ทีมผู้จัดงาน NewYork Autoshow 2011 อาจกัดฟันกรอด ๆ อยู่ก็เป็นไปได้ที่งาน AutoShanghai 2011 บังอาจลูบคมความยิ่งใหญ่กันไปหมด ทั้งตัวผู้บริหารค่ายรถจากบริษัทแม่ก็พากันไปที่จีนกันหมด คงเหลือไว้แค่เพียงรถยนต์รุ่นใหม่ที่มีความสำคัญต่อตลาดอเมริกาเหนือเท่านั้น

 

จุดที่งาน NewYork Autoshow 2011 โดนแย่งซีนไปหมดก็คือการเปิดตัวรถยนต์ระดับโลกโฉมใหม่ อาทิ Chevroler Malibu, Volkswagen Beetle โดนความยิ่งใหญ่ในงาน AutoShanghai 2011 ดึงความน่าสนใจไปเสียหมด เพราะคนทั่วโลกต่างเห็นรถใหม่จากงานที่จีนผ่านอินเตอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว

แต่ใช่ว่าในงานนี้จะไม่มีรถใหม่อะไรเลย อย่างน้อยก็พอมีรถที่น่าสนใจอยู่บ้างครับ

Chevrolet

ปีนี้ประธาน GM สิงสถิตย์อยู่ในงานนี้แทนที่จะไปอยู่จีน ถ้าให้คิดตามหลักการแล้วก็สมควรอยู่เพราะมันเป็นองค์ยานยนต์อเมริกันนี่ ถึงแม้จะเปิดเผยโฉม All New Chevrolet Malibu ในจีนไปแล้ว แต่สำหรับในงานนี้ได้เปิดเผยโฉม Chevrolet Malibu ECO อันเป็นเวอร์ชัน Mild  Hybrid เอาไว้ต่อกรกับ Ford Fusion Hybrid

 

GM เขาเรียกระบบนี้ว่า eAssist ประกอบไปด้วยเครื่องยนต์สันดาปภายในเบนซิน 2.4 ลิตร Ecotec ฉีดเชื้อเพลิงตรง 180 แรงม้า ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 15 แรงม้า ซึ่งจะช่วยทำงานแทนตอนเครื่องยนต์ดับด้วยระบบ Start Stop และเมื่อแตะคันเร่งมอเตอร์ไฟฟ้าจะทำงานให้ลดขับเคลื่อน หรือเมื่อเราลดความเร็วลงระดับหนึ่ง มอเตอร์ไฟฟ้าก็จะออกแรงแทนเครื่องยนต์จนกว่ารถจะหยุดนิ่ง ทำให้มันมีระยะทางวิ่งสูงสุดต่อน้ำมันเต็มถัง 885 กิโลเมตร

Ford

 

ไม่มีของใหม่ซิง ๆ จัดแสดงเพราะก่อนหน้านั้นยิงสลุตใส่รถใหม่กันจนเกือบจะหมดแม็กแล้ว คราวนี้หันมาปรับโฉมรถยนต์ซีดานขนาดกลางอย่าง Ford Taurus เพื่อให้รับมือกับ All New Chevrolet Malibu ที่จะถล่มตลาดปีหน้าให้ได้ ถึงแม้ตัว Taurus จะเพิ่งทำตลาดในอเมริกันเพียงแค่ 2 ปีก็ตาม ทั้งแบรนด์ Ford และ Chevrolet ต่างมีสถานะเป็นมวยรองในตลาด D-Segment ปล่อยให้ค่ายรถเอเชียฟาดยอดขายกันไปหมด

การปรับโฉม Ford Taurus ไล่จากการเปลี่ยนรายละเอียดโคมไฟหน้า, เปลี่ยนลายกระจังหน้าจากซี่ลวดหนาเป็นเส้นบาง ๆ ในรุ่นธรรมดา และเป็นรังผึ้งในรุ่น SHO ดูสปอร์ตกว่าเดิมมาก, ตกแต่งรายละเอียดกันชนหน้าใหม่ , เปลี่ยนลายล้อแมกซ์ใหม่

ขุมพลัง Ford Taurus รุ่นธรรมดาติดตั้งเครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Ecoboost ฉีดเชื้อเพลิงตรงพร้อมเทอร์โบชาร์จ ให้พละกำลังถึง 237 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 34.5 กิโลกรัมเมตร มีอัตราสิ้นเปลืองบนทางไฮเวอร์ 31 MPG หรืออยากจะแรงกว่านี้เล็กน้อยก็ได้เลยกับเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร 290 แรงม้า พร้อมวาล์วแปรผัน Ti-VCT แรงกว่าเดิม 27 แรงม้า ลดมลพิษและตอบสนองดีขึ้น

Ford Taurus SHO รุ่นท๊อปสุดจะติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร Ecoboost แรงถึง 365 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 48.3 กิโลกรัมเมตร

เราไม่แน่ใจว่า Ford เร่งปรับโฉม Taurus เพื่อจะได้จับยุบรวมกับ Next Generation Mondeo ตัวต่อไปหรือไม่ เพราะขนาด ดีไซน์ พละกำลังแทบจะเป็นคันเดียวกันแล้ว อีกทั้งนโยบาย One Ford ก็กำลังมาแรงพอตัว

Kia

ถึงแม้รุ่นพี่ Hyundai จะมียอดขายนำไประดับหนึ่งและแข็งแกร่งเพียงพอต่อการไต่ยอดขายขึ้นไปอีก งานนี้บริษัทแม่ก็อยากให้ Kia เติบโตในกลุ่มตลาดรถยนต์นั่งในตลาดสหรัฐอเมริกา หลังจากประสบความสำเร็จกับเอสยูวีรุ่น Kia Sorento และ Kia Soul ที่ขยับยอดไปถึงเดือนละ 1 หมื่นคัน

Kia ก็ได้แนะนำ Rio Modelchange ที่เราเห็นแล้วบอกได้เลยว่าสามารถสลัดภาพเก่า ๆ ของรถตระกูลซับคอมแพคท์ในอดีตได้หมดจด และโปรดอย่าสับสนกับ Kia K2 ในจีนนะครับ เพราะคันนั้นคือจับนำ Hyundai Accent มาแปลงหน้าและท้าย

Kia Rio Sedan Modelchange ที่ทุกท่านได้ชมอยู่ขณะนี้คือรถยนต์นั่งที่พัฒนาขึ้นจากสายพันธุ์ Kia แท้ เพราะโครงสร้างตัวถังครึ่งคันหน้าถอดแบบมาจากแฮทช์แบค ยกเว้น ดีไซน์ไฟหน้า, กระจังหน้าและกันชนหน้าที่ถูกออกแบบให้ดูสปอร์ตและสมดุลกับความเป็นซีดาน

ผู้รับผิดชอบการออกแบบ Kia Rio Sedan คันนี้ก็คือศูนย์การออกแบบ Kia Design แคลิฟอเนียซึ่งได้รับอิทธิพลจาก Kia Optima และ Kia Sportage  ด้านหน้าอาจจะดูเป็นรถครอบครัวแต่ก็ออกแบบช่องดักลมกันชนใหญ่ ทันสมัยให้ดูอ่อนเยาว์ขึ้น

เส้นสายด้านข้างตัวถังดูเผิน ๆ ก็คล้าย Kia K2 บ้าง พร้อมทั้งบั้นท้ายได้รับอิทธิพลจาก Kia Forte และ Kia Optima

มิติ ตัวถังความยาว 4,366 มม. ความกว้าง 1,720 มม. ความสูง 1,455 มม. โครงสร้างตัวถังทำจากวัสดุเหล็กกล้าทนทานเพิ่มขึ้น 63% น้ำหนักเบา ส่งผลต่อคุณภาพการขับขี่และบังคับควบคุม

จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ เครื่องยนต์ 1.6 ลิตร GDI ฉีดเชื้อเพลิงตรง 135 แรงม้า อัตราสิ้นเปลืองในเมือง 30 MPG และนอกเมือง 40 MPG พร้อมระบบ Auto Start Stop เวอร์ชันจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาติดตั้งอุปกรณ์มากมายเช่น ระบบ ESP, ABS, ระบบช่วยลงเขา และระบบจัดการเสถียรภาพตัวรถ

Lexus

เปิดเผยโฉมอนาคตว่าที่ Lexus GS ในชื่อ Lexus LF-Gh Concept ที่เขาบอกว่าเป็นดีไซน์ L-Finess ที่พัฒนาขึ้นอีกขั้น ฉายภาพลักษณ์ความสวยงาม, สมรรถนะ, ประสิทธิภาพและการรักษาสิ่งแวดล้อม  ดูแข็งกร้าวและด้านหน้าแปลกตาด้วยดีไซน์เหมือนกระสวยล้ำอนาคต

รถต้นแบบคันนี้จะถูกยกระดับเหมือนกับรถ Grand Touring Saloon อีกขั้นหนึ่งที่แสดงออกถึงความเป็นรถยนต์ทรงสมรรถนะ ผู้โดยสารก็สามารถเดินทางนั่งสบาย ภายในเต็มเปี่ยมความสะดวกสบาย ไม่เว้นแม้แต่ห้องสัมภาระท้าย

ดีไซน์ภายนอกถูกปรับดีไซน์ให้กล้าแกร่งขึ้น ด้านหน้าถูกออกแบบเหมือนกระสวยอวกาศโดยเฉพาะกระจังหน้าพร้อมชุดกันชนหน้าทรง คล้ายนาฬิกาทรายอาจจะเป็นเอกลักษณ์ใหม่ของ Lexus ในอนาคต สัดส่วนตัวรถดูเพรียวบางขึ้น แต่จุดเปลี่ยนสำคัญคือการออกแบบบริเวณเรือนกระจกรถยนต์ที่เน้นความปลอดโปร่ง ห้องโดยสารมากขึ้น ส่วนดีไซน์บั้นท้ายดูแปลกตาด้วยไฟท้ายทรงตัว L แบบแตกแฉกออกมา

มิติภายนอกมีความยาว 4,890 มม. ความกว้าง 1,870 มม. ความสูง 1,450 มม. ฐานล้อยาว 2,850 มม. ติดตั้งล้อขอบ 20 นิ้ว

ภายในห้องโดยสารก็ถูกออกแบบให้พิถีพิถันทุกรายละเอียดสร้างแวดล้อมให้ผู้ขับ เป็นศูนย์กลาง ติดตั้งนาฬิกาอนาล๊อคและแผงหน้าปัดสามมิติยกระดับความเป็น Lexus มากขึ้น สเปคขุมพลัง Hybrid อย่าไปถามหาให้มากนักเพราะเหมือนจงใจจะทำเป็นรถ Mockup มากกว่า

Mercedes-Benz

งานนี้ Mercedes-Benz เผยโฉมรถต้นแบบ Concept A-Class พร้อมกันทั้งในจีนและอเมริกา และดูเหมือนว่าท่านประธานใหญ่จะเน้นไปงานที่ประเทศจีนมากกว่า แต่หารู้ไม่ว่าพวกเขาก็ซีเรียสกับการผลิต A-Class ตัวต่อไปในสหรัฐอเมริกาเช่น เพราะคาดหวังว่า MercedesBenz จะเติบโตในแดนลุงแซมได้ดีกว่านี้อีกมาก

สเปคเครื่องยนต์ในรถต้นแบบพร้อมที่จะเป็นคันริงใช้บล๊อก 2.0 ลิตร 210 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ Dual Clutch และยืนยันว่าเปลี่ยนแปลงพื้นฐานตัวถังจากแบบแซนด์วิชต้นทุนสูงก็กลายมาเป็นแพลทฟอร์มมาตรฐานไม่มีการยกชั้นอะไรทั้งสิ้น

รูปการณ์ออกมาเช่นนี้เชื่อว่าน่าจะได้เห็นคันจริงในงานแสดงรถยนต์ปลายปีนี้

Scion

Scion อวดโฉม FR-S Concept คู่แฝด Toyota FT-86 II  ผู้บริหารยอมรับว่ารถคันนี้เกิดมาเพื่อรำลึกถึงประวัติศาสตร์รถยนต์สมรรถนะสูงและ มอเตอร์สปอร์ตอันยาวนาน โดยเฉพาะ Corolla AE86 อันโด่งดัง ก็เอามาประยุกต์ดัดแปลงจัดการสมดุลน้ำหนักตัวรถ ติดตั้งเครื่องยนต์สูบนอน Boxer 2.0 ลิตร จุดศูนย์ถ่วงต่ำติดตั้งตำแหน่งค่อนไปทางข้างหลัง

Scion FR-S Concept รถสปอร์ตคูเป้ขับเคลื่อนล้อหลังขนาดเล็กภายในงาน NewYork Autoshow 2011 ดูดี ๆ แล้ว นี่มัน Toyota FT-86 II แปลงร่างลดความยุ่งเหยิงของแอโร่พาร์ททั้งหมดเผยให้เห็นเนื้อแท้ของรถจริง ๆ ซึ่งผู้เขียนยืนยันว่าชอบหน้าตาแบบนี้มากกว่าตกแต่งรอบคันจริง ๆ

สังเกตจากภาพดูเหมือนว่า Scion พยายามถอดชิ้นส่วนที่ตกแต่งจาก Toyota FT-86 II ออกไปจนเกือบหมด และค่อนข้างแน่ใจว่ารถทำตลาดจริงน่าจะใกล้เคียงกับรถคันนี้มากกว่า โดยเฉพาะเปลี่ยนชุดกันชนหน้าที่มีแง่งเขี้ยวพร้อมไฟ LED Daylight, โป่งหลังบริเวณซุ้มล้อหลัง

เครื่องยนต์ชุดนี้เป็นแบบไร้ระบบอัดอากาศ D4-S ฉีดเชื้อเพลิงตรง รอบกำลังกว้าง ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงขึ้น จับคู่เกียร์ธรรมดาและเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ระยะเข้าเกียร์สั้น

ตัว ถังรถน้ำหนักเบาและฐานล้อสั้น ส่งผลดีต่อการขับขี่เข้าโค้งและเสถียรภาพขณะวิ่งทางตรงได้  กำหนดการเปิดตัวในเวอร์ชัน Toyota ปลายปีนี้ก็ได้เห็นแล้ว แต่สำหรับ Scion รอกันไม่นานนักเพียงแค่ปีหน้าเท่านั้นวัยรุ่นชาวอเมริกันก็ได้สัมผัสมัน

 

Nissan

ยังคงเน้นตลาดรถไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกากันไปก่อนเพื่อนำร่องให้ Nissan Leaf ติดลมบนอย่างถาวร คราวนี้ส่งเวอร์ชันดัดแปลงตัวแรงด้วย Nissan Leaf Nismo RC ซิ่งได้ ไอเสียสะอาดด้วย

 

Nismo หน่วยพัฒนาและโมดิฟายด์รถยนต์สมรรถนะสูงในเครือ Nissan ก็เห็นพ้องต้องกันว่าน่าจะดัดแปลง Nissan Leaf รถไฟฟ้าชื่อดังให้เป็นรถซิ่งพร้อมแข่งขันบนสนามได้ทันทีแถมยังปล่อยมลพิษ 0% อีกต่างหากพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเสียงเรียงนามใหม่เป็น Nissan Leaf Nisamo RC

Nismo จัดการดัดแปลงตัวถังจากทรงแฮทช์แบค 5 ประตูให้กลายเป็นรถซิ่งแห่งยุคตัวถังทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ชนิดโมโนค๊อคทั้ง คัน, หดฐานล้อให้สั้นลงอีก 33 เซนติเมตร ตัวรถเตี้ยลงพอสมควรแตกต่างจากเวอร์ชันรถบ้าน

เปลี่ยนแปลงดีไซน์ให้ กลายเป็นรถคูเป้ 2 ประตูโดยผลงานการออกแบบของทีม Nissan Global Design Center พร้อมทั้งตกแต่งด้วยสติ๊กเกอร์ลายซิ่งรักษาสิ่งแวดล้อม ผลก็คือมันมีน้ำหนักตัวถังเบาเพียงแค่ 938 กิโลกรัมเท่านั้น

ไหน ๆ ก็มาในมาดรถซิ่งแล้ว Nismo ก็ยังไม่หลงลืมจุดเด่นของรถยนต์ขับดีนั่นก็คือการรักษาสมดุลน้ำหนักด้วยการ ย้ายตำแหน่งแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออน, มอเตอร์ไฟฟ้าและอินเวอร์เตอร์อยู่ตำแหน่งกึ่งกลางรถแทน พร้อมระบบขับเคลื่อนล้อหลัง และระบบกันสะเทือนปีกนกสองชั้นทั้งคัน

ขุม พลังมอเตอร์ไฟฟ้าของรถคันนี้ยกมาจาก Nissan Leaf ให้กำลัง 107 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.61 กิโลกรัมเมตร เห็นอย่างนี้อย่าเพิ่งดูถูกเพราะมันทำตัวเลข 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ภายใน 6.85 วินาทีเท่านั้น โดยไม่ต้องเร่งกำลังมอเตอร์ไฟฟ้าแต่อย่างใด

แม้รถคันนี้อาจจะไม่ได้ ถูกผลิตเพื่อจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แต่จากข่าวคราวในแวดวงรถยนต์ญี่ปุ่นทำให้เราพอจะทราบว่า Nissan ซุ่มพัฒนารถสปอร์ตคูเป้ไฟฟ้าพร้อมเปิดตัวภายใน 1-2 ปีข้างหน้า ดังนั้นรถโปรโตไทป์คันนี้คงมีประโยชน์บ้างจากการสำรวจปฏิกริยาลูกค้าและนำลง ไปแข่งขันสนามจริง

Subaru

จัดการเปิดตัว All New Impreza อย่างยิ่งใหญ่ในงาน NewYork Autoshow 2011 หากพิจารณาตามเหตุผลก็ไม่น่าแปลกใจนักเพราะ Impreza โฉมปัจจุบันก็ขายได้เรื่อย ๆ และมียอดขายสูงกว่าเจเนเรชั่นก่อนเสียอีก หนำซ้ำยังมียอดขายสูงกว่า Mitsubishi Lancer EX เสียด้วย

Subaru จัดการเปิดเผยโฉม All New Impreza ทั้งสองตัวถัง ละทิ้งดีไซน์ดั้งเดิมของรุ่นปัจจุบันไปหมดพร้อมทั้งปรับปรุงเนื้อที่ภายใน ห้องโดยสาร, คุณภาพ, ความประณีต งานวิศวกรรมเครื่องยนต์,เกียร์ใหม่ ในรุ่น AWD ก็ปรับปรุงให้มีการขับขี่ดีขึ้น

ดีไซน์ภายนอกดูออกแบบให้มีความแข็งแกร่ง สปอร์ต สมดุลมากกว่ารุ่นเก่า ด้านหน้าดีไซน์คล้าย ๆ Subaru Legacy รุ่นปัจจุบัน แต่เพิ่มลูกเล่นไฟหน้า, กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมและกันชนหน้าดูคมเข้มมากขึ้น จุดเด่นที่สุดของรถคันนี้คือการเพิ่มเส้นซุ้มล้อหน้าและหลังเพื่อความแข็ง กร้าว อาจจะดูแล้วทำให้ตัวรถดูบางมากไปนิดนึง

ถึง แม้ตัวรถจะออกแนวสปอร์ตขึ้นอย่างชัดเจนแต่ Subaru ยังไม่อยากทิ้งจุดดีดั้งเดิมนั่นก็คือเนื้อที่ห้องโดยสารและความปลอดโปร่ง ดังนั้นเนื้อที่กระจกรอบคันจะไม่ถูกบีบให้ตีบตันเหมือนกับรถคอมแพคท์ซีดาน แนวสปอร์ตบางรุ่น

ฐานล้อก็ถูกขยายยาวถึง 104.1 นิ้วเมื่อเปรียบเทียบกับรุ่นเดิม 103.2 นิ้ว ทำให้มีเนื้อที่ห้องโดยสารตอนหลังยาวขึ้น 2 นิ้ว เน้นความสะดวกสบายด้วยช่องวางแก้วน้ำและแผนที่ขนาดใหญ่ ขยายความยาวพนักพิงหลังของเบาะตอนหน้าและหลังขึ้น

ขุม พลังของ All New Impreza ที่จะวางจำหน่ายในสหราชอาณาจักรจะติดตั้งเครื่องยนต์บล๊อกใหม่ล่าสุด Boxer สูบนอน 1.6 ลิตร ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้นด้วยการจับคู่เกียร์ธรรมดา 5 จังหวะและเกียร์ Linear CVT มีขนาดกะทัดรัด น้ำหนักเบา ให้อัตราเร่งใกล้เคียงกับเกียร์อัตโนมัติทั่วไป ในรุ่นสูงสุดจะติดตั้ง Paddle Shift พวงมาลัย 6 จังหวะให้เล่นด้วย นอกจากนี้ยังปรับปรุงยางแท่นเครื่องไฮโดรลิคแบบใหม่ลดการสั่นสะเทือนและ เสียงรบกวน

Subaru ปรับปรุงการทำงานระบบช่วงล่างของรถทั้งคันซึ่งเป็นแบบปีกนกสองชั้น (Double Wishbone) ส่งผลดีต่อการขับขี่และการทรงตัว

ระบบ ขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD กระจายแรงขับเคลื่อนหน้าและหลังสัดส่วน 50 ต่อ 50 ถือเป็นจุดแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่น ในรุ่นเกียร์ธรรมดา 5 จังหวะจะติดตั้ง viscous-coupling หากล้อข้างใดข้างหนึ่งเกิดอาการลื่นไถลก็จะส่งแรงขับเคลื่อนให้ผ่าน เหตุการณ์เลวร้ายไปได้

ในรุ่นเกียร์ Linear CVT จะติดตั้ง Active Torque Split แยกแรงบิดผ่านคลัทช์ตัวแปรช่วยกระจายแรงขับเคลื่อนต่อการขับขี่นั้น ๆ ตลอดเวลาและปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์

Volkswagen

Volkswagen เปิดตัว All New Beetle ถึง 3 ประเทศ 3 ซีกพร้อมกันทั่วโลก หนึ่งในนั้นก็ต้องอยู่ในงานนี้ รูปร่างหน้าตาทั้งภายนอกและภายในเราก็ได้เห็นหมดแล้ว แต่น่าแปลกที่แนวคิดการพัฒนาเพื่อตอบสนองความต้องการลึก ๆ นั้นยังไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน

นักการตลาด Volkswagen เปิดเผยว่าใจความสำคัญหลักของ All New Beetle ก็คือการดึงความเป็นรถ Beetle ดั้งเดิม ได้แก่ สามารถซื้อหาได้ (อย่างสมเหตุผล), ทนทาน, ใช้งานง่าย มาประยุกต์กับรถยนค์แห่งทศวรรษที่ 21

Klaus Bischoff หัวหน้าทีมดีไซน์ All New Beetle กล่าวว่าเคาะโปรเจคท์และเริ่มงานออกแบบในปี 2007 วางแนวคิดหวนนำแนวคิดดีไซน์ชิ้นส่วนบางส่วนจาก Beetle ดั้งเดิม เช่น การออกแบบเสาหลังคาและกระจกรอบคัน

เวอร์ชันอเมริกันติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 2.5 ลิตร, 2.0 ลิตร TFSI 200 แรงม้าและเครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร TDI แต่ไหนรถคันนี้จะต้องมาต่อสู้กับ Mini ตรง ๆ ในปี 2013 ก็จะมี Beetle R หยิบเครื่องยนต์จาก Scirocco R 2.0 ลิตร เทอร์โบชาร์จ และว่ากันว่าจะมี Beetle RS 337 แรงม้าในปี 2014 อีกด้วย