั่นครบครัน เครื่อง 1.8ลิตร 204 แรงม้า ราคา 2.99 ล้านบาท
รถรุ่นอื่นที่ยังค่อนข้างใหม่ ก็มีเช่น CLA250 AMG Sport ราคา 2.64 ล้าน แต่ช่วยลองถามเซลส์
ด้วยว่าถ้าจองตอนนี้ต้องบินไปเรียนโทเมืองนอกให้จบก่อนหรือเปล่าแล้วค่อยรับรถ


รถต้นแบบที่นำมาโชว์ในบูธ ก็คือ GLA Concept ซึ่งเป็นรถต้นแบบของ GLA-Class ที่จะนำ
เข้ามาขายเมื่อถึงเวลา

MG
แถลงเปิดแบรนด์ MG อย่างเป็นทางการในไทยอีกครั้งภายใต้การเป็นหุ้นส่วนกับ SAIC Motor จากจีน
แผ่นดินใหญ่ แบรนด์ MG สมัยก่อนเคยทำตลาดในไทยอยู่สั้นๆด้วยรุ่น MGF 1.8ลิตรเปิดประทุนก่อนจะ
หายไปจากตลาดอย่างเงียบๆ

ในงานนี้ นำรถต้นแบบ MG iCon ซึ่งประยุกต์เอาดีไซน์ของรถคลาสสิคอย่าง MGA และ MGB มาทำเป็น
รถแบบครอสโอเวอร์ทรงเฉี่ยวมาโชว์

และยังมี E50 ซึ่งเป็นรถต้นแบบจากฝีมือของ SAIC Motor เพื่อโชว์พลังในการสร้างสรรค์รถไฟฟ้า
ที่ออกแบบโครงสร้างมาเพื่อเป็นรถไฟฟ้าโดยเฉพาะ และไม่ใช่การเอารถทั่วไปในสายการผลิตมาดัดแปลง

น่าเสียดายที่ผมรอชมโฉม MG6 และ MG3 Cross Over ซึ่งกำลังวิ่งทดสอบกันอยู่ทั่วประเทศไทยในขณะนี้
แต่ก็ไม่เห็นเงาของรถทั้งสองรุ่นแต่ประการใด

Mitsubishi

คิตตี้…คิตตี้เต็มไปหมดเลย

ไม่รู้จะสรรหาคำบรรยายมาอย่างไรดี ในสายตาของผม Mirage Meets Hello Kitty ที่อยู่บนบูธก็
ไม่ใช่สไตล์คนอย่างผมแน่นอน แต่ทันทีที่ถ่ายภาพรถคันนี้แล้ว Twitter ส่งออกไป มันถูก Retweet ไปนับร้อยครั้ง
โดยบรรดาสาวๆวัยกระเตาะทั้งนั้น หรือว่ามิตซูบิชิจะตัดสินใจถูกที่เลือก Hello Kitty เป็น Brand Ambassador?
ไม่เชื่อดูในโบรชัวร์ก็ได้ คิตตี้อยู่กับนิชคุณ..คิตตี้อยู่กับพี่ตูนบอดี้สแลม..คิตตี้อยู่แม่มทุกที่..

ส่วนรถใหม่เปิดตัวในงาน ไม่มีนะครับ แต่มีการเอา Attrage มาตกแต่งเพิ่มไฟ Daytime Running Light
ราคาประมาณ 4,000 บาท แต่ถ้าจะติดตั้ง มันต้องเข้าชุดกันกับกันชนหน้า และชุดอื่นๆอีก สรุปเห็นตาบอล
จาก Autodeft.comบอกว่าน่าจะ2-3หมื่นบาท แลกกับความเท่ห์ ส่วนกระบะ Triton 2014 ก็มีการเพิ่ม
iPod/USB Connectivity เข้าสู่ระบบบันเทิงในรถด้วย

โปรโมชั่น? มีโปรดอกเบี้ย 0% ทุกอนุกรม แล้วแต่ชอบ แต่ต้องวางเงินดาวน์ 25% และผ่อน 48 เดือน ยกเว้น
Pajero Sport เบนซิน V6 ที่วางเงินดาวน์ 15%ได้และผ่อนได้นาน 60 เดือน ทุกรุ่นฟรีประกันชั้น 1
จองในงานนี้ เฉพาะในงานนี้ฟรีคูปองน้ำมัน 4,000 บาท

 แต่ไม่รู้ว่าตอนผ่อนคิตตี้จะช่วยส่งเงินได้งวดละเท่าไหร่

Nissan
งานนี้นับว่าทุกคนมุ่งเข้าบูธมาก็เพื่อจะได้สัมผัส Juke ตัวใหม่กับ Teana นับว่าเป็นดาวเด่น
ของค่ายในงานนี้เลยก็ว่าได้

Juke นั้นเป็นรถครอสโอเวอร์ขนาดตัวถังสั้นกว่า Pulsar แต่ยกสูงหนีน้ำ ไม่ได้เอาไว้ใช้ลุยเพราะ
ขับเคลื่อนล้อหน้าอย่างเดียว โดดเด่นด้วยหน้าตาที่เหมือนหลุดมาจากหนัง Sci-fi และมีภายในที่
ทันสมัยด้วยจอหลากสีสัน สามารถถอดจอตรงกลางออกมาได้ (กางเงี่ยงเล็กๆด้านล่างขวาออก
แล้วกดตรงนั้น มันจะเด้งออกมา อย่าไปงัดมั่ว ของเขาเสีย) เครื่องยนต์ที่ใช้ก็เป็น HR16DE 1.6 ลิตร
หัวฉีดคู่บล็อคเดียวกับ Sylphy/Pulsar ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT เช่นเดียวกัน นับเป็นความพยายาม
ของทีมNissan ไทยที่อยากให้คนไทยได้ใช้ Jukeเครื่อง 1.6 จนกระทั่งต้องลงทุนประกอบเครื่อง 1.6
ส่งไปให้ทีมที่อินโดติดตั้งใส่รถแล้วส่งมาขายอีกที เพราะที่อินโดนีเซียมีแต่รุ่น 1.5 ลิตร

Juke มี 2 รุ่นคือรุ่น 1.6E ราคา 819,000 บาท เบาะผ้า คอนโซลสีเงิน ไม่มีสปอยเลอร์หลัง ไม่มี
เซ็นเซอร์และกล้องมองหลัง ส่วนรุ่น 1.6V ราคา 858,000 จะให้อุปกรณ์ต่างๆมาครบพร้อมกับ
เบาะหนังสีดำ มีเรื่องที่จะต้องอย่างนึงคือถ้าใครสังกัดลัทธินิยมดิสค์เบรก 4 ล้อ ให้คิดก่อน เพราะ
เบรกหลัง Juke เป็นดรัม..มันไม่ได้ตายหรอกเบรกหลังดรัมเนี่ยหลายคนที่อยากได้ดิสค์หลังนี่ไม่เคย
ทำผ้าเบรกไหม้สักกะชุดด้วยซ้ำ

ส่วนรถต้นแบบที่มาโชว์ก็คือ Nissan Friend-ME ซึ่งออกแบบโดยใช้แนวคิด “จะนั่งหน้าหรือนั่งหลัง
ก็ได้ความสบายและพื้นที่เท่าๆกัน” ถ้าเอาใจใส่กันขนาดนี้สงสัยคงยากที่จะUnfriend แล้วมั้ง

ส่วนรุ่นอื่นๆที่มาโชว์ก็เช่น Teana 2.0 และ 2.5 ที่เพิ่งเปิดตัวไป กระแสความนิยมยังอยู่ในขาขึ้นอยู่
ส่วน Sylphy ที่ออกมานานปีแล้ว ก็ได้เวลาเพิ่มยอดขาย เอ้ย เพิ่มความน่าสนใจด้วยการเพิ่มรุ่น
CNG ติดแก๊ส รับประกันโดยนิสสันเข้ามาให้เลือก โดยเอารุ่น 1.6E มาทำ และยังมีรุ่น 1.6SV ที่นำเอา
ตัว 1.6V มาใส่ภายในสีดำ แต่งแบบ Pulsar ใส่ล้อ 16 นิ้วของ Pulsar SV มาให้พร้อมชุดแต่ง ในราคา
ที่เพิ่มขึ้นจากรุ่น 1.6V นิดเดียวและยังถูกกว่ารุ่น 1.6CNG ด้วยซ้ำ

โปรที่น่าสนใจ? นึกไม่ออก แต่คนที่ซื้อ March กับ Almera (รุ่น1.2Eเท่านั้น)สามารถจ่ายเพิ่มแค่ 3,500 บาทเพื่อเอา
เซ็นเซอร์หลัง และชุดแต่งอื่นมูลค่า 10,000 บาทได้ (จำกัด 700 คัน)  และ Sylphy กับ Pulsar สามารถ
จ่ายเพิ่ม 18,000 บาทเพื่อเอา DVD/Navi พร้อม Bluetooth และกล้องมองหลังและชุดแต่งจิปาถะ
มูลค่ารวม 42,000บาทได้ ก็คือเทศกาลลดราคาชุดแต่งกลายๆนั่นล่ะ

Peugeot
งานนี้รถที่เด่นๆก็มี 3008 Crossover ราคา 2.39 ล้านบาท เครื่อง 1.6ลิตร เทอร์โบ 156 แรงม้า
และ 408 รุ่นพิเศษ “Sportium” แต่งไฟโคมดำ ล้อรมดำ และสปอยเลอร์หลัง ราคา 1.39 ล้านบาท

Porsche
เปิดตัว Panamera S E-Hybrid ซึ่งเป็นรถแบบ Plug-in สามารถเสียบปลั๊กชาร์จไฟเข้าแบตเตอรี่ได้

รุ่นนี้ใช้พลังเครื่อง 3.0ลิตร V6 ซูเปอร์ชาร์จ บวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า สร้างพลังรวมได้ 416 แรงม้า และแรงบิด
590Nm ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ Tiptronic S 8 จังหวะ (ไม่ใช่คลัตช์คู่นะจ๊ะ) ดังนั้น E-Hybrid จึงสามารถ
คลานเงียบง่อยไปในเมืองได้อย่างประหยัดน้ำมันและเร่งได้เร็วอย่างรถสปอร์ต เป็นทางเลือกใหม่ที่
น่าสนใจสำหรับราคา 9,600,000 บาท โดยรับประกันตัวรถ 9 ปี และรับประกันอายุแบตเตอรี่ 6 ปี


ส่วนอีกคันคือ 911 50 ซึ่งสร้างมาเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบ 50 ปี รถรุ่น 911 โดยจะใช้เครื่องยนต์
แบบเดียวกับ Carrera S คือ 3.8 ลิตร 400 แรงม้า มีระบบส่งกำลังให้เลือกทั้งธรรมดา 7 จังหวะและ
คลัตช์คู่ PDK 7 จังหวะ (ปัจจุบัน Porsche 911 เกียร์ธรรมดาจะเริ่มหายาก เพราะขนาด GT3 ยังไม่มี
รุ่นเกียร์ธรรมดาให้เลือกแล้ว) รุ่น 911 50 นี้จะได้เบรกเซรามิก PCCB และช่วงล่างที่ปรับเตี้ยลงกว่าปกติ
อีก 20 ม.ม. ด้วย รับประกัน 9 ปีเช่นเดียวกับ Panamera คันบน

Proton
รถที่มาโชว์ประกอบไปด้วย Exora Turbo รถครอบครัวพลังไม่ธรรมดา Preve รถสี่ประตูขุมพลังเดียวกัน
คือ CFE TURBO 1.6 ลิตร 138 แรงม้า ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT Protonic ที่ล็อคพูลเลย์ได้7จังหวะ
และมีรถรุ่นเก่าอย่าง Gen 2 Highline ที่ยังทำตลาดอยู่ด้วยราคา 629,000 บาท

แต่ของใหม่ซิงสำหรับงานนี้คือ Suprima S ซึ่งก็คือ Preve ในรูปแบบแฮทช์แบ็ค 5 ประตูท้ายตัด
มีขายแต่เครื่องเทอร์โบเพียวๆ โดยมีให้เลือก 2 รุ่นคือ EXECUTIVE ล้อ 16 นิ้ว ราคา  779,000 บาท และรุ่น
PREMIUM ที่ใส่ล้อ 17 นิ้วสีไทเทเนียม เพิ่มเบาะหนัง ลำโพงทวีตเตอร์ ไฟหน้า DRL และอุปกรณ์ปลีกย่อย
อื่นๆ ขายอยู่ที่ 829,000 บาท โดยที่ทั้งสองรุ่น มี ABS และถุงลมนิรภัย 6 ใบ (พิมพ์ไม่ผิด) อีกทั้งยังมี
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC และระบบความคุมการลื่นไถล TCL มาให้ทั้งสองรุ่นเช่นกัน

นับว่าในราคาไม่เกิน 800,000 บาท หารถที่ให้ออพชั่นด้านความปลอดภัยแบบนี้ได้ยากยิ่งนัก
และสมรรถณะการขับขี่หากทำได้ดีแบบ Preve ก็ถือว่าใช้ได้ เพียงแต่ต้องเสริมสร้างความมั่นใจ
ในบริการหลังการขาย เพราะตัวรถ Proton นั้นเริ่มพัฒนามาถูกทางแล้ว

Skoda/MTM/DEVA
น่าเสียดายที่รถ Octavia Estate ตัวใหม่มาไม่ทันงานวันสื่อ แต่หลัง 2 พ.ย. ได้เจอกัน

Octavia Estate สเป็คที่มาไทย ตั้งราคาไว้ 1,690,000 บาท ซึ่งใกล้กับรถใหญ่อย่าง Superb แต่อุปกรณ์ที่
มีมาให้นั้นเล่นแบบจัดเต็ม ระบบถอยจอดอัตโนมัติก็จะเป็น Generation 2 แล้ว แต่เครื่องยนต์ที่มีมาให้
จะเป็นแบบดีเซล 2.0 ลิตร 143 แรงม้า TDi พ่วงกับเกียร์คลัตช์คู่ตัวเก่งนั่นเอง

ส่วนรุ่นอื่นที่มาโชว์ในงานยังเหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น Yeti, Superb หรือ Fabia รับประกัน 5 ปี 100,000ก.ม.
เหมือนเดิม


ส่วน MTM มีรถโมเดลใหม่เพียงรุ่นเดียวคือ A8L Hybrid ที่ใช้เครื่อง 2.0ลิตร TFSI 4 สูบ
บวกกับพลังมอเตอร์ไฟฟ้า ราคา 5.99ล้านบน และยังมีการเปิดตัวล้อลายใหม่ของ MTM โดยติดตั้งกับรถ
A5 MTM ซึ่งเป็นลายที่มีหน้าตากระเดียดไปทางญี่ปุ่น นี่ผม Quote จากคำพูดคุณโตเลยนะครับ

Ssangyong
ถือเป็นวาระพิเศษของค่ายนี้ ที่ฉลองครบรอบ 10ปี (2003-2013) ในบ้านเรา ยังจำได้ว่าผม
และเจ้าของเว็บนี้ก็ได้นั่งรถพร้อมๆกันครั้งแรกบนเจ้าหนูยักษ์ Stavic เมื่อราว 10 ปีก่อนเช่นกัน
แต่ถ้า 10 ปีจริง แล้ว Ssangyong Musso ที่มาทำตลาดในยุค 90s นั่นคืออะไร?

แต่ช่างมันก่อนเถอะครับ ในงานนี้ รถที่มาโชว์ก็ยังเป็นรุ่นเดิมๆ เช่น Stavic รถ MPV ขนาดใหญ่
ที่ได้รับการปรับหน้าตาให้ดีขึ้นกว่ารุ่นเมื่อ 10 ปีที่แล้วมาก มีรุ่น 2.0 ลิตรเทอร์โบดีเซล ถ้าขับเคลื่อน
สองล้อ ราคาจะอยู่ที่ 1.78 ล้านบาท และเพิ่มเป็น 1.95 ล้านบาทสำหรับรุ่นขับสี่ ส่วน Korando
รถกึ่งๆระหว่าง Cross Over และ SUV ขนาดเล็ก ใช้เครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบดีเซล 175 แรงม้า
พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น ตั้งราคาไว้ 1.68 ล้านบาท ส่วน Rexton SUV ขับสี่ เครื่องยนต์
5 สูบดีเซล 2.7 ลิตรจาก Mercedes-Benz นั้นตั้งราคาไว้ 2.78 ล้านบาท

Ssangyong เป็นรถอีกค่ายหนึ่งที่ทำตลาดมาแบบเงียบๆ ครั้นมีรถรุ่นใหม่ก็ไม่ได้โด่งดัง Popular
แต่การที่อยู่กันมาได้นานถึงขนาดนี้และมีลูกค้าเก่ามาแวะเวียนถามไถ่กันในบูธมากพอสมควร
ย่อมบ่งบอกได้ว่าในสิ่งที่หลายคนมองข้าม อาจมีส่วนที่เราคาดไม่ถึง

Subaru

คราวที่แล้ว หลายคนบ่นว่า XV น่าจะมีสีส้มมาให้เลือก..

คราวนี้นับว่าได้สมใจอยากกันเสียทีนะครับ แต่ถ้าต้องการสีนี้ ก็ต้องควักกระเป๋าเพิ่ม 10,000 บาท
นอกนั้น XV ยังไม่มีอะไรใหม่ ถึงแม้กระแส CX5 จะมาแรง แต่ยอดขายของ Subaru XV ก็ยังเดินได้อย่างต่อเนื่อง
สร้างความแรงชนิดทำลายสถิติของทางค่ายเองเดือนแล้วเดือนเล่าจนต้องทยอยเปิดศูนย์ใหม่ๆตามหัวเมือง
ต่างๆเพื่อรองรับลูกค้าที่น่าจะเพิ่มขึ้นอย่างไม่เคยมีมาก่อนในอดีต

รถที่เปิดตัวได้สักพักและยังถือว่าใหม่อยู่ ก็ได้แก่ Forester ซึ่งมีทั้งรุ่นธรรมดา 2.0iL ราคา 1,890,000บาท
หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมแพงกว่า XV มาก นั่นก็เพราะว่า Forester นำเข้าจากญี่ปุ่นในขณะที่XV นั้น
ได้สิทธิ์ภาษีASEAN เพราะนำเข้าจะมาเลย์เซีย เครื่องยนต์บล็อคเดียวกันแต่ Forester จะมีวาล์วแปรผัน
ทั้งด้านไอดีและไอเสีย และเกียร์ CVT นั้นเมื่อล็อคอัตราทดแล้วจะซอยได้ 8 จังหวะ ในขณะที่ XV ได้ 6 จังหวะ

ส่วนถ้าใครเท้าหนักหน่อยก็ต้องเล่นกับ Forester XT Turbo 240 แรงม้า ที่ตั้งราคาไว้ 2.42 ล้านบาท

Suzuki
งานนี้หากนับแค่รถที่มีจำหน่ายซื้อหาได้จริง ก็คงไม่มีอะไรใหม่นอกจาก Swift สีเขียวตาวิเศษ
(ใครรู้ว่าหมายถึงอะไร..แปลว่าแก่) และ Ertiga รถ MPV ขนาดเล็กที่ได้รับกระแสตอบรับดีพอสมควร

แต่สิ่งถ้าน่าสนใจคือรถต้นแบบ A:Wind สองคันที่นำมาจัดแสดงในงาน


เนื่องจาก A:Wind คันนี้ คือรถที่ถูกออกแบบมาเพื่อการผลิตขายจริงในประเทศไทย และจะส่งออกไป
ขายในต่างประเทศด้วย โดยจัดเป็นรถกลุ่ม A-Segment ขนาด 1.0 ลิตร ที่รองรับตลาดลูกค้าที่
ต้องการความประหยัดยิ่งกว่า Eco car เข้าไปอีก  โดยสเป็คตัวถังที่ Suzuki แจ้งมานั้นคือ
ยาว 3,600 ม.ม. กว้าง 1,600 ม.ม. สูง 1,540 ม.ม. ฐานล้อยาว 2,425 ม.ม. ใช้เครื่องยนต์ 996 ซี.ซี.
ส่งกำลังผ่านเกียร์ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า

และถ้าเป็นจริงได้ตามที่ Suzuki แจ้งในเอกสาร Press Kit พวกเขาจะเริ่มเดินสายการผลิตเจ้ารถรุ่นนี้
ในปีหน้า!

Tata
ขนเอามาโชว์ทั้ง SUV ทรงแปลกอย่าง STORME และรถเก๋งอย่าง Indigo ที่นั่งเบาะหน้าแล้ว
ยังงงกับเรือนหน้าปัดที่ความเร็วกับวัดรอบเล็กมาก แต่มีเบาะหลังที่ใหญ่ใช้ได้เลย

สิ่งที่แสดงให้เห็นถึงพลังความคิดของ Tata ในวันนี้คือรถ Nano ที่ไม่ได้ใหม่อะไร แต่ยังเป็นสัญลักษณ์
แสดงขีดความสามารถ ทำรถเล็กนิดเดียวให้นั่งได้สี่คนโดยการจัดพื้นที่ห้องโดยสารอย่างฉลาด
และนอกจากนั้น Tata Aria ที่จอดอยู่ด้านหลังก็เป็นรถตู้ที่มีดีไซน์เข้าตากรรมการอย่างแรง
ถ้าเทียบกับผลงานช่วงก่อนอย่าง STORME หรือรถเก๋งรุ่นเก่า

Tata อาจยังไม่ใช่รถในสายตาคนไทยส่วนมาก แต่เชื่อว่าหากมีคำสั่งอนุมัติให้ศึกษาและสร้างรถ
ที่จะสามารถทำให้คนไทยพึงพอใจได้โดยไม่ต้องยึดนโยบายและรสนิยมของอินเดียเมื่อไหร่
ผมเชื่อว่าพวกเขาจะมีฝีมือในการสร้างรถที่อาจทำให้พวกเราแปลกใจ

Toyota/Lexus
งานนี้ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ Yaris ตัวใหม่มากที่สุดตามฟอร์ม

Yaris ใหม่ คือรถ Eco car ที่ขนาดค่อนข้างโตกว่าใครเพื่อนในกลุ่ม 5 ประตูท้ายตัด ใช้เครื่อง 3NR-FE
1.2 ลิตร กับเกียร์ Super CVTi วางลงบนโครงสร้างที่มีพื้นฐานเดียวกันกับ Vios และวางราคาจำหน่าย
เอาไว้ที่ 469,000-599,000 บาท ซึ่งถ้าหากใครที่ไม่ได้นิยมรถแรงแซงระห่ำ ชอบรถท้ายตัด แต่ไม่ได้
ซื้อ Swift หรือ Mirage เพราะต้องการตัวถังที่ใหญ่กว่านั้น ก็น่าลองมานั่ง Yaris ดู เพราะผมได้ลองนั่งมาแล้ว
ขอบอกว่าเบาะหลังนั่งสบายจนคิดไปว่าโล่งสบายกว่า Vios นิดๆด้วยซ้ำ ถ้าต้องนั่งไกลๆก็คงไม่บ่น
ประโยคนี้จริงแท้แค่ไหน มาให้เห็นด้วยตาตัวคุณเอง ส่วนด้านหน้า..มันก็คือ Vios นั่นแหละครับต่างกันนิดเดียว

สำหรับโปรโมชั่นในงานนี้ของ Toyota แน่นอนครับว่ามีแคมเปญจองรถลุ้นสิทธิ์ชิงรถ 50 วัน 50 คัน
ตามแคมเปญหลักของค่าย และ Camry 2.0, Prius มีโปรโมชั่นดอกเบี้ย 0% 36 เดือนให้ลองศึกษาดู
และถ้าจำไม่ผิด เกือบทุกโมเดลมีฟรีประกันชั้นหนึ่งครับ

Note: สำหรับ Yaris ที่ใส่ยางติดรถให้มาเป็น Goodyear แบบยางประหยัด แต่ยางอะไหล่กลับเป็น
Bridgestone Ecopia นั้น…ถ้าทำได้ผมอยากให้ทำกลับกัน..จะไหวป่าว หุหุ

Lexus ในงานนี้ รถที่ใหม่สดที่สุดก็เห็นจะเป็น GS300h ซึ่งก็คือบอดี้ GS ที่ใช้ขุมพลังขับเคลื่อนตัวเดียว
กับ IS300h นั่นเอง โดยเป็นแบบ 4 สูบ 2.5 ลิตร 181 แรงม้า เสริมพลังด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า ทำให้มี
แรงม้ารวมของทั้งสองระบบเป็น 223 แรงม้า ออพชั่นการตกแต่งจะไม่มีรุ่น F-Sport ให้เลือก
แต่จะแบ่งออกเป็นรุ่น Luxury ราคา 4,090,000 บาท และรุ่น Premium 4,290,000 บาท
และรุ่น Premium พร้อม Moonroof ราคาจะเพิ่มไปเป็น 4,490,000 บาท (มีระบบNaviทุกรุ่น แต่
ใช้จอกลางคอนโซลขนาด 8 นิ้ว เท่ากับ GS250F-Sport ซึ่งจะเล็กกว่าของ GS350และ450h)
และไม่มีระบบ Lexus Dynamic Handling Control มาให้

แม้จะดูเหมือนไม่มีอะไรเด่น แต่อย่าเพิ่งดูถูกพลังขับ Hybrid 2.5 ลิตร เพราะในบอดี้ IS-Series
นั้นเราพบว่ามันให้อัตราเร่งดีกว่าเครื่อง 2.5 ลิตรใน IS250 เสียอีก และการที่เป็น Hybrid ก็ทำให้
สามารถตั้งราคาได้ถูกลงจากส่วนลดภาษี ซึ่งจะทำให้ลูกค้าเสียเวลาคิดก่อนซื้อน้อยลง

Volkswagen

มีแค่รุ่น Caravelle รถตู้หรู 8 ที่นั่ง ลำตัวยาว 5,292 ม.ม. เครื่องยนต์ดีเซลไบเทอร์โบ 2.0 ลิตร 180แรงม้า
ขายในราคา 3.45 ล้าน และ Multivan ที่ลำตัวสั้นกว่า แต่ราคา 3.98 ล้านบาท

งานนี้ไร้วี่แววของ Golf Mk.7 ทำให้บรรยากาศของบูธจะมีผู้สนใจที่เป็นระดับนักธุรกิจมองหารถครอบครัว
เป็นส่วนมาก แต่สิงห์เท้าหนักทั้งหลายจะไม่อุ่นหนาฝาคั่งเหมือนสมัยที่มี Golf/Scirocco เป็นตัวเอก

อย่างไรก็ตามถ้าจองรถตู้สองรุ่นดังกล่าวข้างต้น ก็มีสิทธิ์ลุ้นได้ขับ Scirocco ฟรี 1 คันนะครับ

Volvo
หลังจากที่ปรับทัพปรับรุ่น รวมทั้งเอา V40 เข้ามาเสริมตลาดCHICK ให้กับแบรนด์และได้รับความสนใจ
มากพอควร ในวันนี้ Volvo ก็สานต่อสำหรับคนชอบรถใต้ท้องสูงด้วยการนำรุ่น V40 Cross Country
เข้ามาขาย

Volvo V40 Cross Country ยกตัวถังสูงกว่ารุ่นธรรมดา 40 ม.ม. เหมาะกับสภาพถนนกึ่งคลองของ
กทม.ในช่วงหน้าฝนมากยิ่งขึ้น แต่ระบบขับเคลื่อนยังเป็นแบบ 2 ล้อหน้า (บางคนเข้าใจว่าขับสี่..ไม่ใช่นะครับ)
ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 5 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 213 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ รองรับน้ำมันเบนซินตั้งแต่
95 ถึง E20 (ในเอกสารชุดหนึ่งไม่ได้บอกว่ารองรับ E85 ส่วนใบราคาดันเขียนว่า Flexifuel แหล่งข่าว
ก็มาจากVolvo เองทั้งคู่ ดิชั้นไม่รู้จะเชื่อใคร) ราคาขายในปัจจุบันตั้งเอาไว้ที่ 1.92 ล้านบาท

ส่วนรถรุ่นอื่นเช่น S60 และ S80 ก็ได้รับการปรับโฉม เช่นเปลี่ยนกันชนหน้า-หลัง เปลี่ยนรายละเอียดไฟหน้า
เพิ่ม Daytime Running Light (DRL) โดย S60T4F ตัวถูกสุดอยู่ที่ 1,929,000 บาท และตัว S จะตั้งราคาไว้
2,199,000 บาท ส่วน S80 จะมีสามเครื่องยนต์คือ S80T4F 1.6 ลิตร 180 แรงม้า ราคา 2,575,000 บาท
S80T4 2.0ลิตร 203 แรงม้า ราคา 2,899,000 บาท และ S80D4 2.0 ลิตรดีเซลเทอร์โบ 163 แรงม้า
ราคา 2,799,000 บาท

ในภาพรวม ณ ปัจจุบัน Volvo จึงนับเป็นแบรนด์พรีเมียมที่ให้ความปลอดภัยครบครันและราคาค่อนข้าง
ถูกกว่าคู่แข่งจากเยอรมัน แต่เราไม่แน่ใจว่าจะใช้ความได้เปรียบจุดนี้ได้อีกนานแค่ไหนเพราะอย่างที่เห็น
ว่า Mercedes-Benz ในวันนี้ก็เริ่มทำราคาสู้เกรย์แล้วเหมือนกัน

——————————————————————————–

เป็นอันว่าเสร็จบทความ สรุปไฮไลท์ในงาน Motor Expo 2013 แล้ว
ปีนี้ เป็นปีที่มีความหลากหลายของยนตรกรรมมากที่สุดอีกครั้งนึง และรับรองว่า
ไม่ว่าคุณจะมองรถ Segment ไหนอยู่ ก็จะมีรถให้ดูกันอิ่มถ้วนหน้า

แต่อย่าลืมนะครับ เห็นรถแล้ว ลองจับคลำดูแล้ว แต่ถ้ายังไม่ได้ขับ ก็อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจ
ซื้อรถคันนึงไม่ใช้เงินน้อยๆ บางคนต้องผ่อนกันไปอีกนาน จากลูกเรียน ม.1
ก็ผ่อนกันจนลูกเตรียมเข้ามหาวิทยาลัย ดังนั้นการเลือกรถนี่ ถึงแม้ไม่ร้ายแรง
เหมือนเลือกคู่สมรส แต่ก็ควรใช้เวลากับมันมากกว่าการเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์นะครับ

ขอให้ใช้ข้อมูล ใช้การลอง การคำนวณยอดต่างๆ รวมถึงคาดการณ์รูปแบบ
การใช้งานของตัวเอง จากวันนี้ ไปจนถึงวันที่ผ่อนหมด ว่ารถคันนั้นๆสามารถรองรับการใช้งาน
ของเราได้นานแค่ไหน

มีโอกาสคิด จัดเลย ก่อนเสียเงิน..และขอให้ความสุขมีแก่ทุกท่านนะครับ


Commander CHENG! / พันธุ์สวัสดิ์ ไพฑูรย์พงษ์
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และภาพถ่าย โดยผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
29 พ.ย. 2013

Copyright (c) 2013 Text and Pictures
Use of such content either in part
or in whole without permission is prohibited.
First published in www.Headlightmag.com
November 29, 2013