และแล้ว Headlightmag.com ก็กลายเป็นเว็บไซต์ตกข่าวไปจนได้ เมื่อ Nissan Motor Thailand
ไม่ได้ส่งหมายเชิญ แจ้ง หรือบอกกล่าวให้เราได้รับทราบมาก่อน ว่าจะมีงานแถลงข่าวเปิดตัว
รถยนต์รุ่นใหม่ปรับโฉม Minorchange พร้อมกัน 3 รุ่นรวด เมื่อช่วงเช้าวันที่ 22 พฤศจิกายน
ที่ผ่านมา เพราะเราทราบมาว่า ส่งหมายเชิญ ให้เฉพาะนักข่าวหนังสือพิมพ์ “รายวันเท่านั้น”



การไม่เชิญเข้าร่วมงานแถลงข่าว งานเปิดตัวรถยนต์นั้น แม้จะเป็นสิทธิ์ของผู้ผลิต แล้วแต่
ว่าอยากจะให้ใครไป หรือไม่ไปร่วมงานของตน ก็ตาม แต่ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกที่เรายังคง
เห็นการเลือกปฏิบัติกับสื่อมวลชน ในกลุ่ม อินเตอร์เน็ต กันอยู่ในหลายครั้งหลายครา
จากบางค่ายรถยนต์ (ไม่ใช่แค่ Nissan แต่ยังมีค่ายอื่นอีกด้วย)

นั่นยังไม่ใช่เรื่องใหญ่โตเท่ากับการที่ ผมจะต้องเฝ้ารอ ให้โอกาสทาง ฝ่าย PR ของ Nissan
นานถึง 1 วันเต็มๆ เพื่อที่จะรอคอยว่า เมื่อไหร่ ฝ่าย PR ของ Nissan จะเริ่มเห็นว่ายังมี
เว็บไซต์ของเราอยู่บนโลกใบนี้บ้าง ด้วยการส่งข่าว ข้อมูล รายละเอียด และภาพของ
รถทั้ง 3 รุ่นนี้มาให้เราเสียที จนแล้วจนรอด เวลาผ่านไป 1 วัน ก็ยังไม่มีการส่งข่าวมา
ทั้งที่ในเว็บไซต์อื่นๆ เขาโพสต์ภาพ และข้อมูลรายละเอียดกันโครมๆ แม้กระทั่งคนของ
Nissan เอง บางคน ก็ยังตั้งข้อสงสัยเลยว่า ทำไม Headlightmag.com ถึงยังไม่ลงข่าวของ
รถทั้ง 3 รุ่นใหม่ให้เสียที?

ก็จะให้ลงได้อย่างไรกันเล่าครับ ในเมื่อ ผมไม่ได้รับข่าวสารจากทางฝ่าย PR เลย แล้วจะให้
ผมหน้าด้านไปหยิบเอาข้อมูลจากในเว็บไซต์ของ Nissan เอง รีบมาเสนอหน้าให้กับผู้อ่าน
เยี่ยงนั้นเลยหรือ? ถ้าในเมื่อ ฝ่ายที่รับผิดชอบในการสื่อสารกับสื่อมวลชน ยังไม่ได้อยาก
ให้เรา นำเสนอข่าวคราว รถรุ่นใหม่ของเขา

ทั้งที่มีสายของเรา รายงานพร้อมรูปภาพชัดเจนว่า ในการแถลงข่าว มีการฉายพรีเซ็นเตชัน
ขึ้นสไลด์โชว์หราเลยว่า Nissan คิดจะใช้สื่อออนไลน์ เพื่อช่วยประชาสัมพันธ์รถรุ่นใหม่
ทั้ง 3 รุ่น โดยมีรูปสัญลักษณ์ของเวบไซต์ headlightmag.com ของเรา ไปโผล่หราเห็นกัน
ถ้วนทั่ว

คำพูดในการนำเสนอ มันช่างขัดกับการกระทำที่เกิดขึ้นจริงกับผมในครั้งนี้ อยู่มาก!
ผมเลยไม่แน่ใจว่า ตกลงแล้ว ผู้ดุแล PR ของ Nissan จะมีนโยบายกับ สื่อออนไลน์อย่างไรกันแน่
เพราะที่ผ่านมาดูเหมือนจะเห็นความสำคัญกันแค่ตอนที่จะมีรถรุ่นใหม่เปิดตัวเท่านั้น

นอกนั้นก็หายเงียบสนิท

แต่ครั้งนี้ ขนาดรถใหม่เปิดตัว 3 รุ่นรวด เรายังตกสำรวจในใจของผู้รับผิดชอบไปได้อย่างง่ายดาย

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฝ่าย PR ของทาง Nissan เลือกปฏิบัติแบบนี้ กับผมหรือใครก็ตาม ยังมีสื่อมวลชน
อีกหลายๆราย ที่เกิดอาการน้อยเนื้อต่ำใจ เซ็งเป็ด กับการทำงานแบบนี้ เช่นเดียวกัน แต่ไม่มีใคร
อยากจะพูดอะไร เพราะที่ผ่านมา เราเข้าใจดี ถึงหน้าที่ของแต่ละคน การทำงาน มันอาจมีการ
ผิดพลาดกันได้บ้าง ซึ่งที่ผ่านมา เราต่างให้อภัยซึ่งกันและกันมาโดยตลอด

สำหรับ Nissan แล้ว เหตุการณ์นี้ ไม่ได้เกิดขึ้นกับ Headlightmag.com เป็นครั้งแรก แต่มันเคย
มีเรื่องลักษณะนี้เกิดขึ้นมาแล้ว และในครั้งนั้น เราใช้วิธี พูดจากันดีๆ เข้าใจกันดี กับทาง
เจ้าหน้าที่ระดับปฏิบัติการณ์ และเรื่องราวก็ผ่านไป โดยที่ผมไม่นึกจริงๆเลยว่า วันนี้ เรา
จะต้องมาเจอเหตุการณ์แบบนี้อีกครั้ง

ถึงแม้ว่า เหตุการณ์จะจบลงในช่วงเช้าของเมื่อวานนี้ (24 พฤศจิกายน) ซึ่ง กลายเป็นฝ่ายผม
จะต้องโทรไปถึงผู้รับผิดชอบ และตำหนิการทำงานของพวกเขากัน เพราะเขาเองก็ยังไม่รู้เลย
ว่าผมยังไม่ได้รับข่าวสารเรื่องนี้จากพวกเขาเลยแม้แต่นิดเดียว และทางทีมงาน ก็ได้ส่ง
ภาพข่าว รายละเอียดทุกอย่าง มาให้ผมในภายหลัง แทบจะทันทีที่ผมวางสายแล้วก็ตาม
และทางผู้รับผิดชอบ ก็ได้ขอโทษขอโพยกันมาแล้ว และตามหลัก ถือว่าเรืองนี้ จบแล้ว

แต่ผมแค่อยากจะบันทึกเอาไว้เสียหน่อย ว่ามันมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คือต้องให้โทรทวงถาม
ถึงจะรีบรี่ส่งมาให้ ทั้งที่การส่งอีเมล์หานักข่าวมันไม่ใช่เรื่องยากอะไรนักหนา ระบบอีเมล์ปัจจุบัน
สามารถตั้งเวลาให้ส่งอีเมล์ไปยังผู้รับที่เราต้องการได้โดยอัตโนมัติ ก็แค่เพียงตั้งเวลากันเอาไว้
หรือต่อจะให้อ้างว่า ไม่สบาย ก็ควรจะต้องมีเพื่อนร่วมทีม มาช่วยแบ่งเบางานไปแทนในกรณี
เจ็บป่วยขึ้นมา สรุปว่า งานนี้ ไม่ควรมีข้ออ้างใดๆ ทั้งสิ้น

และต้องขอยกคำพูดเดิมๆ ที่เคยพูดเอาไว้ ตลอดช่วงที่ผ่านมา มาพูดกันอีกครั้งว่า
“ผมชอบแบรนด์ Nissan ผมรักรถค่ายนี้ แต่ผมก็รู้สึกราวกับว่า เราเป็นแฟนกัน
เป็นแฟนที่เราเริ่มหมดความอดทนเข้าไปทุกวัน ทำให้เราผิดหวังกันเข้าไปเรื่อยๆ

เราได้แต่หวังว่า เหตุการณ์เช่นนี้ ไม่ควรจะเกิดขึ้นกับเรา หรือใครก็ตามอีก
เพราะครั้งต่อไป…มันจะไม่ใช่แค่การ “จัดปานกลาง” แบบนี้แน่ๆ เพราะเราเอง
ก็ยึดมั่นในธรรมเนียม การพูดคุยกัน “จากเบาไปหาหนัก” เหมือนกันทุกกรณี

จบ…ปิดเคส!

ต้องขออภัยคุณผู้อ่าน มา ณ โอกาสนี้ ที่จะต้องมานั่งรับรู้เรื่องราวอะไรก็ไม่รู้แบบนี้ครับ
——————————————————

เอาละ มาดูรายละเอียดของตัวรถกันดีกว่า

Nissan TEANA Minorchange

Nissan เปิดตัว Teana ในเมืองไทยเป็นครั้งแรกในประเทศไทยเมื่อปี 2003 ส่วนรุ่นปัจจุบัน
ซึ่งเป็นรุ่น เจเนอเรชันที่ 2 (J32) ได้ทำการแนะนำเจเนอเรชันที่ 2 เมื่อปี 2009 และได้รับการ
ตอบรับที่ดีจากลูกค้าเรื่อยมาในฐานะรถยนต์ระดับหรู ที่มาพร้อมเทคโนโลยีเหนือชั้น Teana
ในเมืองไทย ประสบความสำเร็จในด้านของยอดขาย และรางวัลเกียรติยศทั้งรางวัลด้านความ
พึงพอใจสูงสุดของลูกค้าที่มีต่อคุณภาพรถใหม่ ในกลุ่มรถยนต์ขนาดกลางระดับพรีเมี่ยม ปี
2010 (IQS Award 2010) รางวัล Car of the Year: Best Mid-Size Sedan under 
2,500 ซีซี 2010 และ ปี 2011 ของทางกรังด์ปรีซ์

การปรับโฉม Minorchange ของ Teana ในครั้งนี้ มุ่งแต่งเติม เสริมรายละเอียดตามจุดต่างๆ
ให้หรูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ภายใต้แนวคิด “The Perfection for All Time – ยนตรกรรมล้ำสมัย
แต่คงไว้ซึ่งความสมบูรณ์แบบ” โดยมีการปรับโฉมภายนอก เล็กน้อย ทั้งชุดไฟหน้า Bi-Xenon
พร้อมโปรเจคเตอร์เลนส์ และระบบปรับลำแสงไฟหน้าอัตโนมัติตามการเลี้ยวของพวงมาลัยรถ
(Adaptive Front-lighting System: AFS) ช่วยเพิ่มทัศนวิสัยในการขับขี่ขณะเข้าโค้งยามค่ำคืน
เพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยกระจกมองข้างปรับอัตโนมัติขณะถอยหลัง ให้ความสะดวกขณะ
ถอยจอดมากยิ่งขึ้นไฟท้าย และไฟตัดหมอก สอดรับกับกระจังหน้าเอกลักษณ์ใหม่ของ Nissan
เปลือกกันชนหน้า และล้ออัลลอยลายใหม่

ภายในห้องโดยสาร มีการปรับเปลี่ยนมาตรวัดเรืองแสง ปรับ Font ตัวเลขให้ดูลงตัวยิ่งขึ้น
แผงคอนโซลหน้าและวิทยุดีไซน์ใหม่ พร้อม 2 โทนสีให้เลือกทั้งโทนสีครีม และโทนสีดำ
เข้มสไตล์สปอร์ตที่มาพร้อมลายไม้สีดำในรุ่น Sport Series ทั้งในรุ่น 2.5 ลิตร และ 2.0 ลิตร
ที่มาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตใหม่ สเกิร์ตข้าง และสปอยเลอร์หลัง ผสานความ
หรูหราด้วยเบาะหนังภายในสีดำ พร้อมตกแต่งลายไม้สีดำใหม่

ขุมพลังยังคงเหมือนเดิม คือมีให้เลือกทั้ง รุ่น 2.0 ลิตร เครื่องยนต์ MR20DE 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว 1,997 ซีซี  136 แรงม้า (PS) ที่ 5,600 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 19.4 กก.-ม. ที่ 4,400
รอบ/นาที และ VQ25DE บล็อก V6 DOHC 24 วาล์ว 2,496 ซีซี  182 แรงม้า (PS) ที่ 6,000
รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 23.2 กก.-ม. ที่ 4,400 รอบ/นาที ทุกรุ่น ขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยเกียร์
อัตโนมัติอัตราทดแปรผัน XTronic CVT สามารถปรับเปลี่ยนเกียร์ได้ถึง 700 รูปแบบและ
ยังช่วยประหยัดน้ำมัน

Nissan Teana Minorchange ใหม่ มีให้เลือกทั้งหมด 7 รุ่น 5 สี โดยมีสี Greyish Bronze
(รหัสสี KAC) เพื่มมาใหม่เป็นอีกหนึ่งทางเลือก

ราคาขายของ Teana Minorchange มีดังนี้
(หน่วย บาท ไทย)
รุ่น Standard (Beige interior)            
200 XL                                                   1,246,000        
250 XV-V6                                              1,533,000    
250 XV-V6  (Sunroof)                               1,583,000    
250 XV-V6 (Sunroof) Navi                          1,683,000

รุ่น Sports Series (Black interior)            
200 XL Sports Series                                 1,263,000    
200 XL Sports Series Navi                           1,363,000
250 XV-V6 (Sunroof ) Sports Series Navi      1,700,000

——————————————————————–

Nissan NAVARA Sport Version & Grand Titanium

Nissan NAVARA เปิดตัวในเมืองไทยครั้งแรก ด้วยสโลแกน ขอบคุณ ในงาน Motor Expo
เมื่อปี 2006 ก่อนที่รถคันจริง จะเปิดตัว กลางเดือนมกราคม 2007 ด้วยสโลแกนรถปิคอัพ
“พันธุ์แกร่ง แรงจัด ประหยัดจริง” การันตีคุณภาพด้วยรางวัลมากมาย อาทิ Car of the Year:
Best Pickup 4 WD under 2,500 cc ปี 2008, รางวัล Car of the Year: Best Pickup  4WD
under 2,500 cc ปี 2009, รางวัล Car of the Year: Best Pickup 4 WD under 2,500 cc ปี
2010, และรางวัล Car of the Year: Best Pickup 4WD under 2,500 cc ปี 2011

คราวนี้ Nissan สั่งปรับโฉม Navara ใหม่ และแบ่งการทำตลาดออกเป็น 2 สไตล์ คือแบบ
Sport Version และ รุ่น Grand Titanium ซึ่งไม่เข้าใจว่า ทำไมต้องเอาชื่อที่ Isuzu เคยใช้
มาก่อนหน้านี้ มาตั้งชื่อรถกระบะของตนทำไม ทั้งที่ Nissan เอง ก็จดลิขสิทธิ์ชื่อรุ่นรถยนต์
เอาไว้ตั้งเยอะ?

เริ่มกันที่รุ่นใหม่ Sports Version ได้รับการแปลงโฉมทั้งในรุ่นขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อน
สองล้อแบบยกสูง Calibre เติมความเข้มด้วยกระจังหน้าดีไซน์ใหม่ทรง V-SHAPE ขนาดใหญ่
และกันชนหน้าสไตล์สปอร์ต พร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์พิเศษเฉพาะรุ่น

ทั้ง 2 รุ่น ยังมากับอุปกรณ์ใหม่ที่ตอบรับทุกอารมณ์ ไม่ว่าจะเป็น ไฟเลี้ยว LED ใหม่ เท่ สว่าง
สะดุดตา พวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่น ให้คุณเพลิดเพลินตลอดเส้นทางกับปุ่มปรับเครื่องเสียงที่ควบคุม
ง่ายจากปลายนิ้ว พร้อมระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (Cruise Control) เพิ่มความสะดวกสบาย
ยิ่งขึ้นเมื่อเดินทางไกล รื่นรมย์กับความบันเทิงสมบูรณ์แบบ ด้วยเครื่องเล่นดีวีดีใหม่ ที่มาพร้อม
ระบบสัมผัส และไมโครโฟนที่รองรับระบบ Bluetooth ให้คุณรับสายโทรเข้าออกขณะขับขี่ได้
ง่ายและปลอดภัยกว่า รวมทั้งกล้องมองหลังขณะถอยจอด พร้อมเส้นกะระยะ ปลอดภัยมั่นใจ
ยิ่งขึ้น แม้ต้องถอยจอดในพื้นที่แคบ

 
ส่วนรุ่นย่อยใหม่ Navara Grand Titanium มีทั้งรุ่นยกสูงคาลิเบอร์ทั้งในรุ่น King Cab และรุ่น
Double Cab 4 ประตู เสริมความแข็งแกร่งด้วยชุดแต่ง  Grand Titanium ทั้งกระจังหน้า การ์ด
กันชนหน้า กันชนหลัง กระจกมองข้าง มือจับเปิดประตู และล้ออัลลอยใหม่

Nissan Navara ใหม่ มาพร้อมโครงสร้างแชสซีส์ขนาดใหญ่ แข็งแกร่งตามมาตรฐาน Nissan
ทั่วโลก เหมาะกับงานทุกรูปแบบ โดยเฉพาะงานบรรทุกหนัก Navara ยังคงวางเครื่องยนต์ บล้อก
 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว 2.5 ลิตร หัวฉีด Common Rail VN Turbo 143 และ 174 แรงม้า (PS)
ให้กำลังสูง และเป็นผู้นำเกียร์ 6 สปีดเจ้าแรกในประเทศไทย ที่ช่วยให้ประหยัดน้ำมันมากยิ่งขึ้น

าคาจำหน่าย Nissan NAVARA Minorchange (หน่วย บาทไทย)
NAVARA KING CAB  
 
SE 6MT                                     602,000
Calibre 6MT                                654,000
SV Calibre 6MT                           675,500
GT Calibre LE 6MT                       695,500
GT Calibre LE 6MT (DVD)             716,500
GT Calibre LE 5AT                       735,500
SV Calibre LE 5AT                       757,000
SV 4×4 LE 6MT (DVD)  ใ              821,000

NAVARA DOUBLE CAB    
SE 6MT                                     678,000
Calibre 6MT                                730,000
SV Calibre 6MT                           751,500
GT Calibre LE 6MT                       771,500
GT Calibre LE 5AT                       811,500
GT Calibre LE 5AT (DVD)             837,500
SV Calibre LE 5AT (DVD)             859,000
SV 4×4 LE 6MT (DVD)                 914,500
SV 4×4 LE 5AT (DVD)                 954,500

——————————————————————–

Nissan X-Trail Minorchange

ปรับโฉมตามห่างตลาดญี่ปุ่นไป ไม่นานเท่าใดนัก บรองคุณภาพด้วยยอในรุ่นก่อน รับรองดขายอันดับ 1
ในตลาดรถยนต์นั่งเอนกประสงค์ขนาดกลาง 9 ปีซ้อนในประเทศญี่ปุ่น และในครั้งนี้ Nissan X-Trail
มาพร้อมรุ่นใหม่ภายใต้แนวคิด “ขับเคลื่อนชีวิตที่แตกต่าง สรรสร้างประสบการณ์เหนือระดับ” ทั้งดีไซน์
ภายนอกที่ปรับเปลี่ยนในส่วนของไฟหน้า ไฟท้าย รวมทั้งในส่วนของกระจังหน้า และกันชนหน้าให้ดู
มีเอกลักษณ์ยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับล้ออัลลอยดีไซน์ใหม่ ขนาด 17 นิ้ว สำหรับภายในมาพร้อมกับ
แผงหน้าปัดดีไซน์ใหม่ และเพิ่มความหรูหราด้วยการตกแต่งภายในสีเงินบริเวณคอนโซลหน้าและที่
เปิดประตูให้ทันสมัยเต็มขั้น

พื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้ายขนาดใหญ่ถึง 603 ลิตร ปรับเปลี่ยนการจัดวางได้หลายรูปแบบ เพื่อการจัดเก็บ
สัมภาระตามต้องการ พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกมากมาย เช่น เบาะคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า
ปรับไฟฟ้า ที่วางแก้วน้ำ ลิ้นชักด้านหน้าพร้อมระบบรักษาอุณหภูมิความเย็น และช่องปรับอากาศสำหรับ
ที่นั่งด้านหลัง เพิ่มสุนทรียภาพให้กับการเดินทาง ด้วยเครื่องเล่น DVD หน้าจอระบบสัมผัส พร้อมช่อง
เชื่อมต่อ USB iPod และ SD Card นอกจากนี้ช่วยให้คุณไม่พลาดทุกการติดต่อสื่อสาร ด้วยระบบเชื่อมต่อ
Hands-free ไร้สาย Bluetooth แบบ A2DP

เครื่องยนต์เบนซิน มีให้เลือกทั้ง ขนาด 2 ลิตร ภายใต้รหัส MR20DE บล้อก 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว
ตอบสนองดีเยี่ยม พร้อมระบบเกียร์อัจฉริยะ XTRONIC CVT รองรับทุกสไตล์การขับขี่ นุ่มนวล
ประหยัดน้ำมันยิ่งขึ้น และขับสนุกเร้าใจยิ่งกว่าด้วย M-Mode 6 Speed ให้คุณเปลี่ยนเกียร์ได้ทันใจ
ตามต้องการ

Nissan X-Trail Minorchange ใหม่มาพร้อมสีภายนอกให้เลือกถึง 6 สี ซึ่งรวมถึงสีน้ำเงิน Pacific Blue
(รหัส B51) ใหม่ มีให้เลือกเพียงรุ่นเดียว ราคาเดียว 1,153,000 บาท นำเข้าจากอินโดนีเซีย

ผู้สนใจสามารถชมรถยนต์ทั้ง 3 รุ่นใหม่นี้ ได้ที่ งานมหกรรมยานยนต์ครั้งที่ 28 (Thailand
International Motor Expo 2011) ที่อาคาร Challenger Hall ศูนย์แสดงสินค้าและนิทรรศการ
IMPACT เมืองทองธานี ได้ตั้งแต่วันที่ 1-12 ธันวาคมนี้

——————————///——————————–