นับวันเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าก้าวหน้าและก้าวล้ำขึ้นเรื่อย ๆ เสียจนเราเกือบจะตามไม่ทัน ยังดีนี่เป็นแค่ช่วงเริ่มต้นเทคโนโลยีรถไฟฟ้าเท่านั้น ทำให้พวกเราและคุณผู้อ่านสามารถติดตามและเข้าใจในเทคโนโลยีดังกล่าวได้ระดับหนึ่ง ซึ่งพวกเรามักจะไปเน้นจุดสนใจในเทคโนโลยีการปั่นกำเนิดไฟฟ้า เช่น มอเตอร์ไฟฟ้าและไดนาโมพลังงานจลน์จากการขับเคลื่อน รวมไปถึงเทคโนโลยีเก็บประจุไฟฟ้าหรือเรียกสั้น ๆ ว่าแบตเตอรี่ซึ่งมีส่วนสำคัญในการกำหนดระยะทางวิ่งสูงสุดอีกด้วย

หากจะให้หาวิธีการขยายระยะทางวิ่งสูงสุดให้มากกว่าปัจจุบันที่มีระยะทางวิ่งสูงสุดเฉลี่ย 150 กิโลเมตรโดยที่เทคโนโลยีประจุแบตเตอรี่ยังไม่มีวัสดุทดแทนที่ดีกว่าแล้วล่ะก็คงจะบรรลุเป้าหมายยากในระยะสั้นเพียงแค่ 2 ปีนี้แน่ ดังนั้นการคิดวิธีพลิกแพลงบางอย่างเพื่อเพิ่มประจุแบตเตอรี่จึงเป็นสิ่งสมควรทำอย่างยิ่ง เมื่อทำสำเร็จก็จะยิ่งผนวกกับเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่ล้ำหน้าขึ้นภายใน 5-10 ปีข้างหน้าก็จะทำให้รถยนต์ไฟฟ้าตอบโจทย์ประชากรโลกได้สมบูรณ์แบบ 100% เสียที
โครงการวิจัยการเพิ่มประจุแบตเตอรี่ด้วยวิธีพลิกแพลงจึงกำเนิดขึ้นโดยวิทยาลัย Imperial ประจำกรุงลอนดอนสหราชอาณาจักรร่วมมือกับบริษัทเอกชนและสำนักวิจัยชั้นนำทั่วยุโรปมากถึง 9 องค์กร หนึ่งในองค์กรเอกชนชั้นนำมีค่ายรถยนต์ Volvo ร่วมเป็นโต้โผสนับสนุนการวิจัยและพัฒนาวิธีการพัฒนาประจุแบตเตอรี่ที่ดีที่สุดสำหรับยานยนต์ ซึ่งเริ่มโครงการนี้มาตั้งแต่ปี 2007 มาแล้ว
ผลสรุปการวิจัยสามารถแสดงวิธีขยายประจุแบตเตอรี่ได้ด้วยวิธีการบรรจุ Polymer Resin ที่สามารถเก็บประจุไฟฟ้าได้ในตัวลงในชั้นกลางของชิ้นส่วนตัวถังที่ทำมาจากวัสดุ Carbon Fiber อันเป็นวัสดุแห่งอนาคตมีประโยชน์สำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ในภายภาคหน้าด้วยจุดเด่นน้ำหนักเบากว่าโลหะ แต่มีความแข็งแรงยิ่งกว่า
ผลลัพธ์ที่ได้รถยนต์ไฟฟ้าที่ผ่านโครงการวิจัยนี้สามารถลดน้ำหนักตัวถังลงได้ 15% โดยยังรักษาความแข็งแกร่งของตัวถังไว้เช่นเคย แต่นั่นเป็นแค่ผลลัพธ์ทางอ้อมเท่านั้น หากเทียบกับนวตกรรมที่สามารถประยุกต์ไปยังรถไฟฟ้าในอนาคตซึ่งอาจจะขยายระยะทางวิ่งได้มากขึ้นอีก 1 เท่าตัวเมื่อผนวกกับแบตเตอรี่รถไฟฟ้าในปัจจุบัน หรือหากผู้ผลิตไม่เป็นห่วงเรื่องระยะทางการวิ่งนัก อาจจะไม่จำเป็นต้องติดตั้งแบตเตอรี่มาตรฐานไว้ก็ได้ เพียงแค่ใช้ชิ้นส่วนตัวถังที่ซ่อนแร่ประจุไฟฟ้าในตัวนี้เท่านั้น
Volvo ยังกล่าวไว้อีกว่าความสำเร็จงานวิจัยชิ้นนี้อาจเปลี่ยนโลกอุตสาหกรรมอื่นอย่างไม่คาดถึงก็เป็นได้ ยกตัวอย่าง โทรศัพท์มือถืออาจจะถูกย่อส่วนลงอีกเพราะธาตุประจุไฟฟ้าซ่อนอยู่ในวัสดุเครื่องแล้ว เป็นต้น
เทคโนโลยีล้ำหน้าพร้อมใช้งานได้เช่นนี้ มีความเป็นไปได้สูงมากว่าเทคโนโลยีนี้จะถูกนำมาใช้ในรถยนต์ไฟฟ้า Volvo อีก 5 ปีข้างหน้าครับ