หลังจากค่าย Mazda ,Honda,Subaru และ Mitsubishi ต่างเผยของดีประจำโตเกียวมอเตอร์โชว์ 2009 กันถ้วนแต่ ๆ  ยังไม่หมดครับ

วันนี้ ( 2 ตุลาคม 2009 )ค่ายรถเล็กชื่อดังเมืองฮามามัตสึอย่าง Suzuki ก็ได้เผยข้อมูลเบื้องต้นยนตรกรรมใหม่ ๆ ว่ามีอะไรเด็ดพอให้ดึงคนเข้าบูธได้ สำหรับปีนี้ Suzuki ตกแต่งบูธและจัดแสดงสินค้าของตนภายใต้แนวคิด “small cars for a big future” หรือ”รถเล็กเพื่ออนาคต” แนวคิดนี้ดูจะสวนทางค่ายรถชั้นนำที่เน้นนวตกรรมเพื่อโลกสีเขียวมากกว่านำเสนอแค่ไซส์ของรถ แต่ผมพูดแบบนี้คงไม่ถูกนักเพราะแบรนด์ Suzuki จัดเป็นหัวหอกผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กของโลกและญี่ปุ่น หากไม่นำเสนอจุดยืนของตนเองแล้วความหวังที่จะทวงอันดับ 1 ในตลาดรถเล็กจาก Daihatsu คงจะไม่เป็นจริงแน่ครับ

 
 

สินค้าที่ Suzuki จะจัดแสดงในส่วนของรถยนต์คือ Suzuki Alto โฉมใหม่ล่าสุดหน้าตาเหมือนตลาดโลกแต่ย่อขนาดลงให้เหมาะสมกับข้อบังคับรถยนต์ขนาดเล็กของญี่ปุ่นหรือ Kei-Jidosha ,Suzuki Plug-in Hybrid ,SX4 FCV และ Mio ชื่อพ้องกับรถจักรยานยนต์ในไทยบางรุ่นแต่รถนั้นเป็นยานพาหนะส่วนตัวครับ

ผมขอไล่ดูของดีเริ่มจากคันแรก Suzuki Alto Concept รถโปรโตไทป์ที่ไม่แตกต่างจากคันจริงมาก ตระกูล Alto เป็นรถเล็กชื่อดังคู่บุญของ Suzuki ที่สร้างชื่อเสียงและกำรี้กำไรมาตลอด 30 ปี แต่จุดเปลี่ยนของ Alto ที่ทำให้แฟนซูซูกิเริ่มไขว้เขวก็เริ่มมาจากเจเนเรชั่นที่ 5 วางจำหน่ายทั่วโลกในตลาดหลักทั้งประเทศอินเดีย ญี่ปุ่นและยุโรปภายในปี  1998 ซึ่งทุกอย่างทำท่าว่าไปได้สวยเพราะตลาดรถ A-segment และ K-car ทั่วโลกนั้นมีขนาดตัวถังไล่เลี่ยกันทำให้ Suzuki ไม่จำเป็นต้องออกแบบใหม่เพื่อแยก 2 ตลาด

 
 

แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญเมื่อ Suzuki Alto ในญี่ปุ่นจำเป็นต้องเปลี่ยนตัวถังภายในปี 2004 เท่านั้นตามสภาวะการแข่งขันรถเล็กที่รุนแรงมากเพราะ Daihatsu สู้รบกับ Suzuki ยิบตา หากพลาดเมื่อไรคงสวนกลับไม่ทัน (ปัจจุบัน Daihatsu บรรลุเป้าหมายขึ้นแท่นอันดับ 1 ตลาดรถเล็กแทน Suzuki แล้ว) ดังนั้น Suzuki จึงต้องพัฒนา Alto เจเนเรชั่นที่ 6 สำหรับตลาดญี่ปุ่นโดยเฉพาะทำให้ต้องออกแบบตัวถังเน้นแนวเหลี่ยมสัน ได้แรงบันดาลจาก Suzuki Swift มากชนิดต้องทำเสา A หักมุมเหมือนกันอีกด้วย

ผลตอบรับของ Suzuki Alto รุ่นปัจจุบันก็ถือว่าเสมอตัวเพราะชื่อเสียงของ Alto สั่งสมมาเป็นเวลานานมากจนทำให้คนญี่ปุ่นปักใจเชื่อที่จะซื้อมัน แต่กลับกันทีมงาน Suzuki Motor พิจารณาว่า Alto โฉมที่ 6 นั้นไม่เหมาะสมกับตลาด A-segment ระดับโลกเอาเสียเลยทั้งขนาดตัวถังที่เล็กเกินไปเมื่อเทียบกับคู่แข่งในยุคเดียว ซึ่งหมดยุคแล้วที่จะนำรถ K-car ของตนเองไปขายในตลาดโลกที่นับวันต้องการขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้น และดีไซน์รถทั้งหมดเอาใจรสนิยมชาวญี่ปุ่นโดยเฉพาะ

 
 

นับเหตุผลได้ 2 ข้อจึงจำเป็นต้องลากอายุตลาดของ Alto ตลาดโลกโฉมที่ 5 ต่อไปถึง 1 เท่าตัว!! หรือมีอายุตลาดนาน 10 ปีอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ทำให้ชระหว่างนี้ทีมงาน Suzuki ต้องเร่งเก็บข้อมูลรถตลาด A- segment ทั่วโลกใหม่อีกครั้งหนึ่งเพื่อพัฒนา Alto โฉมใหม่ให้ขายได้ทุกตลาดอีกครั้งหนึ่ง
ประเทศอินเดียเป็นแม่งานของโครงการ Alto โฉมใหม่โดยใช้ศูนย์วิจัยและพัฒนาของ Maruti Suzuki เจ้าตลาดรถยนต์อันดับ 1 ด้วยส่วนแบ่งการตลาด 50% เหตุที่ไว้ใจให้อินเดียเป็นแม่งานก็เพราะว่า Suzuki ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการพัฒนา Suzuki Swift ร่วมกับชาวอินเดีย มีค่าใช้จ่ายการพัฒนาต่ำกว่าญี่ปุ่น อีกทั้งยังรับผิดชอบให้ประเทศอินเดียเป็นฐานการส่งออกรถรุ่นนี้ทั่วโลกยกเว้นญี่ปุ่น

และแล้ว Suzuki Alto เจเนเรชั่นที่ 7 ยลโฉมที่แรกในโลกในงานปารีส มอเตอร์โชว์ 2008 แต่ประเทศอินเดียได้วางจำหน่ายก่อนใครในโลกในนาม A-star แทนที่จะใช้ชื่อ Alto เพราะ Alto รุ่นเก่ายังวางจำหน่ายควบคู่ด้วยกันนั่นเอง ส่วนตลาดโลกเริ่มวางจำหน่ายตั้งแต่ต้นปี 2009 เป็นต้นไป

 
 

สำหรับตลาดญี่ปุ่น Alto ใหม่ยังอึมครึมว่าจะมีรูปโฉมแบบใดกันแน่? แต่ตอนนี้ความสงสัยดังกล่าวถูกขจัดด้วย Suzuki Alto Concept มีรูปร่างหน้าตาคล้ายคลึง Alto ตลาดโลกไม่น้อย แต่หากสังเกตรายละเอียด ๆ ดีกลับพบว่ารูปร่างของมันดูแค่คล้าย ๆ เวอร์ชันตลาดโลกมากกว่าที่จะเหมือนกัน 100% เพราะรูปทรงของมันออกแนวทรงกล่องมากกว่าที่จะเป็นแนวโค้งมนเหมือนตลาดโลก

แต่สิ่งที่เหมือนก็คือแนวการออกแบบเส้นสายตัวถังที่ได้ความคิดมากจาก Alto ตลาดโลกได้แก่ ชุดไฟหน้าทรงหยดน้ำ กันชนและกระจังหน้า นอกนั้นแทบจะเรียกว่าไม่เหมือนกันเลย ดูโดยรวมถือว่าเป็นการตีความของนักออกแบบชาวญี่ปุ่นได้ดีทีเดียวที่ยังรักษาภาพพจน์ความเป็นรถยนต์ระดับ Global เอาไว้ได้แต่เอาใจรสนิยมชาวญี่ปุ่นแท้ ๆ  ได้ดีอีกด้วย

ห้องโดยสารภายในที่ผมกล้าบอกได้ทันทีเลยว่าไม่เหมือนกัน 100% แน่นอน Alto Concept ถูกออกแบบเอาใจผู้หญิงชาวญี่ปุ่นดั้งเดิมเหมือนกับ Alto เจเนเรชั่นที่ผ่านมาเน้นการตกแต่งสีสว่าง ๆ ลายเบาะผ้าสีสันสดใสถูกใจวัยรุ่นมากขึ้น แผงคอนโซลเน้นความน่ารักสดใสมากกว่าเน้นความสปอร์ต

 
 

ส่วนข้อมูลงานวิศวกรรมหรือนวตกรรมด้านอื่น ๆ Suzuki ยังไม่เปิดเผยครับ คงต้องรอจนกว่ารถจะเปิดตัวอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้

 
 

คันต่อมา Suzuki SWIFT Plug-in Hybrid ก็นำมาจัดแสดงด้วยตามวิสัยทัศน์ใหม่ของ Suzuki ที่จะต้องมีรถยนต์ Hybrid อย่างน้อย 1 รุ่นหลักที่จะทำตลาดทั้งในต่างแดนและบ้านเกิด

จุดเด่นของ SWIFT Plug-in Hybrid คืออนุญาตให้ผู้ขับขี่ใช้โหมดรถไฟฟ้าได้สำหรับวิ่งระยะทางสั้น ๆ ไม่เกิน 20 กิโลเมตร หากประจุในแบตเตอรี่หมดคุณสามารถเสียบปลั๊กไฟบ้านเพื่อชาร์จประจุหรือเข้าสถานีชาร์จประจุอย่างเร็ว

งานวิศวกรรมระบบ Hybrid ยังไม่ถูกเปิดเผยเช่นกันแต่คาดว่าน่าจะจับคู่เครื่องยนต์สันดาปภายในบลีอก M13A คู่กับมอเตอร์ไฟฟ้า

 
 

SX4-FCV รถรุ่นนี้ได้รับเทคโนโลยี Fuel Cell จาก GM ผนวกเข้ากับถังเก็บไฮโดรเจนเหลวทนต่อแรงดันสูงที่ Suzuki พัฒนาเอง ขณะนี้รถรุ่นนี้กำลังทดสอบเพื่อบรรจุเป็นรถส่วนบุคคลตามกฎหมายของญี่ปุ่นและเตรียมรอวันจำหน่ายได้

คันสุดท้าย Mio เป็นรถวีลแชร์ไฟฟ้าที่ใช้พลังงานจาก direct-methanol fuel cell แทนที่แบตเตอรี่กรด-ตะกั่วทั่วไป

แม้ปีนี้ Suzuki ดูจะเงียบเหงาไปหน่อยแต่ก็ยังมีอะไรให้ได้ดูกันบ้าง หากสนใจไปเยี่ยมชมสามารถเข้างาน Tokyo Motorshow 2009 ตั้งแต่วันที่ 24 ตุลาคมนี้เป็นต้นไปครับ