สถานการณ์เศรษฐกิจในทวีปยุโรปเริ่มแผลงฤทธิ์ขมวดปมจนยากจะแก้ไขเข้าไปทุกทีแล้ว หลังจากมีความพยายาม
ในการแก้ไขปัญหาจากหลายๆประเทศในทวีปยุโรปตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่เห็นทีท่าว่าจะพลิกฟื้น
กลับมาดีขึ้นเหมือนเดิม จนเริ่มจะส่งผลต่อวงการต่างๆไม่เว้นแม้กระทั่งวงการรถยนต์ ดังที่จะเห็นได้ว่ามีหลายค่าย
เริ่มขยับตัวเพื่อสร้างความอยู่รอด ค่ายใหญ่อย่าง Volkswagen เองก็ดูจะเป็นห่วงสถานการณ์ในขณะนี้อยู่ไม่น้อย
ทีเดียว จนล่าสุดต้องออกมาเปรย เตือนค่ายรถยนต์ร่วมวงการว่า หากภาครัฐไม่เข้าไปช่วยเหลือละก็ มีสิทธิ์เข้าสู่
ภาวะล้มละลายอย่างช่วยไม่ได้

alt

Hans Dieter Poetisch กรรมการบริหารด้านการเงินของค่าย Volkswagen ได้ออกมารายงานกับ Automotive
News แสดงความเป็นห่วงเป็นใยปนเหน็บแนมเล็กน้อย ต่อค่ายรถยนต์สัญชาติยุโรปบางค่ายในตอนนี้ ช่างเสี่ยงต่อ
การปิดกิจการเหลือเกิน ยิ่งถ้าหากไม่มีความช่วยเหลือจากภาครัฐ ก็อาจจะต้องปิดตัวลงเฉียบพลัน โดยเฉพาะบรรดา
ค่ายรถยนต์ในยุโรปตอนใต้ที่มีรถยนต์ขนาดเล็กเป็นพระเอกของค่าย ยิ่งน่าเป็นห่วงเป็นพิเศษ

แม้ Poetisch จะไม่ได้เจาะจงว่าพูดถึงค่ายไหน แต่การเอ่ยถึง ‘ค่ายรถยนต์ยุโรปตอนใต้ที่มีรถยนต์ขนาดเล็ก
เป็นรุ่นขายดี’ คงจะหนีไม่พ้นการหมายถึงกลุ่ม PSA/Peugeot-Citroen ที่ล่าสุดต้องปิดโรงงานผลิตรถยนต์
และปลดพนักงานหลายตำแหน่งด้วยกัน

alt

ซึ่งกรรมการบริหารของกลุ่ม PSA/Peugeot-Citroen ได้ออกมาให้ความเห็นว่าตนเองมีความเป็นห่วงกับ
สถานการณ์เศรษฐกิจยุโรปในขณะนี้จริง แต่ค่ายรถยนต์ยุโรปอื่นๆก็ต้องปิดโรงงานและปลดพนักงานออกเหมือน
กับค่ายของตนด้วยเช่นกันในไม่ช้านี้ และเชือดกลับนิ่มๆเพียงแค่ว่า คู่แข่งของเราบางรายขาดทุนกับรถยนต์ทุก
คันที่ขายออกไปมากกว่าเราเสียอีก

ในขณะที่ค่าย Renault เองก็กล่าวว่า การเพิ่มยอดจำหน่ายและส่งมอบรถยนต์ในยุโรปปีนี้ให้ถึงเป้าที่คาดการณ์ไว้
ค่อนข้างเหนื่อยกว่าปกติ เพราะสถานการณ์เศรษฐกิจไม่มีทีท่าจะดีขึ้นเลย และไม่แน่ว่าในปีหน้าอาจจะแย่ลงด้วยซ้ำ
โดย Carlos Ghosn ผู้นำของค่ายเพชรน้ำหนึ่งนี้ ได้คาดการณ์ว่าปีนี้ตลาดรถยนต์ในประเทศฝรั่งเศสจะลดลง 13%
และภาพรวมของตลาดรถยนต์ในยุโรปจะหดตัวลง 7-8% อย่างไรก็ตาม ค่าย Renault ยังไม่มีแผนปลดพนักงาน
หรือปิดโรงงานในตอนนี้

นอกจากนี้ Poetisch จากค่าย VW ยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ตลาดรถยนต์ยุโรปอาจถึงจุดตกต่ำที่สุดในอนาคตอันใกล้นี้
ก่อนที่จะพลิกสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดจะเป็นอย่างไร และเราอาจได้เห็น
การจากไปของค่ายรถยนต์ยุโรปไปบ้างหรือไม่ ต้องติดตามให้ดีในช่วง 2 ปีต่อจากนี้ครับ เพราะถ้าหากใครสะดุดล้ม
แล้วละก็ เราอาจไม่ได้เห็นเขาลุกขึ้นยืนในสมรภูมิรถยนต์ยุโรปอีกเลยก็เป็นได้