เห็นทีคำขวัญประจำใจ “ทุกชีวิตปลอดภัยใน Volvo” อันเป็นคติที่ติดหูสมัยรุ่นคุณปู่ คุณย่าจนถึงรุ่นคุณพ่อวัยกลางคน
ตลอดมาจะเริ่มใช้ไม่ได้ในยุคปัจจุบันเสียแล้ว ผู้เขียนไม่ได้หมายความว่า Volvo กลายเป็นรถที่ไร้ความปลอดภัยโดย
สิ้นเชิง ไม่ใช่เช่นนั้นแน่ครับ แต่ Volvo ยังสร้างสรรค์เทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้นจนทุกคนคาดไม่ถึงต่างหาก และ
ถือยังเป็นนวัตกรรมสำหรับปกป้องทุกมวลมนุษยชาติเช่นกัน

ล่าสุด Volvo ได้เปิดตัวนวัตกรรมความปลอดภัยสุดล้ำ “ถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนน” (Pedestrian Airbag)
นวัตกรรมหนึ่งเดียวที่สร้างสรรค์เพื่อปกป้องชีวิตคนเดินทางเท้าให้ลดการบาดเจ็บหลังถูกรถยนต์ Volvo ชนซึ่ง Volvo ได้
ติดตั้งนวัตกรรมนี้ในรถยนต์คอมแพคท์สุดเฉี่ยว Volvo V40 ที่เพิ่งตัวครั้งแรกในโลกในงาน Geneva Motorshow 2012
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา

Volvo ได้รายงานว่าจากสถิติการเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์พบว่า โดยในประเทศจีน คนเดินถนนที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทาง
รถยนต์คิดเป็น 25% ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ทั้งหมด ส่วนในยุโรปมี 14% และในสหรัฐอเมริกา 12%
นอกจากนี้ จำนวนคนที่บาดเจ็บมีอีกมากมาย

alt

การบาดเจ็บขั้นรุนแรงที่ศีรษะของคนเดินถนนส่วนใหญ่ เป็นเพราะเมื่อเกิดอุบัติเหตุ ตัวผู้ถูกชนมักกระเด็นขึ้นไปบนฝา
กระโปรงรถและศีรษะไปกระแทกกับกระจกหน้ารถ คานโครงสร้างด้านหน้าหรือเสา A-Pillar และส่วนที่เป็นโลหะแข็งใต้
ฝากระโปรงรถ

จากสถิติดังกล่าว Volvo จึงได้พยายามพัฒนารถยนต์ที่มีถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนน ที่มีจุดประสงค์เพื่อช่วยปกป้อง
คนเดินถนนเมื่อเกิดการชนที่ด้านหน้ารถ และการกระแทกบริเวณที่ปัดน้ำฝนและเสา A-Pillar ซึ่งเป็นบริเวณที่มักทำให้
เกิดการบาดเจ็บที่ศีรษะอย่างรุนแรง

หลักการทำงานของถุงลมนิรภัยอัจฉริยะนี้ ประกอบด้วย 2 ส่วน คือ การทำงานของฝากระโปรงและถุงลมนิรภัย คือ เมื่อ
เกิดอุบัติเหตุ ฝากระโปรงหน้ารถจะยกตัวขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้คนที่ถูกชนกระแทกเข้ากับส่วนที่โลหะแข็งเช่น เครื่องยนต์ที่
อยู่ใต้ฝากระโปรงรถ ขณะเดียวกันก็จะมีถุงลมนิรภัยจากใต้ฝากระโปรงที่ขอบล่างของกระจกกันลมหน้าพองตัวออกมา
บรรเทาแรงกระแทกให้กับผู้ประสบอุบัติเหตุ

การทำงานของถุงลมนิรภัยนี้ ต้องอาศัยเซ็นเซอร์ 7 ตัวซึ่งติดอยู่บริเวณกันชน ทำหน้าที่ตรวจจับคนเดินถนน หรือวัตถุ เมื่อ
รถชนวัตถุ ก็จะส่งสัญญาณไปยังหน่วยควบคุม และหากหน่วยควบคุมอ่านได้ว่าวัตถุที่ชนนั้นเป็นขาคน ก็จะสั่งการให้ฝา
กระโปรงหน้ารถดันตัวขึ้น 10 เซ็นติเมตร เพื่อให้เกิดช่องว่างระหว่างเครื่องยนต์และฝากระโปรง ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงที่
ตัวของผู้ประสบอุบัติเหตุจะกระแทกกับเครื่องยนต์ซึ่งมีความแข็งมาก โดยในกระบวนการทำงาน Volvo ได้ติดตั้งระบบ
พิเศษที่จะดึงสลักและปลดล็อคด้านหลังของแผ่นฝากระโปรงหน้า ตรงจุดที่ติดกับกระจกหน้ารถ เพื่อให้ฝากระโปรงยกตัว
สูงขึ้นเมื่อถุงลมนิรภัยทำงาน

ขณะเดียวกัน หน่วยควบคุมจะสั่งการให้ถุงลมนิรภัยพองตัวออกด้วยความเร็วสูง ใช้เวลาเพียงเศษเสี้ยวของวินาที โดยถุง
ลมที่พองตัวเต็มที่แล้วจะคลุมบริเวณที่ปัดน้ำฝนทั้งหมด พื้นที่ประมาณ 1 ใน 3 ของกระจกหน้า และด้านล่างของเสา
A-Pillar ถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนนดังกล่าวจึงทำหน้าที่ 2 ประการ คือ ยกฝากระโปรงหน้า และคลุมส่วนที่แข็งของรถ
ไว้เพื่อป้องกันการบาดเจ็บรุนแรงของผู้ประสบอุบัติเหตุ

นอกจากนี้ เมื่อฝากระโปรงหน้ารถยกตัวขึ้น จะเกิดพื้นที่ว่างข้างใต้ เมื่อเกิดแรงกระแทก ฝากระโปรงจะยุบตัวลง ซึ่งจะผ่อน
แรงกระแทกจากตัวผู้ประสบอุบัติเหตุได้มาก

ถุงลมนิรภัยสำหรับคนเดินถนนจะทำงานเมื่อรถยนต์วิ่งด้วยความเร็วระหว่าง 20-50 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทั้งนี้ อุบัติเหตุที่
เกิดกับคนเดินถนนมักเกิดขึ้นเมื่อรถวิ่งด้วยความเร็วไม่เกิน 40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

และในถุงลมนิรภัยจะประกอบด้วยเครื่องอัดแก๊สและถุงลม เมื่อระบบทำงาน เครื่องอัดแก๊สจะอัดแก๊สเข้าไปในถุงลมจน
เต็มภายในเวลาเสี้ยววินาทีเท่านั้น

นวัตกรรมครั้งนี้ ถือเป็นความก้าวหน้าครั้งใหม่ที่ต่อเนื่องมาจากระบบตรวจจับคนเดินถนนพร้อมระบบเบรกแบบเต็มแรง
เบรก (Pedestrian Detection with Full Auto Brake) ซึ่งเป็นนวัตกรรมเพื่อความปลอดภัยครั้งแรกของโลกที่ช่วยให้
หยุดรถได้โดยอัตโนมัติเมื่อมีคนเดินถนนกำลังเดินเข้ามาในทิศทางเดียวกันกับรถ และติดตั้งเป็นครั้งแรกใน S60

ส่วนรถยนต์ Volvo V40 จะได้ยลโฉมในอาเซียนเมื่อไรนั้นคงต้องรอคำตอบกันสักพักหนึ่งครับ