“อุบัติเหตุ คือเหตุที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด มักจะหมายถึงเฉพาะเหตุร้ายหรืออันตรายที่เกิดขึ้นในทันที”
ทุกๆท่าน คงจะได้ยินคำนี้กันอยู่บ่อยครั้ง ถึงเหตุที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบนท้องถนน ทางทะเล หรืออากาศ
แต่ที่ใกล้ตัวที่สุดของเราก็คือ อุบัติเหตุทางท้องถนนนี่ล่ะครับ ที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายนับไม่ถ้วน และสาเหตุ
ต่างๆเหล่านั้น ก็มีมากมายหลายพันประการ แต่เราเองก็สามารถที่จะป้องกันการเกิดอุบัติเหตุได้ หากมีความใส่ใจ
ตั้งใจ มีน้ำใจต่อเพื่อนร่วมถนน และที่สำคัญ ความไม่ประมาทครับ
บทความ Safety On Board ครั้งนี้ ขอนำเสนอเรื่องราวของการขับขี่แบบปลอดภัย ให้คุณผู้ชมได้อ่านกัน
ทางเว็บไซต์ Headlightmag.com ได้รับเชิญจาก บริษัท เมอร์เซเดส เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด 
ให้เข้าร่วมการฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัยในชื่อโครงการ Mercedes-Benz Driving Experience โดยปีนี้ 
ได้จัดขึ้นติดต่อกันเป็นปีที่ 8 ใช้เวลาในการฝึกอบรม 1 วันเต็ม คือวันที่ 21 มกราคม 2554 
ณ ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี  
 
 
เมื่อไปถึงแล้วก็จะเจอ Mobile Showroom ตั้งตระหง่านอยู่ในบริเวณลาน ซึ่งโชว์รูมนี้ถูกสร้างขึ้นมาใช้สำหรับ
การจัดกิจกรรม และสามารถปรับเปลี่ยนเป็นโชว์รูมรถยนต์ได้อีกด้วย บริเวณด้านนอกอากาศค่อนข้างร้อนทีเดียว
 
 
 
มาถึงแล้วเวลาไม่คอยท่า เราจึงเริ่มต้นการฝึกอบรมโดยเริ่มจากการกล่าวทักทายจากผู้บริหารของ
Mercedes-Benz ประเทศไทยโดยคุณฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร
และได้แนะนำ มร.สเตฟาน เมอบิอุส รองประธานบริหารฝ่ายขายและฝ่ายการตลาด
 
 
จากนั้นเป็นการแนะนำวิทยากรผู้ฝึกสอนทั้งหมด 3 ท่าน ซึ่งเป็นชาวเยอรมันทั้งหมด ได้แก่
1. มร. แมทเธียส ไคลน์มิเคล หัวหน้าผู้ฝึกสอน
    -รับผิดชอบเป็นผู้นำฝึกสอนโปรแกรม Mercedes-Benz Driving Experience 
    -มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ในทุกๆ สายการฝึกรวมทั้งการฝึกรถเกราะกันกระสุน
     และรถแข่งในลักษณะต่างๆ มาแล้วกว่า 21 ปี 
    -ผ่านการฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วกว่า 1,800 รายการ ทั้งในประเทศยุโรป อเมริกา 
     แอฟริกาและเอเชีย
 
 
2. มร.ไมเคิล เวย์คอฟ 
   -มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ในทุกๆ สายการฝึกรวมทั้งการฝึกรถเกราะกันกระสุน
    และรถแข่งในลักษณะต่างๆ มาแล้วกว่า 36 ปี 
   -ชนะเลิศการแข่งรถยนต์รายการ German Kart Champion ในปี 1986 และรายการ 
    24 Hour Race NBR 2000 : Class & Group Champion
   -ผ่านการฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วกว่า 4,300 รายการ ทั้งในประเทศยุโรป อเมริกา 
    แอฟริกาและเอเชีย
 
 
3. มร.วิม  เดมส์
   -มีประสบการณ์ด้านการฝึกสอนเทคนิคการขับขี่ในทุกๆ สายการฝึกรวมทั้งการฝึกรถเกราะกันกระสุน
    และรถแข่งในลักษณะต่างๆ มาแล้วกว่า 20 ปี 
   -เป็นผู้คร่ำหวอดในวงการแข่งรถมาอย่างยาวนาน อาทิ Fia GT / Belcar 
   -ผ่านการฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัยมาแล้วกว่า  4,300 รายการ ทั้งในประเทศยุโรป  อเมริกา และเอเชีย
 
 
 
และยังมีวิทยากรผู้ฝึกสอนชาวไทยอีกสองท่านคือ คุณอัชฌ์ บุณยประสิทธิ์ และคุณชัยวัธน์ แก้วงามอรุณ 
 
 
เริ่มด้วยการแนะนำการพัฒนาระบบความปลอดภัยในรถยนต์ Mercedes-Benz ตั้งแต่ในอดีต เห็นได้ชัดว่า
พัฒนามาโดยตลอดเวลาจริงๆมิหยุดหย่อน เริ่มตั้งแต่การออกแบบตัวถังแบบ Crumple Zone, 
ระบบเบรค ABS, ถุงลมนิรภัย, ระบบควบคุมการทรงตัว ESP และในปัจจุบันกับระบบ PRE-SAFE 
และ Active Bonnet ช่วยลดการบาดเจ็บของคนเดินถนนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ เรียกได้ว่ามีการพัฒนา
ด้านความปลอดภัยกันอย่างต่อเนื่องทีเดียว
 
 
หลังจากเลกเชอร์เสร็จแล้ว สื่อมวลชนทั้ง 20 ท่านจาก 20 สื่อ ซึ่งรวมถึงตัวผมด้วย ก็ได้มีการแบ่งกลุ่มกัน
ออกเป็น 2 กลุ่ม กลุ่มละ 10 ท่าน เพื่อแยกกันไปเรียนในแต่ละบทเรียน และจับคู่กัน 2 ท่านต่อรถยนต์ 1 คัน  
ตัวผมเองอยู่ในกลุ่มที่มี มร. วิม เป็นผู้ฝึกสอน และครั้งนี้เอง เรียกได้ว่าเป็นโอกาสอันดีของผมอย่างมาก 
ที่มีโอกาสที่ทดลองขับรถยนต์ Mercedes-Benz ทั้งหมด 10 คันด้วยกัน โดยเป็นการทดสอบสมรรถนะไปในตัว
สำหรับเหตุการณ์ต่างๆที่ถูกจำลองขึ้นมาในบทเรียน
 
 
 
รถยนต์ทั้งหมด 10 คันที่นำมาใช้ในบทเรียนครั้งนี้ มีดังต่อไปนี้
C-Class
  -C200 CGI BlueEfficiency Elegance
  -C250 CGI BlueEfficiency Avantgarde
  -C250 CDI BlueEfficiency Avantgarde
E-Class
  -E200 CGI BlueEfficiency Elegance
  -E250 CDI BlueEfficiency Elegance
  -E300
S-Class
  -S300 Long Wheelbase
Niche Models
  -E250 CGI BlueEfficiency Cabriolet
  -ML300 CDI BlueEfficiency
  -R300 CDI 4MATIC
 
แล้วก็ยังมี Vito อีกคัน แต่ว่าไม่ได้ขับนะครับ 
 
 
และก่อนที่จะเริ่มบทเรียน เราก็เริ่มต้นด้วยการเรียนรู้การปรับตำแหน่งเบาะที่นั่งที่ถูกต้อง การปรับระยะห่างของ
พวงมาลัย เพื่อให้ผู้ขับขี่สามารถควบคุมรถยนต์ได้เป็นอย่างดี โดยเริ่มตั้งแต่
การปรับเบาะนั่ง – ตำแหน่งที่ถูกต้องในการปรับเบาะนั่งในขณะขับขี่รถยนต์ก็คือ เมื่อเราเหยียบแป้นเบรคจนสุด
                       ช่วงขายังจะต้องงออยู่ ไม่ควรเหยียดตึง เพื่อที่จะทำให้เหยียบแป้นเบรคได้เต็มแรงเมื่อเกิด
                       เหตุการณ์คับขัน 
 
 
 
การปรับพนักพิง – จะต้องปรับให้สอดคล้องกับตำแหน่งของพวงมาลัย ตำแหน่งที่ถูกต้องคือ ตำแหน่ง 3 
                       และ 9 นาฬิกา และเมื่อหมุนพวงมาลัยจนมือซ้ายหรือมือขวามาอยู่ที่ตำแหน่ง 12 นาฬิกาแล้ว
                       ช่วงแขนยังจะต้องงอ ไม่ควรเหยียดตึง เพื่อที่จะทำให้ควบคุมทิศทางของรถยนต์
                       ได้อย่างคล่องแคล่ว และหลีกเลี่ยงเหตุการณ์คับขับได้ทันท่วงที
 
 
                       
หลังจากที่เรียนรู้เทคนิคการปรับตำแหน่งที่นั่งขั้นต้นแล้ว เราจึงเริ่มบทเรียนกันครับ สำหรับบทเรียน
ที่ได้รับการฝึกอบรมแบ่งเป็น 4 บทเรียนใหญ่ๆได้แก่
– การขับขี่แบบ slalom ด้วยความเร็วสูง
– การเข้าโค้ง 180 องศา
– การเบรคเพื่อหลีกเลี่ยงการชน และเปลี่ยนช่องทางวิ่งด้วยความเร็วสูง
– การควบคุมรถในสนามด้วยความเร็วสูง
บทเรียนที่1 การขับขี่แบบ Slalom ด้วยความเร็วสูง
สำหรับการขับขี่แบบ Slalom ผู้ฝึกสอนเริ่มตั้งแต่การให้ขับตามๆกันก่อนที่ความเร็วต่ำ เพื่อให้ดูเส้นทางของบทเรียน
และค่อยๆเริ่มการฝึกการหักพวงมาลัย โดยเริ่มใช้ความเร็วต่ำระดับๆ 30-40 กิโลเมตร/ชั่วโมงในช่วงแรก
ส่วนการหักพวงมาลัยเพื่อหลบกรวยนั้น ไม่ต้องหักพวงมาลัยมาก แค่หักนิดเดียวรถก็สามารถหลบกรวยได้
 
 
หลังจากผู้ฝึกสอนขับพาดูเส้นทางแล้ว ก็จะปล่อยให้ขับออกจากจุดเริ่มต้นกันทีละคันครับ โดยเริ่มความเร็วต่ำๆ
อย่างที่กล่าวไป ไปจนถึงความเร็วระดับ 65-70 กิโลเมตร/ชั่วโมง สำหรับเทคนิคการขับขี่แบบ Slalom ที่ได้เรียนรู้
ก็คือ การหักพวงมาลัย ไม่จำเป็นต้องหักเยอะ แค่หักนิดเดียว รถก็สามารถหลบกรวยได้ เทคนิคในการหักพวงมาลัย
คือ ถ้าหักพวงมาลัยไปทางซ้าย ให้ใช้มือขวาช่วยดันพวงมาลัยไปทางซ้าย เป็นลักษณะ ขวาดัน-ซ้ายดึง 
หรือหักไปทางขวาก็ทำแบบเดียวกันคือ ซ้านดัน-ขวาดึง เพียงเท่านี้ รถก็จะสามารถหักหลบกรวยได้อย่างรวดเร็ว 
แต่ในขณะเดียวกัน ก็จะต้องมีการควบคุมความเร็วที่คงที่และเหมาะสมกับช่องทางที่เปลี่ยนด้วยครับ
 
 
 
 
ทักษะที่ได้จากบทเรียนนี้คือ การขับขี่หลบหลีกสิ่งกีดขวางบนท้องถนนแบบกะทันหัน 
และสามารถควบคุมรถอยู่ได้ครับ
บทเรียนที่ 2 การเข้าโค้ง 180 องศา 
บทเรียนนี้ จะเป็นการจำลองเหตุการณ์ที่ผู้ขับขี่ ขับรถยนต์ด้วยความเร็วสูง
และพบว่าต้องเข้าโค้งอย่างกะทันหันที่ 180 องศา และหาแนวเส้นเพื่อกลับเข้าสู่เส้นทางเดิม
การฝึกบทเรียนนี้ จะสลับกันทีละ 1 คัน โดยจะต้องออกตัวจากจุดเริ่มต้น ไปจนถึงจุดเบรคซึ่งจะมีกล้องจับความเร็ว
พร้อมจอแสดงผลความเร็ว ซึ่งจะต้องผ่านจุดที่กล้องตั้งอยู่ด้วยความเร็วระหว่าง 100-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
จากนั้นจึงเหยียบเบรค โดยต้องเหยียบลงไปอย่างเต็มแรง ห้ามเหยียบปล่อยๆ หรือผ่อนแป้นเบรคโดยเด็ดขาด
แล้วจึงหักพวงมาลัยเข้าไปในแนวที่กำหนด โดยจะตั้งกรวยกำหนดไว้เป็นแนว คือแนวทางซ้ายหรือทางขวา 
เพื่อเป็นการทดสอบระบบเบรค ABS ที่ทำงานควบคู่กันกับระบบ ESP หรือระบบควบคุมการทรงตัว 
ถ้าหากว่าผ่านจุดจับความเร็วด้วยความเร็วที่กำหนดพร้อมกับเบรคได้ทัน ไม่ชนกรวย และสามารถหักพวงมาลัย
เข้าไปในแนวเส้นที่กำหนดไว้ได้ ก็เท่ากับว่าสามารถหักหลบสิ่งกีดขวางบนท้องถนนจริงได้ 
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตที่ตัดหน้ารถหรือว่ากิ่งไม้ใหญ่ที่หล่นมาบนเส้นทาง
 
เมื่อรถแล่นมาถึงจุดเบรคที่เป็นกรวยใหญ่ แล้วจึงเหยียบเบรค
 
 
 
เมื่อเบรคแล้ว จึงหักพวงมาลัยไปยังทิศทางที่ต้องการอย่างรวดเร็ว
ที่สำคัญ เหยียบเบรคแล้วห้ามผ่อนแป้นเบรคครับ 
 
 
 
ก็จะเป็นแบบที่เห็นนี้ครับ
 
 
ทักษะที่ได้จากบทเรียนนี้คือ เมื่อขับขี่รถยนต์ด้วยความเร็วสูง และเกิดเหตุการณ์คับขันที่จะต้องหักพวงมาลัย
พร้อมกับเบรคอย่างกะทันหัน จะต้องสามารถผ่านพ้นเหตุการณ์ ณ เวลานั้นได้อย่างรวดเร็ว 
และสามารถควบคุมรถให้กลับเข้าเส้นทางได้ครับ
บทเรียนที่ 3 การเบรคเพื่อหลีกเลี่ยงการชนและเปลี่ยนช่องทางวิ่งด้วยความเร็วสูง บทเรียนนี้จะมีความคล้ายคลึงกัน
จะขอกล่าวแยกทีละส่วนนะครับ
3.1 การเปลี่ยนช่องทางวิ่งด้วยความเร็วสูง 
บทเรียนนี้ จะเป็นการทดสอบระบบ ESP หรือระบบควบคุมการทรงตัวของรถ และระบบ PRE-SAFE 
ที่ปกป้องผู้ขับขี่ก่อนการเกิดอุบัติเหตุ ขอบอกว่าบทเรียนนี้แอบกดดันตัวเองอยู่พอสมควร เพราะรถคันที่ผมขับ
คันแรกของบทเรียนนี้คือ Merceds-Benz ML300 CDI 4MATIC ที่มีระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่ที่กดดันคือ 
กลัวคว่ำนะสิครับ รถก็สูงด้วย – -‘ แต่หลังจากนั้นเปลี่ยนเป็น E250 CGI แล้วค่อยโอเคขึ้นหน่อยครับ โล่งอก
สำหรับการทดสอบ ให้ออกตัวจากจุดเริ่มต้นไปจนถึง จุดที่มีกล้องจับความเร็ว เช่นเดียวกันกับบทเรียนที่แล้ว 
เมื่อถึงจุดนั้น ให้ยกคันเร่ง ห้ามเหยียบเบรค และต้องหักพวงมาลัย จนแขนไขว้กันเป็นเลข 8 โดยให้หักเข้า
ช่องทางที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นทางซ้ายหรือทางขวา เมื่อหักทางซ้ายหรือขวาแล้ว ก็ให้หักกลับเข้าช่องทาง
ที่กำหนดไว้ด้านหน้า ซึ่งเป็นช่องทางตรง การหักพวงมาลัย จะต้องหักให้เร็วและสุดแขน เพื่อที่จะทำให้รถยนต์
เกิดการเสียหลัก และเป็นการกระตุ้นให้ระบบ ESP และระบบ PRE-SAFE ทำงาน
 
ถึงจุดที่เป็นกรวยใหญ่แล้วจึงยกคันเร่ง ห้ามเบรค
 
 
จากนั้นให้หักพวงมาลัยไปทิศทางที่ต้องการ ซ้ายหรือขวา
 
 
 
 
 
 
 
แล้วจึงหักกลับเข้าช่องทางที่กำหนดไว้ด้านหน้า
 
 
หลายๆท่านอาจจะสงสัยว่าเราจะรู้ได้อย่างไรว่าระบบ ESP และ PRE-SAFE ทำงาน 
ระบบ ESP จะทำงานก็ต่อเมื่อระบบคอมพิวเตอร์สามารถจับอาการได้ว่า รถยนต์สูญเสียการทรงตัว ระบบจะดึงตัวรถ
ให้กลับเข้าช่องทาง เพื่อไม่ให้เกิดการพลิกคว่ำครับ
ส่วนระบบ PRE-SAFE ถ้าอยากรู้ว่ามันจะทำงานหรือไม่ ให้ลดกระจกลง จะกี่บานก็ได้ และเมื่อระบบทำงาน
เข็มขัดนิรภัยจะรั้งตัวของผู้ขับขี่เอาไว้อย่างตึงที่สุด เพื่อไม่ให้ผู้ขับขี่ได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกกับพวงมาลัย
และกระจกที่ถูกเปิดไว้ไม่ว่าจะกี่บานก็ตามแต่ ก็จะเลื่อนขึ้นปิดอย่างรวดเร็ว แต่ว่าจะไม่ปิดสนิท คงเหลือช่องว่าง
เอาไว้ประมาณ 3 เซนติเมตรครับ 
ทักษะที่ได้จากบทเรียนนี้คือ การตัดสินใจหักหลบสิ่งกีดขวางออกนอกเส้นทาง และต้องควบคุมรถ ให้กลับมาวิ่ง
บนเส้นทางเดิมอย่างรวดเร็ว เพื่อหลบรถที่วิ่งสวนทางมาจากอีกเลนหนึ่งครับ
3.2 การเบรคเพื่อหลีกเลี่ยงการชนบนทางลื่น
บทเรียนนี้จะเป็นการเบรคเพื่อหักหลบสิ่งกีดขวางบนทางลื่น เพื่อหลีกเลี่ยงการชน ซึ่งเป็นการทดสอบระบบเบรค 
ABS และระบบ ESP เพื่อควบคุมการทรงตัวบนทางลื่น สำหรับการทดสอบ ให้ออกตัวจากจุดเริ่มต้น ขึ้นไปบน 
skid pad ซึ่งเป็นแผ่นยางที่มีการฉีดน้ำจนชุ่ม เมื่อออกตัวจากจุดเริ่มต้น ไปจนถึงบน skid pad ไประยะหนึ่ง 
จนถึงจุดที่เบรคด้วยความเร็ว 40 กิโลเมตร/ชั่วโมง แล้วจึงเหยียบเบรคอย่างรวดเร็ว รถยนต์จะเกิดการลื่นไถล
จากนั้นจึงหักพวงมาลัยไปทางซ้าย เพื่อออกจาก skid pad ไปบนทางแห้ง แล้วก็หักพวงมาลัยออกไปทางขวา
เพื่อเข้าช่องทางที่กำหนดไว้ ถ้าสามารถหักหลบกรวยบนทางเปียก แล้วกลับเข้าช่องทางบนทางแห้ง
ได้ ก็เท่ากับว่า สามารถหักหลบสิ่งกีดขวางบนทางลื่นได้ ก็จะไม่ทำให้เกิดอุบัติเหตุครับ
 
ฉีดน้ำให้ชุ่มไปเลย
 
 
 
เราลองมาดูกันเป็นสเต็ปๆตามคำบรรยายข้างบนนะครับ
 
เมื่อขึ้นมาบน skid pad ตรงจุดกรวยใหญ่แล้วจึงเบรค 
 
 
 
เมื่อเบรคแล้วจึงหักพวงมาลัยออกไปทางซ้ายเพื่อออกจาก skid pad
 
 
 
 
 
เมื่อออกจาก skid pad ไปบนทางแห้ง แล้วก็หักพวงมาลัยออกไปทางขวา เพื่อเข้าช่องทางที่กำหนดไว้ 
 
 
 
แต่….. คุณผู้อ่านก็คงอาจจะเกิดความสงสัยตามมาอีกว่า แล้วถ้าเป็นรถยนต์ที่ไม่มีระบบควบคุมการทรงตัว
(ESP) รถยนต์จะเป็นอย่างไร
ในบทเรียนนี้ก็มีการทดสอบเช่นกันครับ การทดสอบก็คือ ปิดระบบ ESP ออกไปก่อน จากนั้นให้ขับรถ
ออกจากจุดเริ่มต้นด้วยการเหยียบคันเร่งเต็มเท้า ขึ้นไปบน skid pad อาการที่เกิดขึ้นกับตัวรถก็คือ
 
 
 
ล้อฟรีครับ ฟรีทิ้งแบบหมุนจี๋ทีเดียว สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากนั้นคือ ท้ายรถกวาดออกจาก skid pad 
อย่างรวดเร็ว (รถยนต์ที่ผมทดสอบในบทเรียนนี้เป็น Mercedes-Benz C200 CGI) และเครื่องยนต์ก็ดับครับ
 
 
 
ที่เครื่องยนต์ดับเพราะเป็นเหตุผลด้านความปลอดภัย ป้องกันไม่ให้ผู้ขับขี่เผลอไปเหยียบคันเร่งอีก
ถ้าเหยียบอีกที คราวนี้ก็หมุนเป็นถ้วยกาแฟหรรษาในสวนสนุกเลยล่ะครับ
 
 
ทักษะที่ได้จากบทเรียนนี้คือ การตัดสินใจหักหลบสิ่งกีดขวางกะทันหันบนทางลื่นออกนอกเส้นทาง
และควบคุมรถให้กลับมาวิ่ง บนเส้นทางแห้งได้อย่างรวดเร็ว เพื่อหลบรถที่วิ่งสวนทางมาจากอีกเลนหนึ่งครับ
และบทเรียนสุดท้าย การควบคุมรถในสนามด้วยความเร็วสูง (Hot Lap)
จะว่าไป บทเรียนนี้นับเป็นบทเรียนที่ตัวผมรอคอยมาทั้งวันเหมือนกัน เพราะว่าเป็นการนำเอาบทเรียนที่ได้รับ
การฝึกอบรมมาตลอดวัน มาใช้ในบทเรียนนี้นั่นเอง และสำหรับเส้นทางที่ใช้ในบทเรียนนี้ เป็นเส้นทาง
ที่วิ่งตามความยาวของสนามทั้งหมด จากปลายสุดสนามด้านหนึ่ง มาที่ปลายสุดสนามอีกด้านหนึ่ง 
ระยะทางไปกลับรวมแล้วก็ราวๆ 2 กิโลเมตร ลักษณะของสนามจะเป็นเหมือนกับสนามแข่งรถ 
เพื่อให้ผู้ฝึกทุกๆท่าน ได้ฝึกการสังเกตเส้นทางการขับที่หลากหลายนั่นเองครับ 
 
 
บทเรียนนี้จะให้ผูุ้ฝึก จับกลุ่มกันกลุ่มละ 3 ท่านต่อรถ 1 คัน สลับกันขับไปและกลับคนละ 1 รอบสนาม
จากนั้นจึงเปลี่ยนรถยนต์ครับ ก็คือจะได้ขับรถทั้งหมด 2 คันในบทเรียนนี้ ครั้งแรกตัวผมเป็นผู้โดยสารก่อน
และรถคันแรกก็คือ Mercedes-Benz S300 และคันต่อมาเป็น Mercedes-Benz E300  
 
 
เริ่มตั้งแต่ออกตัวจากจุดเริ่มต้น ผู้ฝึกสอนจะปล่อยรถไปทีละคัน ให้พ้นแนวกรวยที่กั้นไปช่องทางวิ่งไปประมาณ
3-4 ระยะ แล้วจึงออกตัวไปทีละคันๆ เพื่อไม่ให้ระยะห่างของรถแต่ละคันน้อยเกินไป และสำหรับความเร็ว
ที่ใช้ จะอยู่ที่ราวๆ 100-120 ครับ หรืออาจจะเกินกว่านั้น แต่ต้องเว้นระยะห่างให้ดี เบรคให้ไว หักให้เร็ว
 
 
 
สำหรับ S300 คันใหญ่มาก ใหญ่จริงๆครับ แต่พอได้ลองไปขับในบทเรียนนี้ ทำให้ผมพบว่า ถึงคันจะใหญ่
อุ้ยอ้ายก็จริง แต่การควบคุมในย่านความเร็วสูง เพื่อวิ่งไปตามช่องทาง และหักหลบสิ่งกีดขวานั้น ไม่ได้ยาก
อย่างที่คิดเลย แล้วยิ่งพอมาเป็น E300 แล้ว ก็ไม่ยากเช่นกันครับ การควบคุมรถที่ความเร็วสูง สิ่งที่สำคัญ
ก็คือ สมาธิครับ ทริกเล็กๆน้อยๆในบทเรียนนี้ ที่นำไปใช้ได้ในการขับรถจริงๆ (จริงๆก็ต้องใช้อยู่แล้ว)
ก็คือ อ่านแนวเส้นทางข้างหน้าไปจนสุดเท่าที่จะสามารถอ่านได้ และขับไปในแนวที่มีการตั้งกรวยเอาไว้
ซึ่งมีทั้งทางตรง ทางโค้ง โค้งหักศอกก็มี อีกทั้งยังต้องหักพวงมาลัยให้ไว ใช้ความเร็วที่เหมาะสม
และเว้นระยะห่างจากคันหน้าให้พอประมาณครับ
 
 
 
ทักษะที่ได้จากบทเรียนนี้คือ การฝึกควบคุมพวงมาลัยในเส้นทางตรงและเส้นทางโค้ง รวมไปถึงสถานการณ์
ต่างๆเช่น หักหลบสิ่งกีดขวางแบบ slalom, การเปลี่ยนช่องทางวิ่งด้วยความเร็วสูง เป็นต้น พร้อมๆไปกับ
การควบคุมความเร็วที่เหมาะสม และขับเว้นระยะห่างจากคันหน้าพอประมาณครับ
 
 
การขับขี่รถยนต์อย่างปลอดภัย สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ สมาธิ และสติของคุณครับ ถึงแม้ว่ารถยนต์ราคาแพงแค่ไหน
มีระบบความปลอดภัยมากมายที่พร้อมจะปกป้องและป้องกันการเกิดอุบัติเหตุและการสูญเสียอย่างสูงสุด
มากน้อยเพียงใด แต่ถ้าหากว่าขับรถอย่างไม่มีสติ ขับรถอย่างประมาท อุบัติเหตุและความสูญเสีย
ก็เกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ เพราะระบบความปลอดภัยต่างๆ มีขึ้นมาเพื่อ “รองรับ” การเกิดอุบัติเหตุ รวมทั้งป้องกัน
และปกป้องชีวิตของคุณครับ
สิ่งที่ผมได้จากการเข้าคอร์สฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัย Mercedes-Benz Driving Experience ครั้งนี้
ขอบอกว่าได้เยอะมาก มากมายจริงๆครับ นับตั้งแต่การได้ทดลองขับรถยนต์ Merceds-Benz ทั้งหมด
10 รุ่นย่อย ในเส้นทางการขับขี่ที่เหมือนกันทำให้ได้รู้ว่า รถยนต์แต่ละรุ่นมีอาการอย่างไร ในการขับขี่
แต่ละรูปแบบ และยังรวมไปถึง การได้เติมเต็มทักษะที่ตัวผมเอง “ไม่เคยมี” ขอย้ำว่า “ไม่เคยมี” 
จริงๆครับ ถ้าจะมี ก็มีแต่ทฤษฎี ที่เคยอ่านมา หรือคนอื่นสั่งสอนมา แต่ก็ยังไม่ได้มีโอกาสได้ทดลอง
กับตัวเองจริงๆสักที และขอบอกว่าทักษะที่ได้มาทั้งหมดจากการฝึกอบรมครั้งนี้นั้น 
ขอบอกและขอขีดเส้นใต้เน้นๆไฮไลท์ถูแรงๆจนกระดาษฉีกเอาไว้เลยว่า
“เป็นประโยชน์มากๆ กับผู้ที่ขับรถเป็นทุกคน”
ถ้าหากใครได้มีโอกาสได้เข้าคอร์สฝึกอบรมประเภทนี้ ผมต้องขอกล่าวเอาไว้เลยว่า ดีใจกับคุณด้วยครับ
เพราะคุณได้รับการฝึกอบรมในสิ่งที่เป็นประโยชน์ในการขับขี่รถยนต์ เพราะทุกวันนี้ คุณๆใช้รถใช้ถนนกัน
นอกจากคุณจะรับผิดชอบชีวิตของคุณ รับผิดชอบชีวิตของผู้โดยสารที่คุณเป็นผู้คุมชีวิตเอาไว้ในยามที่
อยู่บนท้องถนนแล้ว คุณก็ยังต้องรับผิดชอบชีวิตของเพื่อนร่วมทางทุกๆคนด้วยครับ เพราะอุบัติเหตุ
ถึงแม้ว่าจะเกิดขึ้นจากรถยนต์คันเดียว แต่ก็ยังสามารถส่งผลกระทบไปถึงเพื่อนร่วมทางบนท้องถนนด้วย
สุดท้ายนี้ ขอฝากไว้ว่า ขับรถบนถนนอย่างมีน้ำใจ ให้อภัยและมีมารยาทแก่เพื่อนร่วมทางซึ่งกันและกัน
และต้องขอขอบคุณ บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด สำหรับคำเชิญในการเข้าร่วม
การฝึกอบรมการขับขี่ปลอดภัย Mercedes-Benz Driving Experience ครับ
 
 
 
 
 
—————————————–//—————————————–
 
ขอขอบคุณ 
คุณฉัตวิทัย ตันตราภรณ์ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด
 
คุณเยาวเรศ เลิศลือชาชัย ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายสื่อสารองค์กร
ทีมฝ่ายสื่อสารองค์กร
บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด

และทีมฝ่ายประชาสัมพันธ์ 
Verve Public Relations Consultancy
สำหรับการเอื้อเฟื้อการเดินทางและอำนวยความสะดวกต่างๆในครั้งนี้

BnN
ลิขสิทธิ์บทความ ทั้งหมด เป็นของผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย ทั้งหมด เป็นของผู้เขียน/บริษัทเมอร์ซิเดสเบนซ์
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.headlightmag.com
6 มีนาคม 2011

Copyright (c) 2011 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole 
without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
March 6th,2011