ข่าวนี้ดูไกลตัวจากผู้อ่าน Headlightmag.com อย่างมากเพราะมันคือโครงการแท็กซี่เหมาล๊อตทำสัญญายาวถึง 10 ปี แต่จุดเปลี่ยนของการมอบสัมปทานเหมาแท็กซี่ภายใต้โครงการ Taxi of Tomorrow ในเขตนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ก็คือการมอบสัมปทานให้แก่ค่ายรถญี่ปุ่น Nissan แทนที่จะทำสัญญาโครงการกับ Ford Motor ซึ่งเคยส่งมอบ Ford Crown Victoria เหมาล๊อตเมื่อครั้งก่อน

ความเปลี่ยนแปลงรถเหมาล๊อตจากสัญชาติอเมริกันกลายเป็นสัญชาติญี่ปุ่นก็ทำให้ชาวอเมริกันหลายคนสงสัยว่าทำไมต้องเปลี่ยนแปลงจนถึงขนาดนี้ ก็เพราะชาวอเมริกันมองว่ารถแท็กซี่กรุงลอนดอนสีเหลือง ๆ มันก็เปรียบเสมือนสัญลักษณ์หนึ่งของเมือง คล้าย ๆ กับรถตุ๊กตุ๊ก กรุงเทพมหานคร ประเทศไทยอย่างไรอย่างนั้น ก็ไม่แปลกใจว่าทำไมข่าวดูธรรมดา ๆ ถึงกลายเป็นข่าวใหญ่ในวงการรถยนต์เหมาล๊อตในสหรัฐอเมริกา

สาเหตุสำคัญก็คือคณะกรรมการกำกับกิจการแท็กซี่และลีมูซีนประจำเมืองนิวยอร์ค (TLC) ต้องการเปลี่ยนแปลงรถแท็กซี่รุ่นใหม่ให้เน้นประหยัดพลังงาน ลดมลภาวะ และขนาดกะทัดรัดกว่า Ford Crown Victoria แต่ยังคงรักษาประโยชน์ใช้สอยทั้งการนั่งโดยสารและขนสัมภาระเช่นเคยตามแนวคิด Taxi of Tomorrow ของกรุงนิวยอร์คที่ประชากรเต็มใจลงคะแนนเลือกรถแท๊กซี่คันใหม่

บัดนี้เราก็ทราบผลแล้วว่า TLC เลือก Nissan NV200 รถ LCV ที่เพิ่งเปิดตัวในปี 2009 ให้ทำหน้าที่รับใช้ส่งประชากรชาวนิวยอร์ควันละ 6 แสนคน โดย Nissan NV200 เวอร์ชัน New York Taxi จะปรับปรุงตัวรถให้รองรับการใช้งานดังกล่าว ไล่ตั้งแต่หน้าตาที่แตกต่างเวอร์ชันจำหน่ายในโชว์รูม

ในโครงการนี้ Nissan ยังถือโอกาสทดลองใช้งานรถแท็กซี่เวอร์ชันไฟฟ้านำร่องก่อน โดยนำเสนอ Nissan Leaf เข้ามาในระบบแท็กซี่ภายในปี 2012

Nissan NV200 New York Taxi ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2.0 ลิตร ประหยัดน้ำมัน ลดมลภาวะ มีห้องโดยสารขนาดใหญ่เพียงพอกับผู้ใหญ่ 4 คนพร้อมห้องสัมภาระมโหฬาร, ปรับแต่งเสียงแตรให้เบาลงและปรับชิ้นส่วนบางชิ้นลดการเกิดเสียงทั้งหมด,  บานประตูเลื่อนเปิดปิดง่าย, หลังคากระจกบริเวณห้องโดยสารตอนหลังเพื่อชื่นชมทัศนียภาพในเมือง, ติดตั้งไฟอ่านหนังสือสว่างเพียงพอ, ติดตั้งที่ชาร์จแบตเตอรี่อุปกรณ์พกพาพร้อมเต้าเสียบปลั๊กไฟ 12 โวลต์และ USB Port 2 ช่อง

ถึงแม้จะเป็นแท็กซี่สำหรับชาวประชาแต่ก็ไม่ได้ลดต้นทุนหรือตัดระบบความปลอดภัยราวกับชีวิตคนเป็นผักปลา Nissan NV200 New York Taxi ติดตั้งถุงลมนิรภัยม่านขนาดใหญ่จนถึงผู้โดยสารตอนหลัง นี่ยังไม่รวมถึงถุงลมนิรภัยข้างเบาะคู่หน้า

นอกจากนี้ติดตั้งระบบ Traction Control และ VDC, บานประตูสไลด์เน้นความปลอดภัยสุด  ๆ ไม่ทำให้ผู้โดยสารบาดเจ็บ อีกทั้งมีเสียงเตือนหากปิดประตูไม่สนิท

งานนี้อาจจะถือเป็นโชคดีของ Nissan ที่ส่ง NV200 โดยไม่มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากนักจึงทำให้ได้รับสัมปทานอย่างง่ายดายจนกลายเป็นขุมทรัพย์ใหญ่ตลอด 10 ปีนับตั้งแต่ปี 2013 เป็นต้นไป และอาจจะสามารถส่งรถได้มากกว่า 1 หมื่นคันตลอดเวลาสัมปทาน

กระแสตอบรับความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ทำให้ชาวอเมริกันบางท่านไม่พอใจเพราะไม่อยากให้แบรนด์สัญชาติอื่นได้รับสัมปทานครั้งนี้ แต่ก็ยังมีชาวอเมริกันหลายท่านยังพอเข้าใจว่านี่คือธุรกิจและสหรัฐอเมริกาก็เป็นตลาดเสรีที่ใหญ่สุดในโลก อย่างไรก็ตามคงไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจได้แน่นอน