ตัวเลขยอดขายในแดนมะกันของ Nissan Leaf รถยนต์คอมแพคท์พลังไฟฟ้าเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือว่าแตะ
จุดพีคตั้งแต่การจำหน่ายอย่างเป็นทางการมา 2 ปี สร้างรอยยิ้มและความชื่นใจให้กับคนนิสสันในสหรัฐอเมริกาไม่น้อย
เพราะถือว่าการปรับโฉม ลดราคาขายปลีก เพิ่มระยะทางวิ่งให้กับ Leaf เริ่มได้ผลและชนะใจผู้บริโภคที่กล้าจะเปลี่ยน
มาใช้รถยนต์ไฟฟ้าได้

alt

แต่ Nissan เตรียมผลักให้ Leaf ประสบความสำเร็จในด้านยอดขายมากกว่านี้ จากการเริ่มจับทางได้ว่า อุปสรรค
ด้านระยะทางวิ่งต่อการชาร์จไฟเต็ม ยังคงเป็นอุปสรรคชิ้นใหญ่ที่คลางแคลงในใจผู้ใช้รถยนต์ชาวอเมริกัน ด้วยเหตุนี้
Nissan จึงผุดนโยบาย เพิ่มสถานีชาร์จไฟทั่วประเทศสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะสถานีชาร์จไฟแบบเร็ว

งานนี้ นอกจาก Nissan จะมุ่งติดตั้งสถานีชาร์จไฟกระจายไปทั่วแดนมะกันแล้ว ยังเน้นไปที่รัฐหลักๆที่มียอดขาย Leaf
เป็นอันดับต้นๆของประเทศ เช่น California, Seattle, Oregon, Atlanta และ Washington D.C. และล่าสุดได้
เดินหน้าทุ่มทุนติดตั้งสถานีชาร์จไฟในดีลเลอร์ Nissan กว่า 27 ในแคลิฟอร์เนียเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

โดย Nissan หมายมั่นเพิ่มสถานีชาร์จไฟแบบเร็วให้มี 600 สถานีภายในเดือนมีนาคมปีหน้า จากที่ปัจจุบันมีเพียง 200
สถานีเท่านั้น และจะเพิ่มสถานีชาร์จไฟ 220 โวลต์แบบปกติให้มี 22,000 สถานี จากที่ปัจจุบันมีน้อยกว่า 11,000 สถานี
และยังมีแผนติดตั้งสถานีชาร์จไฟแบบเร็วตามดีลเลอร์ของนิสสันทั่วอเมริกาอีกด้วย โดยจะใช้สถานีชาร์จไฟในดีลเลอร์
แคลิฟอร์เนียเป็นกรณีศึกษา

ซึ่งมีรายงานว่าสถานีชาร์จไฟแบบเร็วของ Nissan มีมูลค่าสูงถึง 18,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณเกือบ 6 แสนบาท
แต่จะสามารถชาร์จไฟเต็มได้ภายในเวลาต่ำกว่า 30 นาทีเลยทีเดียว ในขณะที่สถานีชาร์จไฟแบบ 220 โวลต์ปกติ
มีมูลค่าเพียง 2,500 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 7.5 หมื่นบาท

อย่างไรก็ตาม มีการรายงานว่า Nissan Leaf ในบางรัฐ มียอดขายมากกว่า 100 คัน/เดือน เช่น ดีลเลอร์ในเมือง San Francisco นั้น
สามารถขาย Leaf ได้เป็นอันดับ 2 เป็นรองเพียง Altima มิดไซส์ซีดานของค่าย ซึ่งนำความกังวลต่อมาให้กับ Nissan ว่า
โรงงาน Smyrna จะสามารถผลิต Leaf ป้อนสู่ตลาดได้เพียงพอต่อความต้องการหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามนับว่าเป็นสัญญาณที่ดี
สำหรับอนาคตรถยนต์ไฟฟ้า ที่เริ่มเห็นหนทางสว่างมากขึ้นแล้วครับ

ที่มา : Automotive News