แฟนๆค่ายงูกินคนแห่งอิตาลีมีเฮ เมื่อ Alfa Romeo จัดงานเผยโฉม 2016 Alfa Romeo Giulia อย่างยิ่งใหญ่
ณ พิพิธภัณฑ์ของค่ายในเมือง Arese บ้านเกิดของแบรนด์ในอิตาลี แสดงให้เห็นถึงความพร้อมที่กลับมาสู้
ในตลาด Compact Executive และเป็นเสมือนสัญญาณการฟื้นของแบรนด์หลังมีข่าวว่าอาจต้องถูกขายให้กับ
Volkswagen ไปเมื่อเร็วๆนี้

Alfa_Romeo-Giulia_2016_0a Alfa_Romeo-Giulia_2016_06

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2011 เมื่อ Alfa Romeo 159 ไม่สามารถสานต่อความสำเร็จจาก 156 ได้ จนต้องถอนตัว
ออกจากตลาดพอๆกันกับที่ตลาดรถเก๋งของ Alfa Romeo เริ่มซบเซาพอดี ทั้ง 166, Brera หรือ GT ต่างทยอย
ยุติบทบาทไป นั่นทำให้ Alfa ขาดรถเก๋งทำตลาดในแทบจะทุกตลาดที่ตัวเองเคยมี จนทำให้หลายคนเป็นห่วง
กับสถานการณ์ Alfa Romeo แม้จะมี MiTo และ Giulietta หรือ 4C, 8C มาช่วยกู้ชื่อบ้างก็ตาม

ใครเล่าจะรู้ว่า แท้จริงแล้ว Alfa ซุ่มทำการบ้านของตัวเองต่างหาก เพราะการแข่งขันในตลาดพรีเมี่ยมสูงขึ้นมาก
ทำให้คุณภาพของตัวรถในทุกๆด้านมีความสำคัญ รวมไปถึงต้องบริหารทุนในการวิจัยและพัฒนา จนออกมาเป็น
Alfa Romeo Giulia อันเป็นการปัดฝุ่นชื่อเก่าที่ใช้ทำตลาดเมื่อปี 1968 อีกครั้ง นัยเพื่อปลุกความขลังของแบรนด์ในอดีต

Alfa_Romeo-Giulia_2016_01

งานดีไซน์ของตัวรถทั้งหมด ดูแปลกตาไปมากจาก 159 มีความโค้งมนแต่ดูปราดเปรียวมากขึ้น เพราะใช้สัดส่วน
ตัวรถที่แตกต่างไป เน้นช่วงหน้ารถที่ยาว แต่ระยะโอเวอร์แฮงก์หน้าสั้น โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจาก
‘Giulietta Sprint’ รถคูเป้ รุ่นดังในอดีต ด้านหน้ายังคงเอกลักษณ์กระจังหน้า 3 เหลี่ยมเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
แต่มีการปรับงานดีไซน์ให้ดูล้ำสมัยขึ้น และ Alfa Romeo ถือโอกาสเปิดตัวโลโก้ใหม่ไปด้วยในตัว
ยังคงรายละเอียดในโลโก้เหมือนเดิม แต่ปรับฟอนต์ใหม่ให้ร่วมสมัยขึ้น

ด้านข้างมีเส้นสายน้อย แต่ดูมีมัดกล้ามคล้ายนักกีฬา ในบางมุมเหมือนผสมงานดีไซน์ระหว่าง Mazda3 โฉมล่าสุด
เข้ากับ Maserati Ghibli อย่างช่วยไม่ได้ รูปลักษณ์ด้านท้ายไม่มีไฟท้ายเรียวยาวอันเป็นเอกลักษณ์ตั้งแต่รุ่น 156 แล้ว
เปลี่ยนมาใช้ไฟท้าย LED พร้อมโคมดีไซน์ทรงเพชรแทน

Alfa_Romeo-Giulia_2016_04

Alfa Romeo เลือกที่จะเปิดตัว Giulia ด้วยรุ่นสมรรถนะสูงในชื่อ ‘Quadrifoglio’ (ดอกไม้สี่แฉก หรือ Cloverleaf)
กันก่อน เพื่อประกาศความยิ่งใหญ่ พร้อมประกบ BMW M3 จึงไม่แปลกใจที่จะได้เห็นงานดีไซน์เน้นความสปอร์ต
ทั้งกันชนหน้าพร้อมช่องระบายอากาศขนาดเขื่อง ล้อลายดอกไม้สีดำ ไปจนถึงครีบรีดอากาศและท่อไอเสียแบบ
4 ท่อ ในด้านท้าย ซึ่งในรุ่นปกติจะไม่มีสิ่งเหล่านี้อย่างแน่นอน

สำหรับตอนนี้ ยังไม่มีการปล่อยภาพภายในห้องโดยสารออกมา (มีเพียงภาพ CG หลุดออกมาตามอินเตอร์เน็ตเท่านั้น)
แต่ Alfa Romeo กล่าวว่า การออกแบบจะเน้นไปที่ผู้ขับขี่เป็นหลัก ทั้งพวงมาลัยมัลติฟังก์ชั่นที่ควบคุมตัวรถได้
คล้ายกับในรถแข่งสูตร 1 พร้อมกับระบบอินโฟเทนเมนต์ครบครัน ตกแต่งด้วยวัสดุพรีเมี่ยมหลากหลาย เช่น
คาร์บอนไฟเบอร์ ไม้ อะลุมิเนียม รวมไปถึงปุ่มเลือกโหมดขับขี่ Alfa DNA ซึ่งเป็นครั้งแรกของ Alfa ที่มีโหมด
การขับขี่เน้นความประหยัดมาให้เลือกใช้กัน

ขุมพลังเป็นอาวุธเด็ดที่ Alfa Romeo ภูมิใจมาก เพราะในรุ่น Giulia Quadrifoglio จะได้ใช้เครื่องยนต์
ที่ร่วมพัฒนากับ Ferrari จนได้เครื่องเบนซิน V6 พร้อมเทอร์โบ ให้กำลังสูงสุดถึง 510 แรงม้า พร้อมระบบพักลูกสูบ
โดยยังอุบระบบส่งกำลังออกมา แต่ปล่อยตัวเลขสมรรถนะออกมาว่า ทำตัวเลข 0-100 กม./ชม. ได้ในเวลาเพียง 3.9 วินาที(!)

 

Alfa_Romeo-Giulia_2016_05

นอกจากนี้ยังมีการออกแบบเพื่อลดน้ำหนักจนทำให้สามารถแบ่งอัตราส่วนน้ำหนักหน้า-หลังได้ 50:50 พอดี
และมีอัตราส่วนแรงม้า-น้ำหนักอยู่ที่ 3 กิโลกรัม/แรงม้า ทั้งนี้ น้ำหนักที่เบาลงเป็นผลจากการนำวัสดุชั้นสูงเช่น
คาร์บอนไฟเบอร์ อะลุมิเนียมคอมโพสิท ฯลฯ มาใช้ในหลายๆจุด เช่น โครงเบาะนั่ง ฝากระโปรงหน้า หลังคา

สำหรับเทคโนโลยีใหม่ที่นำมาใช้กับรถรุ่นนี้ ได้แก่ระบบ Active Aero Splitter ช่วยจัดการไหลเวียนอากาศ
ด้านหน้าเพื่อเพิ่มแรงกดในความเร็วสูง รวมถึงระบบ Torque Vectoring พร้อมคลัทช์คู่เพื่อแบ่งแรงบิด
สู่ล้อหลังแต่ละข้างได้อย่างอิสระ เพิ่มความเกาะถนน

นี่เป็นเพียงไฮไลท์ของ 2016 Alfa Romeo Giulia ที่แสดงให้เห็นถึงความเต็มที่ในการกลับคืนสังเวียนรถซีดาน
อีกครั้ง หลังจากนี้จะมีรายละเอียดของรุ่นปกติที่ตั้งใจประกบ BMW 3-Series, Mercedes-Benz C-Class,
Jaguar XE ออกมาให้เห็นกัน ซึ่ง Headlight Magazine จะนำมาอัพเดทให้ทราบอย่างแน่นอน