บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด รายงานสถิติการขายรถยนต์ประจำเดือนสิงหาคม 2552  
ปริมาณการขาย 43,251 คัน ลดลง 8.2% ประกอบด้วย รถยนต์นั่ง 17,790 คัน ลดลง 1.1%  
รถเพื่อการพาณิชย์   25,461 คัน ลดลง 12.6% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซกเมนท์นี้
จำนวน 21,778 คัน ลดลง 12.0%

สถิติการขายสะสม 8 เดือนของปี 2552 มีปริมาณทั้งสิ้น 317,835 คัน ลดลง 23.1% เมื่อเทียบ
กับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยแบ่งออกเป็น รถยนต์นั่ง 131,379 คัน  ลดลง 11.0%  
รถเพื่อการพาณิชย์ 186,456 คัน ลดลง 29.8% รวมทั้ง รถกระบะขนาด 1 ตัน ในเซ็กเมนท์นี้
จำนวน 161,729 คัน ลดลง 29.0%

ต่อไปนี้ คือการวิเคราะห์ จากทางโตโยต้า

 

1. ตลาดรถยนต์เดือนสิงหาคม มีปริมาณการขาย 43,251 คัน ลดลง 8.2% ลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8
นับจากต้นปีเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่ผ่านมา เป็นผลจากการหดตัวในตลาดรถยนต์
เพื่อการพาณิชย์ที่มีอัตราการเติบโตลดลง 12.6% ในขณะที่ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน มีอัตราการ
เติบโตลดลง 12.0% จากปีที่แล้ว และเมื่อเทียบกับปี 2550 ตลาดลดลงมากถึง 37% ซึ่งแสดงให้เห็นว่า
ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน ยังคงได้รับผลกระทบจากการหดตัวของภาคการลงทุน ในขณะที่ตลาด
รถยนต์นั่งเริ่มมีทิศทางดีขึ้น จากอัตราการเติบโตที่ลดลงเล็กน้อย 1.1% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว และ
เติบโตประมาณ 19% เมื่อเทียบกับปี 2550

2. ตลาดรถยนต์สะสม 8 เดือนมีปริมาณการขาย 317,835 คัน ลดลง 23.1%  เมื่อเทียบกับช่วงเวลา
เดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยตลาดรถยนต์นั่งมีอัตราการเติบโตลดลง 11.0% ตลาดรถยนต์เพื่อการพาณิชย์
มีอัตราการเติบโตลดลง 29.8% ทั้งนี้จากดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้นมาต่อเนื่องตลอด 3 เดือนล่าสุด
มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจากภาครัฐเพื่อเพิ่มสภาพคล่องเริ่มส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจโดยรวม และการ
แนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลดีต่อตลาดรถยนต์โดยรวม แต่ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน
ยังคงได้รับผลกระทบจากปัจจัยลบ อาทิ มาตรการอนุมัติสินเชื่อที่เข้มงวดที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโต
ของภาคการลงทุน หรือทิศทางราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ยอดขายสะสม 8 เดือน
เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2550 เติบโตลดลงกว่า 35%

3. สำหรับตลาดรถยนต์เดือนกันยายน  คาดว่าจะมีปริมาณการขายทรงตัว  จากสถิติการขาย เดือนกันยายน
จะมียอดขายน้อยเป็นอันดับ 5 ของปี ทั้งนี้ในเดือนกันยายนจะมีการแนะนำรถยนต์รุ่นใหม่ ที่อาจเป็น
ปัจจัยบวกต่อตลาดรถยนต์ พร้อมมีการปรับเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อให้ทันการส่งมอบ อย่างไรก็ตาม
ราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น อาจส่งผลต่อตลาดรถยนต์โดยรวม

ปริมาณการจำหน่ายรถยนต์เดือนสิงหาคม  2552
1.) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 43,251 คัน ลดลง 8.2%                               
อันดับที่ 1 โตโยต้า    18,708 คัน    ลดลง     8.3%    ส่วนแบ่งตลาด 43.3%
อันดับที่ 2 อีซูซุ          8,884 คัน    ลดลง   16.8%    ส่วนแบ่งตลาด 20.5%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า       6,829 คัน    เพิ่มขึ้น  13.1%    ส่วนแบ่งตลาด 15.8%

2.) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 17,790 คัน ลดลง 1.1%                                 
อันดับที่ 1 โตโยต้า     8,502 คัน    ลดลง      3.9%    ส่วนแบ่งตลาด 47.8%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า      6,366 คัน   เพิ่มขึ้น    15.8%    ส่วนแบ่งตลาด 35.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน          838 คัน   เพิ่มขึ้น     21.1%   ส่วนแบ่งตลาด   4.7%

3.) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน*  (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV)
ปริมาณการขาย  21,778 คัน ลดลง 12.0%

อันดับที่ 1 โตโยต้า     9,246 คัน    ลดลง    11.3%    ส่วนแบ่งตลาด 42.5%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         8,206 คัน    ลดลง    18.7%    ส่วนแบ่งตลาด 37.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน        1,508 คัน    เพิ่มขึ้น    1.8%    ส่วนแบ่งตลาด  6.9%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 2,027 คัน
โตโยต้า 1,124 คัน – อีซูซุ 436 คัน – มิตซูบิชิ 392 คัน – ฟอร์ด 75 คัน

4.) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย  19,751 คัน ลดลง  15.5%
อันดับที่ 1 โตโยต้า     8,122 คัน    ลดลง    13.1%    ส่วนแบ่งตลาด 41.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         7,770 คัน    ลดลง    21.0%    ส่วนแบ่งตลาด 39.3%
อันดับที่ 3 นิสสัน        1,508 คัน    เพิ่มขึ้น    1.8%    ส่วนแบ่งตลาด   7.6%

5.) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 25,461 คัน ลดลง 12.6%                     
อันดับที่ 1 โตโยต้า   10,206 คัน   ลดลง     11.7%    ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         8,884 คัน   ลดลง     16.8%    ส่วนแบ่งตลาด 34.9%
อันดับที่ 3 นิสสัน        1,536 คัน  เพิ่มขึ้น      2.2%    ส่วนแบ่งตลาด   6.0%

 

สถิติการจำหน่ายรถยนต์ เดือนมกราคม – สิงหาคม 2552

1) ตลาดรถยนต์รวม ปริมาณการขาย 317,835 คัน ลดลง 23.1%                              
อันดับที่ 1 โตโยต้า    132,435 คัน    ลดลง    25.1%        ส่วนแบ่งตลาด 41.7%
อันดับที่ 2 อีซูซุ          66,637 คัน    ลดลง    26.5%        ส่วนแบ่งตลาด 21.0%
อันดับที่ 3 ฮอนด้า       53,995 คัน    ลดลง      3.4%        ส่วนแบ่งตลาด 17.0%

 2) ตลาดรถยนต์นั่ง ปริมาณการขาย 131,379 คัน ลดลง 11.0%                                
อันดับที่ 1 โตโยต้า     57,587 คัน    ลดลง    20.5%        ส่วนแบ่งตลาด 43.8%
อันดับที่ 2 ฮอนด้า      50,961 คัน    เพิ่มขึ้น     3.6%        ส่วนแบ่งตลาด 38.8%
อันดับที่ 3 นิสสัน         5,274 คัน    เพิ่มขึ้น     7.3%        ส่วนแบ่งตลาด 4.0%

3) ตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน* (Pure Pick up และ รถกระบะดัดแปลง PPV) ปริมาณการขาย  161,729 คัน ลดลง  29.0%
อันดับที่ 1 โตโยต้า     67,712 คัน    ลดลง    28.6%        ส่วนแบ่งตลาด 41.9%
อันดับที่ 2 อีซูซุ         62,390 คัน    ลดลง    27.2%        ส่วนแบ่งตลาด 38.6%
อันดับที่ 3 นิสสัน        11,743 คัน    ลดลง    29.8%        ส่วนแบ่งตลาด   7.3%
*ปริมาณการขายรถกระบะดัดแปลง ในตลาดรถกระบะขนาด 1 ตัน: 15,948คัน
โตโยต้า 9,221 คัน – อีซูซุ 3,243 คัน – มิตซูบิชิ 3,144 คัน – ฟอร์ด 340 คัน

4) ตลาดรถกระบะ Pure Pick up ปริมาณการขาย 145,781 คัน ลดลง 32.0%
อันดับที่ 1 อีซูซุ        59,147 คัน    ลดลง    27.4%         ส่วนแบ่งตลาด 40.6%
อันดับที่ 2 โตโยต้า    58,491 คัน    ลดลง    31.9%         ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 3 นิสสัน       11,743 คัน    ลดลง    29.8%         ส่วนแบ่งตลาด   8.1%

5) ตลาดรถเพื่อการพาณิชย์ ปริมาณการขาย 186,456 คัน ลดลง 29.8%                    
อันดับที่ 1 โตโยต้า    74,848 คัน    ลดลง    28.3%        ส่วนแบ่งตลาด 40.1%
อันดับที่ 2 อีซูซุ        66,637 คัน    ลดลง    26.5%        ส่วนแบ่งตลาด 35.7%
อันดับที่ 3 นิสสัน       11,966 คัน    ลดลง    30.5%        ส่วนแบ่งตลาด   6.4%

————————————–///——————————————