ในที่สุดกลุ่ม PSA Pegueot-Citroen ก็เริ่มเรียกความมั่นใจในการแข่งขันกับคู่แข่งกลับคืนมาได้สำเร็จ ถึงขั้นเปลี่ยน
บุคลิกองค์กรที่ทำตัวสนิมสร้อย (แต่ลึกเบื้องลึกในจิตใจ ก็ชอบความเปรี้ยว) ให้กล้ามาสลัดผ้าน้อยชิ้นแล้วลุกขึ้นมาสลัด
ปลายผมใส่คู่แข่งทุกเบอร์ในตลาดยุโรปแบบสวย ๆ ด้วยแผนการ PSA Peugeot-Citroen Back in the Race หรือแปล
ง่าย ๆ คือ พวกเขาพร้อมแล้วที่จะกลับมาแข่งขันอย่างสมศักดิ์ศรีตามที่ Carlos Tavares ซีอีโอใหม่หมายมั่นปั้นมือไว้

2014 05 08 Peugeot

สาเหตุสำคัญที่ทำให้ PSA Peugeot-Citroen มั่นมากในการแข่งขันในตลาดรถยนต์ที่แข่งขันกันรุนแรงขนาดนี้ เริ่มจาก
แบรนด์ Peugeot ที่ได้รับการผ่าตัดแบรนด์ใหม่หมดจด ด้วยการวางตำแหน่งแบรนด์จากรถตลาดทั่ว ๆ ไปให้กลายเป็น
แบรนด์ระดับบนสุดในอุตสาหกรรมยานยนต์ฝรั่งเศสแทน (haute de gamme) ในกลุ่มตลาดที่มียอดขายสูง พร้อมทั้งวาง
หมากราคาให้อยู่ในระดับเดียวกับแบรนด์ Volkswagen และถ้าแผนนี้ประสบความสำเร็จ เราก็จะไม่แปลกใจเลยว่าทั้ง
บริษัทจะได้กำไรอย่างยั่งยืนแน่นอน

เมื่อปลายเดือนที่แล้วอันเป็นช่วงที่ Carlos Tavares ได้เผยแผนธุรกิจ Back in the Race นั้น ราคารถยนต์ Peugeot
ในช่วงนั้นมีค่าเฉลี่ยช่วงห่างราคาต่ำกว่าแบรนด์ Volkswagen มากถึง 6.5 % แต่ในปี 2016 ราคารถยนต์ Peugeot จะต้องมีช่วง
ห่างราคาต่ำกว่า Volkswagen ให้ได้ราว 4.7% เท่านั้น และจะต้องมีช่องว่างราคา 0-3% ภายในปี 2020

Carlos Tavares ก็ได้ยืนยันว่ารถยนต์ Peugeot 208, 2008 และ 308 เป็นที่สามารถต่อกรรถฝั่ง Volkswagen ได้
สมน้ำสมเนื้อมากที่สุดทั้งเทคโนโลยีและคุณภาพ

ขณะที่ Peugeot ต้องมีภารกิจลดช่วงห่างราคากับคู่แข่ง ตนเองก็ต้องจัดการหั่นรถยนต์ที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อให้เน้นทำ
กำไรอย่างมีประสิทธิภาพ จากปัจจุบันที่มีรถทำตลาดมากถึง 25 รุ่นก็จะลดลงเหลือ 16 รุ่นในปี 2018 และจะเหลือแค่
เพียง 13 รุ่นภายในปี 2020 เพื่อลดการทับซ้อนของงานวิศวกรรมและแบรนด์กับ Citroen

ถึงแม้พวกเขาจะไม่เปิดเผยว่ารถรุ่นไหนจะถูกหยุดทำตลาด แต่ก็มีวงในได้เปิดเผยออกมาดังนี้

Peugeot 108 จะต้องยุติการทำตลาดภายในสิ้นทศวรรษนี้หรือในปี 2020 หรือพูดง่าย ๆ คือ 108 โฉมนี้จะเป็นโฉม
สุดท้ายแล้ว เพื่อหลีกทางให้กับแบรนด์ Citroen ที่จะเน้นทำตลาดรถราคาต่ำกว่า

จะไม่มีตัวตายตัวแทนของ Peugeot 807 เพื่อหลีกทางให้กับ Citroen ที่ยังทำตลาดเซกเมนต์นี้ต่อ, 207cc และ 308cc
จะไม่มีรุ่นต่อไปเนื่องจากตลาดรถเปิดประทุนคูเป้หดลงรวดเร็วมากซึ่ง Citroen ก็ไม่คิดจะทำตลาดรถแบบนี้เช่นกัน

Peugeot จะเน้นน้ำหนักในกลุ่มตลาดที่มียอดขายสูงสุดของโลกอย่าง B-Segment, C-Segment และ D-Segment
ที่มาพร้อมกับรูปแบบตัวถังซีดาน, แฮทช์แบคและแวกอน ส่วนตลาดครอสโอเวอร์ก็จะเพิ่มในกลุ่ม C-Segment และ
D-Segment โดยสร้างขึ้นบนชุดโครงสร้างพื้นตัวถังและงานวิศวกรรมร่วม EMP2

สำหรับ Peugeot 4008 คู่แฝด Mitsubishi ASX จะไม่มีรุ่นต่อไป และรุ่น 3008/5008 ก็มียอดขายน้อยกว่าที่ตั้งเป้าจน
อาจจะไม่มีรุ่นต่อไป

สำหรับแบรนด์ Citroen ก็จะมีรถยนต์ทำตลาดในปัจจุบัน 15 รุ่น แต่จะลดลงเพียงแค่รุ่นเดียวภายในปี 2016 แต่ในระยะ
ยาวรถยนต์ Citroen จะต้องเหลือทำตลาดเพียงแค่ 7 รุ่นภายในปี 2022 ดังนั้นรุ่นรถในกลุ่ม PSA จะเหลือเพียงแค่ 26 รุ่น
ภายในปี 2022 จากเดิมที่ทำตลาดกันมากถึง 46 รุ่น

สำหรับซับแบรนด์ Citroen DS ก็จะอัพเกรดให้กลายเป็นซับแบรนด์แยกตัวออกต่างหาก (Stand-Alone) พร้อมทั้งเพิ่ม
จำนวนรุ่นรถให้ครบทั้ง 7 รุ่นภายในปี 2016-2018 จากเดิมที่ทำตลาดกัน 5 รุ่นในวันนี้ แต่เมื่อถึงปี 2022 ก็จะต้องมีรถทำ
ตลาดเหลือ 6 รุ่น

การควบคุมประชาการรุ่นในครั้งนี้ก็จะช่วยทำให้ PSA ประหยัดเงินในการพัฒนารถมากถึง 300 ล้านยูโรต่อปี และสามารถ
ทำตลาดรถยนต์ให้ครบทุกกลุ่มเป้าหมายได้

แผนระยะกลางใหม่นี้จะช่วยทำให้ PSA ทำกำไรจากกลุ่มตลาดยุโรป, จีนและละติน อเมริกาได้ถึง 69% จากเดิมที่มี
สัดส่วนเพียงแค่ 46%

ที่มา : Autonews