ในเมื่อ นำรุ่น 3.5 ลิตรเข้ามา แต่ขายไม่ดีเท่าไหร่ โตโยต้า จึงตัดสินใจ แก้เกม สั่งนำเข้า อัลฟาร์ด
รุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร มาสนองทางเลือก ให้กับ ผู้บริหารเจ้าของกิจการ ที่อยากได้รถตู้โดยสารหรูๆ
นั่งสบายๆ คู่ใจคนทำธุรกิจ แถมยังเป็นมิตรกับทุกคนในครอบครัว แม้จะขึ้นป้ายโฆษณาบิลบอร์ดหรา
ริมทางด่วนมาเกือบ 1 เดือน และปล่อยแค็ตตาล็อก ลงเว็บไซต์ไปแล้ว แต่ โตโยต้า พึ่งจะถือฤกษ์
ส่งข่าวเปิดตัว อย่างเป็นทางการ กันในวันนี้ 3 กันยายน 2009

ย้อนประวัติกลับไปเล็กน้อยว่า ก่อนที่โตโยต้าจะนำ อัลฟาร์ด เข้ามาทำตลาดเองนั้น อัลฟาร์ดรุ่นแรก ทุกคัน
ไม่ว่าจะเป็นรุ่นเครื่องยนต์ธรรมดา หรือรุ่นไฮบริด ล้วนแล้วแต่นำเข้ามาจากญี่ปุ่น โดยผู้ค้ารายย่อย
เกรย์ มาร์เก็ต ทั้งหลายแหล่ โตโยต้าเอง ก็เล็งเห็นว่า จะปล่อยให้ลูกค้าไปซื้อรถจากเกรย์ มาแต่ฝ่ายเดียว
ก็ดูจะไม่เข้าท่า เพราะนอกจาก โตโยต้าจะขาดรายได้แล้ว ลูกค้าเอง ก็อาจมีปัญหาเวลาเอารถเข้ารับบริการ
เนื่องจาก การรับประกันคุณภาพ ถือว่า ได้หมดสิ้นลงไปแล้ว ไม่ใช่ Worldwide Warranty แบบรถยุโรป
บางยี่ห้อ แต่อย่างใด เพราะการรับประกันคุณภาพนั้น มีขึ้น สำหรับรถที่ขายอยู่ในประเทศนั้นๆ เท่านั้น

ดังนั้น ในเมื่อ ลูกค้า มีเสียงสอบถามมาเยอะว่า เมื่อไหร่ โตโยต้า จะนำอัลฟาร์ด เข้ามาขายเองซะที
โตโยต้า ก็เลือกจะรอให้รถรุ่นที่ 2 เปิดตัวเมื่อ กลางปี 2008 กันเสียก่อน จึงได้ฤกษ์ เตรียมความพร้อม
นำเข้ามาทำตลาดกัน โดยเลือกรุ่นเครื่องยนต์ 3.5 ลิตร เข้ามาทำตลาด เมื่อ เดือนพฤศจิกายน 2008
หรือปลายปีที่แล้ว

แต่ปรากฎว่า ยอดขายไม่เดินเลย เพราะลูกค้าบ่นว่า ราคาแพงกว่าผู้ค้ารายย่อย แต่ออพชันที่ให้มา น้อยกว่า
ซึ่งความจริงที่ลูกค้าไม่รู้คือ ลูกค้าส่วนใหญ่ มองแต่ออพชัน ว่าแถมอะไรให้บ้าง ไม่ได้สนใจเลยว่า
รุ่นที่โตโยต้าเอาเข้ามาขายนั้น เครื่องมันใหญ่กว่า รถที่เกรย์ เอาเข้ามา ซึ่งส่วนใหญ่ เป็นเครื่องยนต์
2.4 ลิตร ทั้งสิ้น ดังนั้น โตโยต้า จึงตัดสินใจ แก้เกม เพื่อเอาใจลูกค้า ส่งอัลฟาร์ด 2.4V ออกสู่ตลาด ในวันนี้

 

มาดูรายการอุปกรณ์หลักๆที่เป็นจุดขาย ซึ่งติดมากับรถรุ่น 2.4 V กันดีกว่า

– สเกิร์ตรอบคัน สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรกดวงที่สาม หรูหราลงตัวทุกมุมมอง
– กระจังหน้าโครเมียม ดีไซน์หรู ดูภูมิฐาน และองอาจ
– โคมไฟหน้าโปรเจคเตอร์แบบHID พร้อมปรับระดับสูงต่ำอัตโนมัติ  
– ไฟท้ายแบบ LED
– ติดตั้ง หลังคาแบบ มูนรูฟ คู่ ทั้งสำหรับผู้โดยสารตอนหน้า และตอนหลัง เปิดปิด-ด้วยสวิชต์ไฟฟ้า

 

ภายในห้องโดยสาร…
– เบาะนั่งปรับได้หลายสไตล์ โดยเบาะนั่งด้านหลัง (เบาะแถวกลาง) เป็น แบบ Smart Twin
  ปรับรวมเป็นที่นั่งคู่ได้ พร้อมระบบบริหารหลังไฟฟ้า 7 จุด เพื่อผ่อนคลายความเมื่อยล้า  
– ประตูหลังเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า ควบคุมด้วยชุดรีโมต หรือปุ่มควบคุมบริเวณผู้ขับขี่ สะดวกสบาย ปลอดภัย
– ระบบปรับอากาศพร้อมระบบ Plasma Cluster ด้วยเทคโนโลยีปล่อยประจุบวก-ลบเพิ่มความสดชื่นตลอดการเดินทาง
– พร้อมปรับแยกอุณหภูมิแบบอัตโนมัติ 3 โซน ด้านซ้าย ด้านขวา และด้านหลัง เย็นสบายด้วยช่องแอร์ส่วนตัวทุกที่นั่ง


– จอ Touch Screen ด้านหน้า ขนาด 7 นิ้ว และจอสำหรับผู้โดยสารด้านหลังขนาด 10.2 นิ้ว
– เชื่อมต่อกับ ทั้ง ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ 2 ภาษา ภาษาไทยและภาษาอังกฤษ และเชื่อมต่อกับ
  เครื่องเล่น DVD CD และ MP3 พร้อมช่องต่อ USB IPOD AUX รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth  
– ปลอดภัยกับกล้องมองหลังและเซ็นเซอร์ 6 จุดรอบคัน

เครื่องยนต์ คุ้นหน้าคุ้นตากันดี จาก ใน Camry 2.4 ลิตร เป็นรหัส 2AZ-FE บล็อก 4 สูบ DOHC
16 วาล์ว 2,400 ซีซี 16 วาล์ว พร้อมระบบแปรผันวาล์ว VVT-i กำลังสูงสุด 170 แรงม้า (PS)
ที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 224 นิวตันเมตร (2.82 กก.-ม.) ที่ 4,000 รอบต่อนาที
ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตดนมัติ อัตราทดแปรผัน CVT พร้อมโหมด บวก-ลบ
ให้เลือกล็อก
อัตราทดเกียร์ได้เอง

ระบบกันสะเทือนหน้า เป็นแบบ อิสระแม็คเฟอร์สันสตรัทพร้อมเหล็กกันโคลง ส่วนด้านหลัง
เป็นแบบทอร์ชั่นบีม ปรับเซ็ตให้เน้นความนุ่มนวลในการเดินทางเป็นหลัก ระบบบังคับเลี้ยวเป็น
แบบแร็คแอนด์พีเนี่ยน พร้อมพวงมาลัยพาวเวอร์ไฟฟ้า EPS (Electronics Power Steering)
แปรผันน้ำหนักตามความเร็วรถ

ด้านอุปกรณ์ความปลอดภัยนั้น อัดแน่นมาให้อย่างมโหฬาร
– ถุงลม 9 จุด ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านข้าง 2 ตำแหน่ง แบบม่าน 4 ตำแหน่ง และที่เข่าผู้ขับขี่ 1 ตำแหน่ง  
– เข็มขัดนิรภัย ELR แบบ 3 จุด ทุกที่นั่ง พร้อมกลไกดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (Pretensioner &  
  Force Limiter) ในเข็มขัดนิรภัยคู่หน้า
– ระบบควบคุมการทรงตัวอัจฉริยะ(EPS-VSC) ที่ผสานระบบควบคุมพวงมาลัยและระบบควบคุมการทรงตัว
   ได้อย่างลงตัว ช่วยตรวจวัดระดับการทรงตัวและช่วยควบคุมรถในยามคับขัน ทั้งในทางโค้งและถนนเปียกลื่น
– ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS ป้องกันล้อล็อกและการลื่นไถลจากการเบรกกะทันหัน
– ระบบกระจายแรงเบรก EBD ปรับแรงดันน้ำมันเบรกอิสระทั้งสี่ล้อตามแรงกดในแต่ละล้อ
  เพื่อประสิทธิภาพในการลดระยะเบรกให้สั้นลง
– ระบบเสริมแรงเบรก(BA) ช่วยเพิ่มแรงดันน้ำมันเบรกอัตโนมัติในการเบรกกะทันหัน
– ระบบช่วยออกสตาร์ทในทางลาดชัน Hill Start Descent

นอกจากนี้แล้ว โตโยต้า ยังปรับโฉมให้กับรุ่น อัลฟาร์ด 3.5 V (รุ่นรองท็อป) ด้วยการเพิ่ม อุปกรณ์ต่างๆดังนี้

–  มูนรูฟ คู่
–  ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
–  กระจกมองข้างพับเก็บอัตโนมัติกระจกมองข้างปรับมุมอัตโนมัติเมื่อเข้าเกียร์ถอยหลัง
– เบาะนั่งด้านหลังแถวที่ 1 แบบ Smart Twin ปรับรวมเป็นที่นั่งคู่ได้ พร้อมระบบบริหารหลังไฟฟ้า 7 จุด  
– ประตูคู่หน้าหุ้มหนังพร้อมตกแต่งด้วยลายไม้
– เสาภายในห้องโดยสารและในช่องเก็บของหุ้มสักหลาด
– ช่องเก็บของบริเวณคอนโซลกลางแบบเลื่อนได้
– ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ แบบแยกปรับอุณหภูมิอิสระ 3 โซน พร้อมระบบฟอกอากาศ Plasma Cluster
– ระบบหมุนเวียนอากาศอัตโนมัติ และช่องแอร์ส่วนตัวสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
– เบาะนั่งแถวที่ 2 สามารถปรับเลื่อนไปด้านหน้าเพื่อเพิ่มพื้นที่เก็บของด้านหลัง

 

สีวถังมีให้เลือก 4 สี คือ
Gold Pearl Crystal (เฉพาะรุ่น 3.5 Q) / White Pearl Crystal / Silver Metallic / Black

ราคาขายอย่างเป็นทางการ
– รุ่น 3.5Q    ราคา    4,489,000 บาท
– รุ่น 3.5V    ราคา    3,999,000 บาท
– รุ่น 2.4V    ราคา    3,199,000 บาท

 

คุณวุฒิกร สุริยะฉันทนานนท์  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส  บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด
กล่าวว่า “การแนะนำรถยนต์โตโยต้า อัลฟาร์ด 2.4V จะเป็นการเติมเต็มความสมบูรณ์ของอัลฟาร์ด ให้กับ
ลูกค้าที่ชอบความคุ้มค่า ด้วยเครื่องยนต์ขนาด 2400 ซีซี ที่โดดเด่นทั้งความประหยัดและสมรรถนะการขับขี่
รูปลักษณ์ภายนอกที่หรูหรา มีรสนิยม อุปกรณ์ภายในและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆได้รับการติดตั้ง
ให้เหมาะสมกับการใช้งานในเมืองไทย อาทิ ภาษาบนปุ่มควบคุมต่างๆเป็นภาษาสากล เบาะนวดไฟฟ้า
7 จุดสำหรับผู้โดยสาร ระบบนำทางเนวิเกเตอร์ที่รองรับทั้งภาษาไทยและอังกฤษ การรับประกันคุณภาพ
สูงสุด 3 ปี หรือ 100,000 กิโลเมตร พร้อมศูนย์บริการมาตรฐานที่มากถึง 311 แห่งทั่วประเทศ ทั้งหมดนี้
ทำให้โตโยต้า อัลฟาร์ด คุ้มค่าเหมาะสมกับลูกค้าชาวไทยอย่างแท้จริง”

ลูกค้าที่สนใจ เชิญได้ที่ โชว์รูม โตโยต้า ทั้ง 311 แห่งทั่วประเทศไทย ได้ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

————————————————–///———————————————————–