กรุงเทพฯ – บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดตัวยนตรกรรมหรูในตระกูล E-Class รุ่นใหม่ล่าสุดได้แก่ The new E-Class Coupé รถยนต์สปอร์ตคูเป้ และ
The new E-Class Cabriolet รถยนต์สปอร์ตเปิดประทุนแบบ 4 ที่นั่ง ภายใต้บรรยากาศความสุขแบบไร้ขีดจำกัด (Uncontrained Pleasure) พร้อมรูปลักษณ์ดีไซน์ใหม่ที่เร้าใจ
น่าหลงใหล ให้ความสปอร์ตและเต็มไปด้วยสมรรถนะอันทรงพลัง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงปรัชญาการออกแบบใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ที่เน้นความหรูหราและมีความเป็นไลฟ์สไตล์เฉพาะตัว
โดยมาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินทรงพลังใหม่ 4 สูบแบบ BlueDIRECT พร้อมระบบช่วยเหลือด้านความปลอดภัยที่ทำให้เมอร์เซเดส-เบนซ์เป็นรถยนต์ที่ขับขี่ปลอดภัยอย่างชาญฉลาด        
“Mercedes-Benz Intelligent Drive” เปิดตัวไปเรียบร้อยแล้วเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา ณ โรงงาน โฟร์ ซีซั่น ย่านราชดำริ

alt

ดร. อเล็กซานเดอร์ เพาฟเลอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “เมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class Coupé และ Cabriolet ที่นำมาเปิดตลาดในไทย
มี 3 รุ่นด้วยกันได้แก่ E 200 Coupé Sport, E 200 Coupé AMG Dynamic และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีความโดดเด่น ความแข็งแกร่งที่แฝงไว้
ด้วยอารมณ์สปอร์ต รูปลักษณ์ที่หรูหรา สะดุดตา มีความดุดัน และยังใช้เครื่องยนต์ใหม่ที่เต็มไปด้วยสมรรถนะและให้ประสิทธิภาพด้านการประหยัดพลังงานเป็นเยี่ยม เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
และมีความปลอดภัยสูง ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องอ๊อบชั่นและราคาซึ่งนับเป็นการปรับราคาครั้งใหญ่ที่ลูกค้าจะได้รับความคุ้มค่ามากขึ้น รวมถึง
การส่งมอบรถซึ่งลูกค้าสามารถรับรถได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2556 เป็นต้นไป ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถตอบโจทย์สำหรับกลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ไฟแรงหรือเจ้าของกิจการทั้งชายและหญิง
ที่ชื่นชอบรถยนต์ในสไตล์สปอร์ตปราดเปรียวและคล่องตัว แฝงไว้ซึ่งความทรงพลังที่น่าดึงดูดใจโดยเป็นรถยนต์ในฝันได้อย่างแท้จริง

The new E-Class Coupé และ Cabriolet โฉมใหม่ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนเด่นชัดที่สุดคือที่แผงกระจังหน้าและโคมไฟแบบใหม่ซึ่งเป็นการรวมเอาฟังก์ชั่นการทำงานของไฟ LED ต่างๆ
รวมไว้ในกรอบเดียวกัน และยังมีการนำเทคโนโลยีไฟ LED แบบ fibre-optic มาใช้ด้วย ทำให้ไฟคู่หน้ามีลักษณะแบบ “สี่ตา (four-eyed)” ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ E-Class 
กระจังหน้าเป็นแบบสปอร์ตมีลาย 1 แถบพร้อมตราสัญลักษณ์เมอร์เซเดส-เบนซ์ดวงใหญ่ตรงกลาง กันชนด้านหน้าได้รับการดีไซน์ใหม่เน้นรายละเอียดมากขึ้นพร้อมช่องอากาศขนาดใหญ่ตกแต่ง
ด้วยโครเมียมทำให้รถยนต์รุ่นนี้ดูปราดเปรียว  โดยรวมแล้วการปรับเปลี่ยนด้านหน้าในรถทั้งสองรุ่นนี้ เน้นความเป็นสปอร์ตมากขึ้น

The new E-Class Coupé ยังคงความสง่างามได้สัดส่วนด้วยฝากระโปรงหน้าที่เทลาดยาวและลายเส้นด้านข้างตั้งแต่หน้าจรดท้าย รับกับความโค้งมนของเส้นใต้หลังคาของรถสไตล์คูเป้
เน้นความหรูหราและปราดเปรียว ที่โดดเด่นคือไม่มีเสาหลังคากลาง B-Pillar ทำให้บรรยากาศภายในรถดูโปร่งสบายและกว้างมากขึ้น พร้อมด้วยหลังคาพาโนรามิคซันรูฟที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิด
ได้ด้วยระบบไฟฟ้า ส่วน The new E-Class Cabriolet  โดดเด่นด้วยลายเส้นนูนด้านข้างตั้งแต่ด้านหน้าจรดท้ายรถทำให้เกิดมิติด้านข้างสวยงามและได้สัดส่วน หลังคาเปิดประทุน
แบบผ้า (soft-top) สามารถเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้าและสามารถสั่งการทำงานด้วยกุญแจรีโมทคอนโทรล โดยเปิด-ปิดภายในเวลา 20 วินาที แม้ขณะรถวิ่งมาด้วยความเร็วที่ 40 กม./ชม.

alt

ภายในห้องโดยสารมีการปรับให้มีความผสานกลมกลืนสวยงามเข้ากับรูปลักษณ์ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนไปมีบรรยากาศความเป็นสปอร์ตในทุกรายละเอียด และเลือกใช้วัสดุชั้นดีมีคุณภาพสูงทำให้ดู
หรูหรามีระดับ นาฬิกาแบบอนาล็อกอยู่ตรงกลางแผงคอนโซลระหว่างช่องแอร์ให้ความสวยงามแบบคลาสสิก เบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มหนัง และสำหรับรุ่น E 200 Coupé AMG Dynamic
และ E 200 Cabriolet AMG Dynamic จะเป็นเบาะหุ้มหนัง ARTICO สีดำ ส่วนเบาะนั่งคู่หน้าเป็นแบบ multi-contour seats ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมหน่วยบันทึกความจำ
สำหรับตำแหน่งที่นั่ง พวงมาลัย และกระจกมองข้าง พร้อมด้วยระบบเพิ่มความสะดวกในการเข้า-ออกรถ สำหรับผู้โดยสารด้านหลัง (EASY-ENTRY) ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติแบบ THERMATIC 
แบบ 2-zone สำหรับรุ่น E-Class Cabriolet จะมีแผงบังคับทิศทางลม (AIRCAP®) และแผงกั้นลม (draught-stop) ที่ช่วยลดกระแสลมที่เกิดขึ้นในห้องโดยสารรวมถึงเสียงรบกวนจากภายนอก
โดยระบบ AIRCAP® จะทำงานอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วตั้งแต่ 40 กม.ชม.ขึ้นไป และระบบจะหยุดการทำงานเองได้โดยอัตโนมัติเมื่อรถวิ่งอยู่ที่ความเร็วต่ำกว่า 15 กม./ชม.
นอกจากนั้นยังติดตั้งพวงมาลัย 3 ก้านแบบมัลติฟังก์ชั่นพร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์แบบ DIRECT SELECT ที่พวงมาลัย ซึ่งเป็นพวงมาลัยนิรภัยพร้อมพาวเวอร์ที่สามารถปรับน้ำหนักได้ตามความเร็วรถ
ซึ่งจะช่วยทำให้การควบคุมทิศทางรถเป็นไปอย่างเที่ยงตรงแม่นยำ ทั้งในรุ่น The new E-Class Coupé และ Cabriolet

Mercedes-Benz E-Class Coupé และ Cabriolet มาพร้อมกับเทคโนโลยีและระบบความปลอดภัยใหม่ที่ผสานความสะดวกสบายและความปลอดภัยเข้าไว้ด้วยกันซึ่งเรียกว่า
ระบบ “Mercedes-Benz Intelligent Drive” เพื่อให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารได้รับความปลอดภัยสูงสุด ด้วยระบบการช่วยเหลือและระบบความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพ จึงทำให้ E-Class Coupé
และ Cabriolet ใหม่นี้ เป็นยานยนต์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดคันหนึ่งในเซ็กเม้นท์นี้ โดยระบบดังกล่าวมีพื้นฐานมาจากแนวคิดการปกป้องก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุเข้าไว้ด้วยกันภายใต้
ระบบควบคุมอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวที่ทำงานสอดประสานกัน ไม่ว่าจะเป็นระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE-SAFE® system) โปรแกรมการควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP®
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 4 ที่นั่งผ่อนแรงและรั้งกลับอัตโนมัติ พร้อมระบบป้อนเข็มขัดนิรภัยอัตโนมัติสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า (automatic belt feeder) หมอนรองศีรษะคู่หน้า
แบบ NECK-PRO head restraints ที่ช่วยลดอาการบาดเจ็บกรณีที่ถูกชนจากด้านหลัง ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมเซ็นเซอร์วัดแรงปะทะ
และการคาดเข็มขัดนิรภัย ถุงลมนิรภัยด้านข้าง 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า ม่านถุงลมนิรภัยป้องกันศีรษะ สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารทั้ง 4 ตำแหน่ง โครงสร้างตัวถังนิรภัย
และคานนิรภัยกันกระแทกด้านข้าง และโครงคุ้มกันนิรภัย (roll-over bars) เฉพาะรุ่นเปิดประทุน ซึ่งช่วยเสริมการปกป้องให้มีประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนั้นยังมี
ระบบความปลอดภัยอื่นๆ อีกมากมาย อาทิ ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่  (ATTENTION ASSIST) ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี ASR (Acceleration skid control)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชั่น HOLD และ Hill-Start Assist ไฟเบรกกระพริบฉุกเฉิน (Adaptive Brake Light) ระบบรักษาระดับความเร็ว (cruise control)
และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC) เซ็นเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTROMIC) และระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)

alt

The new E-Class Coupé และ Cabriolet มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินใหม่แบบ BlueDIRECT 4 สูบเรียง ที่ทรงพลังเต็มไปด้วยสมรรถนะและประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงมากขึ้น
โดยมีหัวฉีดชนิด piezo ซึ่งฉีดเชื้อเพลิงเข้าห้องเผาไหม้โดยตรง และเป็นเทคโนโลยีแบบเดียวกันที่ใช้กับเครื่องยนต์ V6 และ V8 รุ่นใหม่ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ โดยได้นำมาใช้กับ
เครื่องยนต์ 4 สูบเป็นครั้งแรก  นอกจากนี้เทคโนโลยีที่มาพร้อมกับเครื่องยนต์ใหม่นี้รวมถึงจังหวะการฉีดเชื้อเพลิงและจุดระเบิดแบบหลายครั้งติดต่อกันตรงสู่ห้องเผาไหม้ทำให้การเผาไหม้
สมบูรณ์ขึ้น ส่งผลให้เครื่องยนต์ใหม่ในรหัส M274 ขนาด 2.0 ลิตร พร้อมเทอร์โบชาร์จ สร้างแรงม้าได้ 184 แรงม้าเท่ากับเครื่องยนต์ M271 แต่มีแรงบิดสูงสุดถึง 300 นิวตัน-เมตร
โดยจะมีอัตราสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 18 กม./ลิตร สำหรับ E-Class Coupé และ 16 กม./ลิตร สำหรับ E-Class Cabriolet นอกจากนั้นเครื่องยนต์ทุกรุ่นมาพร้อมกับ
ฟังก์ชัน ECO Start/Stop เพื่อช่วยประหยัดน้ำมันมากขึ้น โดยขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 7 จังหวะ (7G-TRONIC PLUS) อันทรงประสิทธิภาพ

เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class Coupé และ Cabriolet ใช้ระบบกันสะเทือนแบบ AGILITY CONTROL Sports ที่ช่วยให้การขับขี่เป็นไปอย่างสปอร์ตปราดเปรียว พร้อมโช้คอัพ
ที่ปรับสภาพเองได้อย่างอิสระ ระบบนี้จะช่วยให้โช้คอัพสามารถปรับสภาพให้เหมาะสมกับสภาพถนนได้โดยอัตโนมัติตามสถานการณ์การขับขี่และสภาพของถนนที่เปลี่ยนไปตลอดเวลา
เพื่อช่วยให้ผู้ขับขี่และผู้โดยสารรู้สึกเพลินเพลิดและนุ่มนวลที่สุดขณะขับขี่ รวมถึงช่วยสร้างความรู้สึกแบบสปอร์ตแต่ยังคงไว้ซึ่งความนุ่มนวลขณะเดินทางในระยะไกลอันเป็นชื่อเสียงที่เมอร์เซเดส-เบนซ์
สั่งสมมาอย่างยาวนานได้อีกด้วย

alt

เมอร์เซเดส-เบนซ์ The new E-Class Coupé และ Cabriolet มาพร้อมกับเทคโนโลยีอันล้ำหน้าและคุณภาพสูงเพื่อความรื่นรมณ์ตลอดการเดินทางหลากหลายรูปแบบการบันเทิง
ได้แก่ ระบบCOMAND Online ควบคุมการทำงานของวิทยุและดีวีดี สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต พร้อม controller และระบบนำทาง (navigation system) รวมทั้งยังมี
ระบบสั่งการด้วยเสียง (LINGUATRONIC) ระบบเชื่อมต่อสื่อบันเทิง (media interface) เพื่อให้ความเพลิดเพลินบันเทิงใจขณะขับขี่ รวมทั้งระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ผ่านบลูทูธ
เพื่อให้ความสะดวกสบายในการสื่อสารมากยิ่งขึ้น

ท้ายที่สุด Mercedes-Benz ประเทศไทย ได้เปิดราคาขายของรุ่น E 200 Coupe Sport และ AMG Dynamic ไว้เพียง 3.79 ล้านบาท ในขณะที่รุ่น E 200 Cabriolet AMG Dynamic
สนนราคาเพียง 3.99 ล้านบาท ซึ่งสามารถรับรถได้ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมนี้เป็นต้นไปเฉพาะที่ผู้จำหน่ายเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างเป็นทางการเท่านั้น