ขึ้นชื่อว่าเป็นงาน North American International Auto Show 2012 (NAIAS 2012) หรือ Detroit Autoshow 2012 ผู้ผลิตรถยนต์ระดับโลกก็ยังมองฟอร์มของงานนี้ในลำดับต้น ๆ โดยเฉพาะแบรนด์รถยนต์ที่ทำตลาดในสหรัฐอเมริกาก็ไม่ควรจะพลาดงานนี้โดยอันขาด ปีนี้น่าจะเป็นปีแรกที่งาน NAIAS 2012 กลับมามือขึ้นอีกครั้งหนึ่งหลังจากค่ายรถหลายค่ายพากันโบกมือลาชั่วคราว 1-2 ปีเพราะสภาพเศรษฐกิจระหว่างปี 2008-2010 ไม่อำนวยให้จัดกิจกรรมงานแสดงรถยนต์บ่อย ๆ

 

 

ปีนี้ก็มีรถยนต์รุ่นเด่นระดับโลกชนิดที่ลูกค้าส่วนใหญ่ทั่วโลกต้องจับตา นั่นก็คือการปรากฏตัวของ Acura NSX Concept เป็นรถสปอร์ตที่หลายคนรอคอยมานานมาก รวมไปถึง Ford Fusion Modelchange ซึ่งเป็นรถยนต์ที่มีความสำคัญทั้งตลาดอเมริกันและตลาดยุโรปในชื่อ Ford Mondeo

Acura

 

 

ประเดิมกับบูธที่อลังการมากที่สุดในงาน Detroit Autoshow 2012 กัน จะไม่ให้น่าจับตาได้อย่างไรล่ะครับ เมื่อ Acura ได้เปิดตัวรถต้นแบบ Acura NSX Concept เป็นครั้งแรกในงานนี้ งานออกแบบไม่มีอะไรให้น่าสงสัย มีความสวยงามตามที่ทุกคนคาดหวัง ดูล้ำสมัยและยังดูยึดรูปแบบความเป็น NSX เมื่อครั้งอดีตพอสมควร (ถึงแม้บางมุมจะดูมีกลิ่นรถบางยี่ห้อก็ตาม)

เชื่อว่าสิ่งที่ทุกคนคาดไม่ถึงก็คือ Acura NSX Concept ติดตั้งขุมพลัง Hybrid ผสานเครื่องยนต์ V6  VTEC ฉีดเชื้อเพลิงตรง วางกลางลำกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัวสามารถควบคุมแรงบิดตามความเหมาะสม จ่ายกำลังระบบขับเคลื่อนแบบ Sport Hybrid SH-AWD เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่ช่วยทำให้มีประสิทธิภาพสูงระดับซูเปอร์คาร์แต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่า

 

จุดเด่นสำคัญของ Acura NSX Concept คือการใช้วัสดุน้ำหนักเบาทำให้มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักโดดเด่นและแตกต่างจากซูเปอร์คาร์ที่เน้นเครื่องยนต์โต ๆ เข้าว่า ดังนั้น NSX ยุคใหม่จึงยังคงเปี่ยมไปด้วยจิตวิญญาณแห่งการขับขี่และยังช่วยรักษาสภาพแวดล้อมด้วย

Acura NSX Concept ถูกพัฒนาขึ้นโดยศูนย์วิจัยและพัฒนา Honda อเมริกา มีแผนจะเปิดตัวภายใน 3 ปีข้างหน้าและจะประกอบในโรงงานเขตโอไฮโอ

Acura RDX Concept ต้นแบบครอสโอเวอร์ขนาดกลางเจเนเรชั่นที่ 2 ตอบสนองสมรรถนะล้ำหน้า, ประหยัดน้ำมันด้วยเครื่องยนต์และเกียร์ใหม่ รวมถึงระบบขับเคลื่อนสี่ล้อใหม่ พร้อมทำตลาดภายในฤดูใบไม้ร่วงปี 2012

ติดตั้งขุมพลัง V6 3.5 ลิตร 273 แรงม้า แรงกว่ารุ่นเดิม33 แรงม้า ประสิทธิภาพดีขึ้นแต่ประหยัดน้ำมันยิ่งกว่าเดิมเพราะจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะ ที่มีล๊อคอัพทอร์คคอนเวอร์เตอร์ใหม่ อีกทั้งยังติดตั้งระบบขับเคลื่อนสี่ล้อชนิดใหม่น้ำหนักเบากว่าเดิมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการขับขี่และความปลอดภัยยิ่งขึ้น อัตราสิ้นเปลืองตามมาตรฐาน EPA ในเมือง 20 MPG และนอกเมือง 28 MPG ดีที่สุดในหมวดเอสยูวีระดับหรูเครื่องยนต์เบนซินด้วยกัน

ดีไซน์ Acura RDX Concept ปราดเปรียว ตัวถังได้รับการออกแบบถูกต้องตามหลักอากาศพลศาสตร์ มีทั้งความหรูหราและความสปอร์ตสวยงาม พื้นฐานแพลทฟอร์มถูกขยายความยาวฐานล้อและความกว้างฐานล้อพร้อมแดมเปอร์และพวงมาลัยไฟฟ้าแบบใหม่

Acura ILX Concept ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐาน Honda Civic ใหม่ดีไซน์สวยงาม สปอร์ต ปราดเปรียว บางมุมชวนให้นึกถึง Lexus IS อยู่บ้าง ชูจุดเด่นความเป็นรถยนต์ Hybrid คันแรกของแบรนด์ Acura แต่ก็มีเครื่องยนต์เบนซินมาตรฐาน ได้แก่เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร และ 2.4 ลิตร

Audi

ปีนี้ไม่ค่อยมีของเด็ดดวงอย่างที่คาดการณ์กันไว้ แต่เพื่อมิให้เสียเที่ยวและเสียเวลา Audi จึงเปิดตัว A4 AllRoad ด้วยการจับนำ A4 ตัวถังแวกอนมายกสูงใส่ชุดตกแต่งให้พอลุยเป็นกระษัย หวังจับกลุ่มลูกค้าเศรษฐินีแม่ลูกอ่อนที่ต้องการรถอเนกประสงค์แบบขำ ๆ แต่อยากละทิ้งการขับขี่สนุกสนานเหมือนกับรถเก๋ง

Audi Q3 Vail Concept มันก็คือนำ Audi Q3 รุ่นมาตรฐานมาประดับด้วยชุดตกแต่งที่เรียกว่า Colorado ski resort มีจุดสังเกตท่ชุดกระจังหน้า, ไฟตัดหมอก, บันไดข้าง, ลายล้อแมกซ์, รางมัดของบนหลังและชุดกาบข้างสีเทารอบคันรถ ติดตั้งเครื่องยนต์ 2.5 ลิตร 314 แรงม้าจับคู่เกียร์อัตโนมัติ 7 จังหวะ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.5 วินาที แน่นอนว่า Audi ได้เตรียมแผนทำตลาด Q3 ในสหรัฐอเมริกาอีกไม่นานนัก

Buick

สุดเซอร์ไพร์ซด้วยการเปิดตัว Buick Encore ครั้งแรกในโลกซึ่งมันเป็นครอสโอเวอร์ระดับ B-Segment แบบเดียวกับ Ford Ecosport และ Nissan Juke ก็แน่นอนว่า Buick Encore เป็นรถยนต์ฝาแฝดกับ Opel Mokka ตามนโยบายของ GM ที่จะส่งรถยนต์ Opel เข้าไปขายในตลาดจีนและอเมริกาเหนือภายใต้ชื่อ Buick

จุดเด่นของ Buick Encore หรือ Opel Mokka ในตลาดโลกก็คือขนาดตัวที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มด้วยความยาว 4,278 มม. ความกว้าง 1,774 มม. ความสูง 1,646 มม. ฐานล้อยาว 2,555 มม. สำหรับตลาดอเมริกาเหนือก็จัดเป็นครอสโอเวอร์ระดับหรูที่เล็กที่สุด

Buick Encore ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตรเทอร์โบ 140 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 20.39 กิโลกรัมเมตร เตรียมวางจำหน่ายประมาณต้นปี 2013

Cadillac

ตลาดรถซีดานiรุ่นเล็กเริ่มมาแรงในสหรัฐอเมริกา Cadillac จึงส่ง ATS น้องใหม่ต่อกรกับ BMW 3-Series ถูกสร้างขึ้นบนแพลทฟอร์มขับเคลื่อนล้อหลังแบบใหม่ ชูจุดเด่นน้ำหนักเบาลำดับต้น ๆ ในกลุ่มรถซีดานหรูเล็ก มันมีน้ำหนักเพียงแค่ 1,542 กิโลกรัม เบากว่า Audi A4 ราว 45 กิโลกรัม

Cadillac ATS ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบแถวเรียง 2.5 ลิตร ไร้ระบบอัดอากาศใด ๆ 200 แรงม้า, เครื่องยนต์ 2.0 ลิตรเทอร์โบ 270 แรงม้า และเครื่องยนต์ V6 3.6 ลิตรฉีดเชื้อเพลิงตรง 318 แรงม้า

Chevrolet

GM ก็ยังเป็นผู้นำการบุกเบิกตลาดรถยนต์สำหรับคนรุ่นใหม่ในสหรัฐอเมริกาอย่างสม่ำเสมอ ประสบความสำเร็จบ้าง ล้มเหลวบ้างก็มี สิ่งที่ GM ยังขาดอยู่ ณ ปัจจุบันนี้ก็คือตลาดรถสปอร์ตขนาดเล็กราคาไม่แพงมาก ตลาดนี้มีแนวโน้มว่าจะแรงขึ้นทั่วโลกเพราะลูกค้าคนรุ่นใหม่เริ่มถวิลหารถยนต์ประเภทนี้บ้างแล้ว

Chevrolet จัดให้เต็มที่ด้วยการส่งรถยนต์ต้นแบบ Chevrolet Code 130R Concept และ Tru 140S Conceptที่ถูกพัฒนาขึ้นจากการฟังความคิดเห็นของกลุ่มลูกค้าคนรุ่นใหม่ที่อยากจะได้รถยนต์ตามแบบฉบับของตนเอง  U.S. Census data ได้ให้ข้อมูลว่าชาวอเมริกันอายุเฉลี่ย 30 ปี จำนวน 40% จากจำนวนกลุ่มนี้ทั้งหมด 80 ล้านคน มีกำลังซื้อรวมกันทั้งหมดถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ GM ก็สามารถสังเคราะห์แนวคิดได้ว่าพวกเขาควรจะใกล้ชิดกลุ่มคนเหล่านี้ให้มากที่สุดเพื่อกลั่นกรองให้ได้ดีไซน์และฟังก์ชันสำหรับกลุ่มเหล่านี้

Chevrolet Code 130R มาแนวสปอร์ตคูเป้เส้นสายเรียบพื้นตัวถังสีแดง ลายล้อแมกซ์พ่นสีทองอโนไดซ์ด้าน ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจากรถสมรรถนะสูงในอดีต มีความยาวตัวถัง 4,396 มม. ความกว้าง 1,816 มม. ความสูง 1,390 มม. ฐานล้อยาว 2,775 มม. ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร Ecotec เทอร์โบ eAssist 150 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร ขับเคลื่อนล้อหลัง

Chevrolet Tru 140S รถสปอร์ตแฮทช์แบค 4 ที่นั่งขับเคลื่อนล้อหน้าสวยงามในราคาซื้อหาได้ งานออกแบบมีบุคลิคมั่นใจ, แปลกตา, ดูมีราคา ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานแพลทฟอร์มเดียวกับ Chevrolet Cruze และ Chevrolet Volt ภายในห้องโดยสารติดตั้งอุปกรณ์ไฮเทคเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต, Wifi, หน่วยความจำ, สมาร์ทโฟน เข้ากับระบบ Chevy Mylink ออกคำสั่งหน้าจอบนกระจก

 

Chevrolet Tru 140S มีความยาวตัวถัง 4,507มม. ความกว้าง 1,878 มม. ความสูง 1,360มม. ฐานล้อยาว 2,743 มม.ติดตั้งเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร Ecotec เทอร์โบ 150 แรงม้า แรงบิด 200 นิวตันเมตร

Chrysler

 

เราคงต้องยอมรับว่าหลังจาก Mr. Sergio Marchionne เข้ามาบริหารงานใน Chrysler Group พร้อมทั้งช่วยแก้ไขปัญหาการบริหารงานและการพัฒนารถยนต์ไปจนล้ำหน้ากว่าที่คิด ก็เลยทำให้เรามองภาพลักษณ์แบรนด์ Chrysler จากเดิมที่เป็นรถยนต์คร่ำครึไม่สนใจฟ้าดินใด ๆ ก็กลายเป็นรถยนต์ที่มีเสน่ห์แบบที่ Chrysler เคยเป็นมาแต่มีคุณภาพตัวรถดีกว่าเดิมหลายล้านปีแสง

รถต้นแบบที่ทำให้หัวใจพองโตขึ้นก็คือ Chrysler 700c Concept มินิแวนที่มีรูปลักษณ์สวยงามดูเผิน ๆ เหมือนกับ Saab Minivan อย่างไรอย่างนั้น รถต้นแบบคันนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อบ่งบอกทิศทางการออกแบบ Chrysler เจเนเรชั่นต่อไปได้อย่างดี ด้วยเส้นสายที่เรียบง่ายขึ้น

ดีไซน์โดยรวมทั้งคันดูแปลกตาไปมากด้วยการออกแบบบานหน้าตารอบคันแบบเฉียงไปเฉียบมารอบคัน บั้นท้ายก็ถูกออกแบบให้โค้งมนเกินกว่าจะเป็นรถมินิแวน ขนาดตัวถังโดยรวมใกล้เคียงกับ Chrysler Town & Country และ Dodge Grand Caravan

เชื่อว่ารถต้นแบบคันนี้จะถูกขัดเกลางานออกแบบให้เป็นรถมินิแวนขนาดใหญ่รุ่นต่อไป และเชื่อขนมกินเลยว่าจะเหมือนเฉพาะแค่ด้านหน้า นอกนั้นก็ถูกดัดแปลงให้เข้ากับรสนิยมลูกค้าอเมริกาอย่างหนัก

Dodge

ทุกความคิดเปลี่ยนไปเมื่อ Dodge เปิดตัว Dart รถคอมแพคท์อเมริกันสุดเซอร์ไพร์ซ ทำไมเราต้องประหลาดใจเพราะอย่าลืมว่าในอดีต Chrysler/Dodge ไม่สามารถพัฒนารถคอมแพคท์สู้ค่ายรถญี่ปุ่นชั้นนำและชั้นรองได้เลยแม้แต่น้อย ปัญหาหลักในสมัยก่อนก็คือคุณภาพสินค้าที่ไม่คุ้มค่าเอาเสียเลย

วันนี้ Dodge Dart ก็ทำให้ทุกคนเปลี่ยนความคิดใหม่ แม้ตัวรถจะไม่ล้ำหน้าในทุกรายละเอียดแต่ก็ล้ำหน้าพอที่จะแข่งขันคู่ต่อสู้ได้ Dodge Dart ถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานร่วมกับ Alfa Romeo Giulietta แพลทฟอร์ม CUSW เพื่อมาแทนที่ Dodge Neon และ Dodge Caliber (ครอสโอเวอร์แนวใหม่เพื่อเลี่ยงการแข่งขันอันรุนแรงในกลุ่มคอมแพคท์) ดีไซน์ถูกออกแบบให้มีความดุดันอย่างมาก ส่วนโครงสร้างตัวถังรอบคันถูกออกแบบมาแนวโค้งมนกลมกลืน บั้นท้ายก็ออกแบบมาในสไตล์อเมริกันแท้

ภาย ในห้องโดยสารก็เป็นส่วนหนึ่งที่น่าชมเชยเพราะเลือกใช้วัสดุบุนิ่มรอบคัน, ติดตั้งไฟส่องสว่างห้องโดยสารเพิ่มบรรยากาศแปลกใหม่ สุดล้ำไปด้วยหน้าปัด LCD และหน้าจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้วเชื่อมต่อกับระบบ Uconnect

ติด ตั้งเครื่องยนต์ 1.4 ลิตร MultiAir Turbo, เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร TigerSharkและเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร MultiAir Tigershark จับคู่เกียร์คลัทช์คู่ 6 จังหวะหรือเกียร์อัตโนมัติ 9 จังหวะ !! ขึ้นอยู่กับสเปคย่อย

Ford

นโยบาย One Ford รถยนต์รุ่นเดียวกันทำตลาดทั่วโลกทำให้รถยนต์ Ford หลาย ๆ รุ่นจะต้องถูกจับยุบรวมกันเป็นรถยนต์คันเดียวกันแต่ต่างชื่อรุ่น ได้แก่ Ford Escape โฉมใหม่ก็จะกลายเป็นโฉมต่อไปของ Ford Kuga คิวต่อมาที่คุณผู้อ่านกำลังรับชมในขณะนี้คือ All New Ford Fusion ในตลาดอเมริกันมันก็คือ All New Ford Mondeo สำหรับตลาดยุโรปด้วยเช่นกัน

 

Ford Motor ก็เตรียมทวงส่วนแบ่งการตลาด D-Segment ในอเมริกาเหนืออีกขั้นหนึ่งด้วยการเปิดตัว All New Ford Fusion ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่เปี่ยมไปด้วยเส้นสายสปอร์ต หรูหราและแข็งแกร่งผสมกันสำหรับป้อนตลาดรถยนต์ซีดานขนาดกลางใหญ่ทั่วโลก

Ford Motor เคลมว่า All New Ford Fusion เป็นรถยนต์หนึ่งในซีรีส์ One Ford ที่ดีเอามาก ๆ เพราะนอกจากดีไซน์จะโดดเด่นแล้วยังมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ยอดเยี่ยม จนอ้าปากค้าง

Mr. Chris Hamilton หัวหน้านักออกแบบดีไซน์ตัวรถภายนอกเปิดเผยว่า Ford Fusion ตัวที่แล้วจะเป็นรถที่ซื้อง่ายสำหรับคนที่มีเหตุผลแต่สำหรับโฉมใหม่ เป้าหมายของพวกเขาคือการออกแบบรถซีดานในกระแสหลักให้มีอารมณ์ความรู้สึก เพิ่มเข้ามา

 

จุดเด่นการออกแบบ Ford Fusion โฉมใหม่มี 5 ประการได้แก่
-นวัตกรรมการจัดแสงเงา รายละเอียดข้างตัวรถสะท้อนความโดดเด่นตั้งแต่หัวจรดท้าย
-การรับรู้ถึงประสิทธิภาพ ด้วยบั้นท้ายที่ลาดและเสาประตูที่บางให้ความรู้สึกว่องไงและกระฉับกระเฉง
-ภาษากายแห่งพื้นผิวตัวถัง มาแนวเรียบ ๆ มีรสนิยม
-เทคนิคกราฟฟิก รายละเอียดการพิมพ์ภาพหรือจัดวางเช่นไฟหน้า, หลอดไฟ LED ท้าย ที่ดูน่าตื่นใจ
-ด้านหน้าแบบใหม่ ไม่ต้องพูดให้มากความเลยว่านี่แหล่ะคือ Design Language ของรถยนต์ Ford ยุคใหม่

 

ภาย ในห้องโดยสารมาแนวสปอร์ต เน้นเอาใจผู้ขับขี่เป็นหลักด้วยเบาะนั่งติดตั้งฟีเจอร์สำคัญเพิ่มขึ้น, คอนโซลกลางก็เน้นการใช้งานสำหรับผู้ขับขี่และมีระบบเก็บข้อมูลลงฮาร์ดดิสก์ อันชาญฉลาด ส่วนเนื้อที่ห้องโดยสารตำแหน่งอื่นก็ปลอดโปร่งขึ้น ชิ้นส่วนภายในเน้นวัสดุรีไซเคิลได้

All New Ford Fusion ได้รับการใส่ใจในรายละเอียดด้วยการยกระดับวัสดุคุณภาพสูงตลอดทั้งคันเพื่อ ให้เป็นรถที่มีความประณีตสูง ภายในห้องโดยสารบุวัสดุนิ่มทุกจุดสัมผัส หรือการประกอบชิ้นส่วนตัวถังรถยนต์ก็ลดระยะห่างระหว่างชิ้นส่วน และภายในเงียบสงบด้วยการติดตั้งแผ่นปิดใต้ท้องรถ นอกจากช่วยลดเสียงรบกวนแล้วยังช่วยลดการต้านอากาศได้ (Ford Fusion Hybrid และ Ford Fusion Energi ติดตั้งระบบ Active Noise Control ให้ชุดเครื่องเสียงสามารถจัดการเสียงรบกวนจากนอกรถได้)

เรื่องการขับ ขี่หมดห่วง All New Ford Fusion ถูกปรับปรุงด้านการขับขี่ให้สนุกสนานมากยิ่งขึ้น เซ็ตพวงมาลัยไฟฟ้าสำหรับการขับขี่เป็นพิเศษ รวมไปถึงเซ็ตช่วงล่างด้านหน้าแมคเฟอร์สันสตรัทและด้านท้ายมัลติลิงค์เป็น มาตรฐานเดียวกับรถยนต์ระดับหรูตัวพ่อที่มีมาตรฐานการขับขี่สูงอย่าง BMW และ Audi

Ford ยังเคลมว่า All New Ford Fusion เป็นรถยนต์ที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีเยี่ยมที่สุดในรถระดับเดียวกัน มีทางเลือกหลากหลายตั้งแต่เครื่องยนต์เบนซิน, Hybrid/Plug-in Hybrid ติดตั้งระบบ Auto start-stop ขับเคลื่อนแบบสองล้อหน้าและสี่ล้อ มีให้เลือกทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ 6 จังหวะ

Ford Fusion โฉมใหม่จะเครื่องยนต์ 1.6 ลิตร Ecoboost มีประสิทธิภาพสูงสุดในกลุ่ม non-Hybrid มอบอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 26 MPG นอกเมือง 37 MPG เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร Ecoboost จับคู่เกียร์อัตโนมัติ SelectShift 6 จังหวะ

Ford Fusion Hybrid จับคู่กับเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร (รุ่นเดิม 2.5 ลิตร) Atkinson-cycle มีอัตราสิ้นเปลืองในเมือง 47 MPG นอกเมือง 44 MPG ถือเป็นอัตราที่ดีที่สุดในกลุ่มเมื่อเทียบกับ Toyota Camry Hybrid และ Hyundai Sonata Hybrid

Ford Fusion Energi ระบบ Plug-in Hybrid ก็จะไต่อันดับไปสู่รถยนต์ซีดานขนาดกลางที่มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีที่ สุดในโลกที่ 100 MPGe (อัตราการวัดค่าสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงสำหรับรถประเภท Plug-in Hybrid) ดีกว่า Chevrolet Volt 8 MPGe และดีกว่า Toyota Prius Plug-in Hybrid 13 MPGe

กำหนดการเปิดตัว All New Ford Fusion จะมีขึ้นในงาน LA Autoshow 2012 ทำตลาดในภูมิภาคอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ปลายปี 2012 และจะตะลุยตลาดเอเชีย/ยุโรปในปี 2013 ในชื่อ Ford Mondeo

 

Honda

ถึงมีรถใหม่แค่รุ่นเดียว แต่ก็เป็นรถยนต์รุ่นสำคัญที่สุดของ Honda นั่นก็คือ Honda Accord Concept ดีไซน์ ยังคงมาในทิศทางสปอร์ตปราดเปรียว, กันชนหน้าและกระจังหน้าออกแบบให้มีช่องดักลมลายรังผึ้ง 4 ช่องพร้อมหลอดไฟมัลติรีเฟลคเตอร์, กรอบช่องไฟตัดหมอกมีประกายแววดุจคริสตัล บั้นท้ายถูกออกแบบให้เหมือนมีมัดกล้ามพร้อมออกแบบไฟท้ายคมสันรับกับท่อไอ เสียขนาดใหญ่

Honda Accord เจเนเรชั่นใหม่จะมีขนาดตัวถังใกล้เคียงรุ่นเดิม แต่ถูกออกแบบให้ดูมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม ความยาวตัวถังสั้นลงเพื่อช่วยลดน้ำหนัก แต่ไม่ลดความสปอร์ตลงแต่อย่างใด ทำให้ Honda Accord ซีดานมีการตอบสนองการขับขี่และคุณภาพการขับขี่มากขึ้น

Honda Accord เจเนเรชั่นใหม่จะติดตั้งขุมพลังใหม่ 3 บล๊อก เริ่มจากเครื่องยนต์ตระกูล Earth Dreams  DOHC ขนาด 2.4 ลิตร i-VTEC ฉีดเชื้อเพลิงตรง (Di) มีความแรงเพิ่มขึ้นจากบล๊อกเดิมได้ชัดให้กำลังมากกว่า 181 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 24.47 กิโลกรัมเมตรติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์ CVT ลูกใหม่ Honda คาดหวังว่าเครื่องยนต์บล๊อกนี้จะมีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงดีที่สุดใน กลุ่ม D-Segment

เครื่องยนต์ V6  SOHC 3.5 ลิตร 24 วาล์ว ให้แรงม้าและแรงบิดเพิ่มขึ้นติดตั้งเกียร์ธรรมดา 6 จังหวะ โดยรุ่นเกียร์อัตโนมัติ 6 จังหวะจะติดตั้งเทคโนโลยี VCM มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงที่ดีกว่ารุ่นเดิม

Honda Accord Plug-in Hybrid ติดตั้งเครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตร i-VTEC ทำงานตามหลัก Atkinson cycle มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว ให้กำลัง 160 แรงม้าจับคู่เกียร์ e-CVT สามารถวิ่งในโหมดรถไฟฟ้า 16-24 กิโลเมตร Honda Accord เจเนเรชั่นใหม่ทุกรุ่นจะติดตั้งปุ่ม ECON Assist ช่วยประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงเพิ่มขึ้น

Honda Accord เจเนเรชั่นใหม่จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนสิงหาคม 2012 พร้อมวางจำหน่ายเดือนกันยายน 2012 สำหรับตลาดเมืองไทยจะเตรียมเปิดตัวในปี 2013

Hyundai

 

ถึงแม้จะส่งรถยนต์รุ่นปรับปรุงโฉมแต่ก็อย่าได้ริอาจเมินสายตาเป็นอันขาด กรุณาชำเลืองมอง Hyundai Genesis Coupe Minorchange เสียหน่อยดีไหม? ด้านหน้าถูกเปลี่ยนโฉมให้ดูคมเข้มและมีเอกลักษณ์มากขึ้นจนไม่ต้องคำฟังข้อครหาว่าเลียนแบบดีไซน์รถหรูยี่ห้อดังพร้อมทั้งปรับปรุงไฟท้ายให้ดูมีชาติตระกูลขึ้นมาก

ไฮไลต์เด็ดคือขุมพลังใหม่ 2.0 ลิตรเทอร์โบปรับแรงม้าใหม่เป็น 274 แรงม้า (เครื่องเดิม 201 แรงม้า) แรงบิดสูงสุด  38.29 กิโลกรัมเมตร (เครื่องเดิม 30.8 กิโลกรัมเมตร) และเครื่องยนต์ V6 3.8 ลิตร อัพพลังเป็น 348 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 40.9 กิโลกรัมเมตร ทุกเครื่องจับคู่เกียร์ธรรมดา 6 จังหวะและเกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะพร้อม Paddle-Shift

และ Hyundai Veloster Turbo มีดีที่เครื่องยนต์ 4 สูบ Gamma 1.6 ลิตร เทอร์โบทวินสกรอลล์ 201 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 26.82 กิโลกรัมเมตรที่รอบต่ำมหัศจรรย์เพียง 1,750 รอบต่อนาที พร้อมกับรูปลักษณ์รอบคันที่ดุดันน่าขับขี่ขึ้นมาก ๆ

Lexus

Lexus LF-LC concept xเป็นรถต้นแบบสปอร์ตระดับซูเปอร์คาร์เน้นดีไซน์อันดุกร้าวและเน้นความปลอด โปร่งรอบทิศทางในแบบที่รถสปอร์ตส่วนใหญ่ไม่เคยพกพาคุณสมบัตินี้กันมาเลย Mr. Mark Templin รองประธานกลุ่ม Lexus ให้ข้อมูลว่า มันเป็นรถสุดยอดความประณีตตั้งแต่ร่างแบบบนกระดาษจากสำนักงานที่ญี่ปุ่นกัน เลย ความน่าสนใจของรถคันนี้คือเทคโนโลยีเทคโนโลยีชั้นสูง การใช้วัสดุรูปร่างชีวภาพเพื่อเชื่อมต่อผู้ขับขี่ไปยังระบบกลไก

 

ความ โดดเด่นที่น่าแปลกคือรถคันนี้มีเส้นสายเรียบ ๆ แต่โดดเด่นไปด้วยความล้ำหน้าของรูปทรงมากกว่าที่คิดซึ่งต้องยกความดีงานออก แบบให้กับทีมสตูดิโอ Calty Design ในเขต Newport Beach มลรัฐแคลิฟอร์เนีย

Lexus LX570  Minorchange มาพร้อมกระจังหน้ากระสวยอวกาศอันเป็นดีไซน์แนวทางใหม่ของ Lexus ยุคใหม่ พร้อมทั้งติดตั้ง daylight LED ตามสมัยนิยม มีลูกเล่นใหม่สำหรับคนรวยก็คือระบบ Easy Access ทันทีที่เปิดประตูระบบก็จัดแจงเลื่อนเบาะนั่งและตำแหน่งพวงมาลัยให้เหมาะสมสำหรับผู้ขับขี่เข้าออกได้ง่ายขึ้น ใต้ฝากระโปรงติดตั้งเครื่องยนต์ V8 5.7 ลิตร 383 แรงม้า

Lincoln

 

รถต้นแบบกำหนดวิสัยทัศน์ใหม่ของแบรนด์และแน่นอนว่ามีโอกาสที่จะเป็นรถซีดานรุ่นเดอะที่จะทำตลาดในอนาคตข้างหน้า ดีไซน์ได้รับแรงบันดาลใจจาก Lincoln Zephyr ปี 1938 ห้องโดยสารทุกที่นั่งปลอดโปร่งด้วยกระจกหลังคาที่สามารถเปิดและปิดได้

Mercedes-Benz

Mercedes-Benz SL Modelchange กลายเป็นดาวเด่นในงานนี้สำหรับบูธดาวสามแฉก ชูจุดเด่นการใช้วัสดุตัวถังอลูมิเนียมมากขึ้นในส่วนโครงสร้างตัวถังและนำวัสดุแม็กนี เซียมมาใช้บริเวณแผงท่อน้ำมันและแผงหลังคา ทำให้มีน้ำหนักตัวถังเบาลง 308 ปอนด์หรือ 140 กิโลกรัม แต่เพิ่มความแข็งแกร่งโครงสร้างตัวถังส่งผลดีต่อการขับขี่สไตล์สปอร์ตมาก ยิ่งขึ้น หากยังเป็นห่วงด้านความปลอดภัยก็ขอให้หมดห่วงเพราะมีการเสริมเหล็กกล้าทนการ บิดตัวสูงสุดในบริเวณเสา A

โครงสร้างตัวถังอลูมิเนียมมีน้ำหนักเบา กว่ารุ่นเดิมถึง 242 ปอนด์หรือ 110 กิโลกรัม มั่นใจในความปลอดภัยด้วยการออกแบบโครงสร้างตัวถังอัจฉริยะ และที่สำคัญยังเพิ่มความสะดวกสบายและมีบุคลิคกระฉับกระเฉงมากยิ่งขึ้นสำหรับ การขับใช้งานได้ทุกวัน

Mercedes-Benz SL Modelchange พกพาเทคโนโลยีการขับขี่ระดับสุดยอดเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้า ด้วยโดยเฉพาะรุ่น SL550 มีการปรับจูนช่วงล่างให้มีทั้งความสบายและการขับขี่สปอร์ตไปในตัวได้ ส่วนหนึ่งต้องยกคุณงามความดีให้กับโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบา รวมถึงการใช้วัสดุข้อต่อพวงมาลัยและแขนยึดช่วงล่างล้อคู่หน้าและหลังทำจากอ ลูมิเนียมช่วยลดการกดทับน้ำหนักตัวรถลงช่วงล่างได้ระดับหนึ่ง

ระบบ ช่วงล่างมีให้เลือก 2 แบบ ได้แก่ ช่วงล่างที่มีระบบการขับขี่คล่องตัวและสามารถเพิ่มออพชั่นระบบ Active Body Control เสริมภายหลัง ระบบช่วงล่างทั้งคู่ถูกควบคุมด้วยระบบพวงมาลัยไฟฟ้าเสถียรตรง แปรผันอัตราทดพวงมาลัยอัตโนมัติ ช่วยให้การบังคับควบคุมนิ่งขึ้นและปลอดภัยยามขับขี่บนความเร็วสูง

เครื่อง ยนต์กลไกรุ่น SL550 ติดตั้งเครื่องยนต์บล๊อก V8 ความจุกระบอกสูง 4,663 ซีซี เทอร์โบคู่ 429 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 71.28 กิโลกรัมเมตรมีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4 .6 วินาที และ SL350 ติดตั้งเครื่องยนต์ V6 3.5 ลิตร 302 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 37.72 กิโลกรัมเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5.9 วินาที มีอัตราสิ้นเปลือง 6.8 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร

เทคโนโลยี ขั้นสุดยอดที่ Mercedes-Benz SL ภูมิใจเสนอก็คือหลังคากระจก Magic Sky Control ในรุ่นพาโนรามิคเท่านั้น หลักการทำงานน่ามหัศจรรย์ก็คือการกระตุ้นปฏิกริยาธาตุบนกระจกเมื่อระบบตรวจ สอบพบแสงสว่างและอุณหภูมิภายในรถมากเกินพอดี ระบบก็จะฉายแสงทึบเพื่อป้องกันแสงแดดและรังสี หากเมื่อกลับเข้าสู่สภาวะอากาศน่าเป็นใจระบบก็จะเปิดให้กระจกโปร่งแสงทันที โดยที่เราไม่ต้องเปิดปิดหลังคาซันรูปให้เสียเวลา

ระบบ Magic Sky Control เทคโนโลยีหัวฉีดน้ำล้างกระจกหน้าติดตั้งเหนือกระจกบังลมหน้าที่เจาะรูด้วย ระบบแสงเลเซอร์ทำให้ปล่อยน้ำไหลชำระล้างสม่ำเสมอไม่กระเด็นกระดอนรดใบหน้า ผู้ขับขี่และผู้โดยสาร และเทคโนโลยีภูมิใจเสนอสุดท้ายคือระบบเครื่องเสียงภายในรถเน้นเสียงเบสคู่ หน้ารถเพื่อเพิ่มมิติในการฟังเพลงอย่างเด่นชัด

Nissan

Nissan Pathfinder Modelchange ถูกสร้างขึ้นบนพื้นตัวถัง D-Platform ไม่มีส่วนใดส่วนหนึ่งเกี่ยวข้องกับ Nissan Navara ทั้งรุ่นปัจจุบันและรุ่นใหม่ มีดีไซน์ตัวถังคล้ายกับนำ Infiniti JX มาแปลงรายละเอียดรอบคันในสไตล์ Nissan ด้านหน้าได้รับอิทธิพลความแข็งแกร่งแบบเอสยูวีทั่วไปแต่ออกแบบโคมไฟหน้าล้ำ สมัยทรง L คล้ายกับ Nissan Murano ส่วนบั้นท้ายออกมาแนวอ่อนช้อยขึ้น ชูจุดเด่นภายในห้องโดยสาร 7 ที่นั่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานอิสระ

ติด ตั้งขุมพลัง V6 และเกียร์ CVT จนสามารถเคลมได้ว่าเป็นรถ 7 ที่นั่งที่มีอัตราสิ้นเปลืองยอดเยี่ยมในกลุ่มหรือประหยัดน้ำมันกว่าเจเนเร ชั่นที่แล้วเฉลี่ยร้อยละ 25 สุดท้ายต้องย้ำว่านี่ไม่ใช่ Nissan Navara เวอร์ชันเอสยูวีอย่างที่หลายคนเข้าใจผิดกัน

Nissan e-NV200 Concept รถไฟฟ้าที่จะเตรียมทำตลาดต่อจาก Nissan Leaf  รูปร่างหน้าตาก็แทบจะพลิกโฉมหน้าจาก Nissan NV200 ดั้งเดิมอย่างมาก เพราะมันดูล้ำสุดกู่จนแทบจะลืม NV200 ดั้งเดิมไปได้เลย รายละเอียดที่มีการเปลี่ยนแปลงก็คือการเปลี่ยนแผงด้านหน้าใหม่ทั้งหมด รวมทั้งไฟหน้า, ไฟท้าย ส่วนภายในห้องโดยสารก็เปลี่ยนแผงแดชบอร์ดกลางมีพื้นผิวมันเหมือนสมาร์ทโฟน, เปลี่ยนแปลงแผงควบคุมให้ดูไฮเทคและเปลี่ยนแผงมาตรวัด LCD

ขุมพลัง Nissan e-NV200 Concept ใช้ชุดมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกับ Nissan Leaf 109 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 28.61 กิโลกรัมเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุด 168 กิโลเมตร คาดว่าจะเปิดตัวได้ในเร็ววันนี้

Porsche

Porsche ก็อวดโฉม 911 Cabriolet หลังจากเปิดตัวเวอร์ชันคูเป้ระยะหนึ่ง มีจุดเด่นหลักคือเมื่อปิดหลังคาผ้าใบแล้วรูปลักษณ์ตัวรถก็ยังดูเป็นรถคูเป้อยู่ เมื่อยังเป็นหลังคาผ้าใบ Porsche ก็ต้องเสริมความแข็งแกร่งตัวถังให้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ติดตั้งขุมพลัง 6 สูบ 3.4 ลิตร 350 แรงม้า ให้อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 5 วินาทีเมื่อจับคู่เกียร์ธรรมดา 7 จังหวะ (ถ้าจับคู่เกียร์ PDK จะทำความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 4.8 วินาที และเวอร์ชัน Sport Chrono จะวิ่งได้ภายใน 4.6 วินาที) และเครื่องยนต์รุ่นเดอะ 3.8  ลิตร 400 แรงม้า

Smart

 

Smart For Us ออกมาเพื่อกำหนดอนาคตรถกระบะขนาดเล็กในทศวรรษที่ 21 สำหรับการใช้ในเมืองอย่างคล่องตัวบนความอเนกประสงค์เล็ก ๆ มิติภายนอกคล่องตัวที่ความยาว 3,547 มม. ความกว้าง 1,506 มม. ความสูง 1,701 มม. มีพื้นที่บรรทุกสัมภาระ 900 มม. ติดตั้งมอเตอร์ไฟฟ้า 55 กิโลวัตต์หรือ 75 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 130 นิวตันเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุด 120 กิโลเมตร ก็ถือว่าเหมาะสำหรับคนรุ่นใหม่หรือคนที่ยังมีหัวใจหนุ่มสาว

Dr. Annette Winkler ผู้บริหาร Smart กล่าวเสริมว่า “เมื่อ Smart ตกหลุมรักรถกระบะ Smart ก็จะต้องทำตัวเป็นรถกระบะที่มีขนาดเล็ก แต่มีเนื้อที่ภายในใหญ่ มีความปลอดภัยมาก มีความสะดวกสบายสูงสุด เรื่องการเติมน้ำมันเบนซินหรือไม่มีต้องคิดมากเลย แถมยังมีพื้นที่บรรทุกรถจักรยานไฟฟ้าด้วย

Toyota

 

ถึงแม้จะอวดโฉมรถต้นแบบน้อยมาก แต่แค่รุ่นเดียวก็สะเทือนถึงดวงดาวทีเดียวกับ Toyota NS4  บ่งบอกอนาคตรถยนต์ Plug-in Hybrid ยุคหน้าที่จะกำเนิดในปี 2015 เน้นเทคโนโลยีการเชื่อมต่อและการติดต่อกับมนุษย์ ดีไซน์ภายนอกกำหนดถึงเส้นสายรถยนต์ Hybrid ในอนาคตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์ แปลกตาด้วยไฟหน้ารูปปีกนก, เสา A บางเฉียบเพื่อเพิ่มทัศนวิสัย ภายในก็มีอินเตอร์เฟซที่ออกแบบให้สัมผัสกับมนุษย์อย่างไร้ขีดจำกัด

Toyota Prius C ก็เริ่มพร้อมส่งทำตลาดในสหรัฐอเมริกาแล้วด้วยราคาแค่เพียง 19,000 ดอลลาร์ ก็ถือว่าแพงกว่า Toyota Corolla รุ่นพื้นฐานระดับหนึ่ง สเปคติดตั้งเครื่องยนต์สันดาปภายใน 1NZ-FXE 4 สูบ DOHC VVT-I  ความจุกระบอกสูบ 1.496 ซีซี 4,800 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 11.3 กิโลกรัมเมตรที่ 3,600-4,400 รอบต่อนาที จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 1LM ให้กำลัง 61 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 17.2 กิโลกรัมเมตร ทั้งคู่ผสมผสานกำลังจนมีแรงม้าสูงสุด 100 แรงม้า (PS) เก็บประจุพลังงานไฟฟ้าด้วยแบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย

Volkswagen

 

งานนี้โดดเด่นด้วย Volkswagen E-bugster Concept ชื่อนี้มาพร้อมทั้งฉายาเต่าน้อยและน่าจะเป็นรถไฟฟ้าด้วย คำตอบใช่ครับมันเป็นรถต้นแบบไฟฟ้าในร่างทรงของ Volkswagen Beetle ที่ดัดแปลงในสไตล์รถคูเป้หลังคาเตี้ยมากยิ่งขึ้น ถ้าจะบอกว่าเป็น Beetle Coupe ก็พอว่าได้ ขุมพลัง Volkswagen E-bugster Concept มาจากมอเตอร์ไฟฟ้าปั่นกำลัง 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 27.51 กิโลกรัมเมตร มีระยะทางวิ่งสูงสุด 160 กิโลเมตร

Volkswagen Jetta Hybrid ก็มาเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานนี้ ติดตั้งขุมพลังเครื่องยนต์เบนซิน 1.4 ลิตร TSI ผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้าปั่นกำลังได้ 150 แรงม้า ชูจุดเด่นแบตเตอรี่ลิเธี่ยมไอออนที่มีอัตรากินไปเพียง 1.1 กิโลวัตต์ชั่วโมงทำให้แพคเกจแบตเตอรี่นั่นเล็กมาก  ที่สำคัญจับคู่เกียร์อัตโนมัติคลัทช์คู่เป็นครั้งแรก มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 9 วินาที งานนี้ Volkswagen กระซิบบอกว่าราคาค่าตัวไม่แพงไปกว่ารถ Hybrid ในตลาดมาก

Volvo

Volvo XC60 Plug-in Hybrid มาพร้อมกับขุมพลังเบนซิน 2.0 ลิตร เทอร์โบ 280 แรงม้าที่ 5,700 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด  38.71 กิโลกรัมเมตรที่ 1,800 – 4,500 รอบต่อนาทีผนวกกับมอเตอร์ไฟฟ้า 45 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 15.3 กิโลกรัมเมตร รวมกันแล้วมีพลัง 350 แรงม้า จับคู่เกียร์อัตโนมัติ 8 จังหวะ มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงตามมาตรฐานการวัดในยุโรปเพียงแค่ 2.3 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงภายใน 6.1 วินาที