ภาพประกอบข่าวเท่านั้น ไม่ใช่รถอีโคคาร์ที่จะจำหน่ายในประเทศไทย

 ภาพประกอบข่าวเท่านั้น ไม่ใช่ Suzuki Ecocar คันที่จะผลิตในปี 2012

ซูซูกิ มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น เร่งเดินหน้ากับแผนที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการอีโคคาร์ของประเทศไทย และได้รับการอนุมัติจากไทยให้สามารถผลิตอีโคคาร์ได้ในเดือนธันวาคม 2550  อย่างไรก็ตาม ทางบริษัทได้ชะลอแผนดังกล่าวลง ในขณะเดียวกันกับที่ทางบริษัทได้รับสัญญาณจากไทยให้เดินหน้าก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ ซึ่งในเบื้องต้นนี้ บริษัทจะจัดให้มีพิธีวางศิลาฤกษ์ ณ นิคมอุตสาหกรรม เหมราชอีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง  ในวันที่ 30 พฤศจิกายน นี้

ซูซูกิวางแผนที่จะลงทุนด้วยเงินจำนวน 20 พันล้านเยน หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท ในการก่อสร้างโรงงานผลิตรถยนต์ซึ่งมีขีดความสามารถในการขึ้นรูป เชื่อม พ่นสี ประกอบ และผลิตเครื่องยนต์  โดยวางแผนที่จะเริ่มการผลิตอีโคคาร์ที่โรงงานแห่งนี้ ตั้งแต่เดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 เป็นต้นไป

ซูซูกิยังได้เตรียมการที่จะปรับเปลี่ยนโครงสร้างการดำเนินงานด้านการขายในประเทศไทยอีกด้วย ปัจจุบันมีการทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทยผ่านทาง บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งถือเป็นบริษัทลูก และเป็นบริษัทผู้แทนจำหน่ายในประเทศไทยในขณะนี้  โดยทางบริษัทแม่วางแผนที่จะเริ่มถ่ายโอนการดำเนินงานด้านการขายไปยังบริษัทผู้ผลิต คือ บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด อย่างค่อยเป็นค่อยไป

ภาพรวมของ บริษัท ซูซูกิ ออโตโมบิล แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด
วันที่ก่อตั้ง:                  เมษายน พ.ศ. 2551
สถานที่ตั้งโรงงาน:         นิคมอุตสาหกรรม เหมราช อีสเทิร์นซีบอร์ด จังหวัดระยอง
พื้นที่โรงงาน:               650,000 ตารางเมตร
เงินลงทุน:                   ประมาณ 20 พันล้านเยน หรือประมาณ 7,500 ล้านบาท
จำนวนพนักงาน:            ประมาณ 800 คน
โมเดลที่จะทำการผลิต:    รถยนต์ในกลุ่มคอมแพคคาร์
เวลาที่เริ่มผลิต:             มีนาคม พ.ศ. 2555 (ตามแผนที่วางไว้)
ปริมาณการผลิต:            ประมาณ 10,000 คัน (ตามที่วางแผนไว้) ภายในสิ้นเดือนธันวาคมของปีแรก
ข้อมูลอ้างอิง:                ตามเงื่อนไขและข้อกำหนดในการเข้าร่วมในโครงการอีโคคาร์ของไทย

เครื่องยนต์ที่ผลิต

มาตรฐานไอเสีย

ระดับของก๊าชคาร์บอนไดออกไซด์

อัตราการสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง

ยอดการผลิต

เครื่องยนต์เบนซิน: 1,300 ซีซี หรือต่ำกว่า

เครื่องยนต์ดีเซล:   1,400 ซีซี หรือต่ำกว่า

ยูโร 4

สูงสุด 120 กรัม/กม

สูงสุด 5 ลิตร/100กม.

(ขั้นต่ำ 20 กม./ลิตร)

100,000 เครื่อง ภายในปีที่ห้า