ปัญหาสำคัญของ Nissan ในสหรัฐอเมริกาหลังเข้าสู่ยุคฟื้นฟูปี 2000 ขึ้นไปก็คือการมีรถยนต์หลากรุ่นเป็นจำนวนมาก แต่จำนวนที่มากพอไม่ช่วยให้ยอดขายในภาพรวมโตกระฉูดขึ้นมาได้เลย ขณะเดียวกันยอดขายรวมยังทำได้เทียบเท่า Honda ที่มีจำนวนรุ่นรถน้อยกว่า และไม่ต้องเทียบชั้นกับ GM, Ford และ Toyota แต่อย่างใด พวกนี้อัตราส่วนรถขายดีมีหลากรุ่นมากกว่า Nissan มาก

Nissan จึงตั้งเป้าว่าภายใน 3 ปีข้างหน้าจะต้องมีส่วนแบ่งการตลาดในสหรัฐอเมริกา 10% ขึ้นไป โดยใช้หลักเน้นรุ่นรถน้อยแต่ขายได้มาก Mr.Carlos Ghosn กล่าวเสริมกับ Automotive New ว่า “องค์ประกอบสำคัญที่สุดคือการมีจำนวนรุ่นรถพอกับยอดขายที่มาก ไม่ใช่คูณด้วยจำนวนรุ่นรถมาก ๆ อย่างเช่นปัจจุบัน เราต้องจำกัดจำนวนรุ่นให้เพียงพอต่อยอดขายจำนวนมาก ๆ เพื่อรักษาแบรนด์เอาไว้”

ยอดขายเดือนตุลาคม 2011 มีเพียงแค่ Nissan Altima ติดชาร์จ 1 ใน 10 รถยนต์ขายดีที่สุดในสหรัฐอเมริกา ขณะที่รถยนต์ 19 ใน 23 รุ่นของ Nissan และ Infiniti มียอดขายรวมกันไม่ถึง 5 หมื่นคัน Carlos กล่าวว่า “ผลิตภัณฑ์ Nissan ถือว่าค่อนข้างสมบูรณ์แบบ แทนที่จะถามว่าเราขาดสินค้าอะไรไป ก็จะต้องถามกลับว่าเรามีสินค้าที่ทับซ้อนกันหรือเปล่า?”

“ใช่ เรามีปัญหาสินค้าทับซ้อนกัน และทุกครั้งเราจับรวมรถที่เริ่มทับซ้อนกลุ่มเป้าหมายสองรุ่นไว้เป็นคันเดียว และมันเป็นความคิดที่ดีกว่า” “การมีรถจำนวนมากแต่มียอดขายอันน้อยนิด มันใช้ไม่ได้การเสียแล้ว ฉันอยากได้รถรุ่นที่มีแต่ยอดขายสูง”

การตั้งเป้าหมายส่วนแบ่งการตลาด 10% ในช่วง 3 ปีข้างหน้าก็ยังพอมีความหวังเพราะ 2 ปีที่แล้ว Nissan มีส่วนแบ่งการตลาด 6.6% แต่ขณะนี้มีส่วนแบ่งแล้ว 7.4% ยอดขายสะสมตั้งแต่เดือนมกราคม-ตุลาคม 2011 ราว 856,425 คัน