Tata ค่ายรถยักษ์ใหญ่เมืองภารตะที่เริ่มปักหลักในเมืองไทยปี 2008 ด้วยกระบะ Xenon ชูจุดขายยกสูงในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่งคาดหวังจับตลาดกลุ่มระดับกลาง แต่จนแล้วจนรอดก็กวาดยอดขายแค่หยิบมือเพียง 20-30 คันต่อเดือนเท่านั้น ยอดขายระดับนี้ถ้าสายป่านไม่ยาวจริงคงรอดยาก

แต่แล้วสวรรค์ก็เห็นใจ ดลใจให้ทีมผู้บริหาร Tata เปลี่ยนใจมาทุ่มเทกับการทำตลาดรถกระบะเซกเมนต์ย่อยใหม่ในระดับล่างและเหมายกล๊อตอย่างจริงจังด้วย Xenon CNG ถังใหญ่บิ๊กบึ้มในราคาแค่ 5 แสนบาทเท่านั้นและออกกระบะตอนเดี่ยว Xenon Giant ชูจุดขายพื้นที่บรรทุกคุ้มราคา

รวมไปถึงทีมผู้บริหาร Tata อินเดียเปิดใจและเปิดโอกาสให้นักการตลาดฝีมือเยี่ยมทั้ง 2 ท่านได้แก่คุณอภิเชต สีตกะลิน ผู้อำนวยการฝ่ายขายที่เคยฝากฝีมือปลุกปั้นแบรนด์ Jeep จนโด่งดังขีดสุด (ปัจจุบันหายสาบสูญตามสภาพเศรษฐกิจและปัญหาจากบริษัทแม่ ที่มิได้เกี่ยวข้องกับคุณอภิเชต) และคุณสมพงษ์ ผลจิตจรูญ ผู้จัดการทั่วไป การตลาดซึ่งเคยมีประสบการณ์ทำตลาดให้ค่ายรถยนต์ชั้นนำ ได้แก่ Honda,Isuzu และ Ford จนประสบความสำเร็จมาแล้ว ร่วมกันสร้างสรรค์ตำแหน่งการตลาดรถกระบะเสียใหม่ภายใต้ช่องว่างการตลาดรถกระบะที่มีคู่แข่งแข็งแกร่งหลายเจ้า

ผลออกมาเท่าที่เราสังเกตภายในปีที่แล้วคือ Tata สามารถกวาดยอดขายรถกระบะได้มากถึง 300 กว่าคันเทียบชั้น Chevrolet,Ford และ Mazda ได้อย่างรวดเร็ว !! ไม่น่าเชื่อว่านี่คือ Tata ที่เคยกระบะได้แค่ 10-30 คันต่อเดือนในอดีต

ความสำเร็จล่าสุด Tata สามารถขึ้นแท่นอันดับ 5 ในตลาดรถกระบเมืองไทยได้แซง Chevrolet,Ford และ Mazda ไปหน้าตาเฉย ด้วยยอดขาย 369 คัน แม้จะไม่สามารถเทียบชั้นเบอร์ 1 -4 ได้ แต่ Tata ก็มีอัตราการเติบโตก้าวกระโดดไปอย่างมาก

นายอาจิต เวนคาทารามัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทาทา มอเตอร์ส (ประเทศไทย) กล่าวว่า ในเดือนมกราคม ทาทาสามารถสร้างยอดขายได้อย่างน่าพอใจ และขึ้นมาเป็นอันดับ 5 ในตลาดรถปิคอัพของไทย โดย“ยอดขายรถของทาทากว่าร้อยละ 70 เป็นกลุ่มปิคอัพเครื่องยนต์ซีเอ็นจี/เอ็นจีวี แสดงให้เห็นว่าคนไทยโดยเฉพาะผู้ประกอบธุรกิจนอกจากจะให้การยอมรับแบรนด์ทาทามากขึ้นแล้ว ยังหันมาให้ความสนใจรถที่ประหยัดพลังงานเพิ่มมากขึ้นอีกด้วย ซึ่งบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตรายแรกในเมืองไทยที่แนะนำรถปิคอัพเครื่องยนต์   ซีเอ็นจี/เอ็นจีวี แท้ทั้งระบบจากโรงงานผลิต ซึ่งมีความทนทาน สมรรถนะสูง บำรุงรักษาง่าย และประหยัดเชื้อเพลิงสูงสุด เหมาะสำหรับการใช้งานเชิงพาณิชย์อย่างแท้จริง

“ความมั่นใจในแบรนด์ทาทาที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดในช่วง 1 ปีที่ผ่านมาทำให้มีผู้สนใจสมัครเป็น    ดีลเลอร์รถยนต์ของเราเป็นจำนวนมาก บริษัทฯ จึงมีแผนจะเปิดศูนย์จำหน่ายและศูนย์บริการมาตรฐานจากเดิม 33 แห่ง ให้ได้ 50 แห่งภายในสิ้นปีนี้ เพื่อแสดงถึงความมุ่งมั่นในการทำตลาดในเมืองไทยอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการพัฒนาสินค้าและบริการที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับแบรนด์ทาทา” นายอาจิตกล่าวทิ้งท้าย

 โตโยต้า     9,300 คัน
อีซูสุ     9,044 คัน
นิสสัน     1,642 คัน
มิตซูบิซิ     903 คัน
ทาทา     369 คัน
เชฟโรเล็ด    332 คัน
ฟอร์ด     331 คัน
มาสด้า     348 คัน