สำนักแต่งคู่บารมีค่ายใบฟ้าขาวมีอายุครบรอบ 50 ปีทั้งทีจะไม่มีรุ่นพิเศษออกมาก็ใช่ที่ Alpina B5 Bi Turbo จึงถูก
นำมาตกแต่งเพิ่มเติมทั้งเก็บรายละเอียดทั้งภายนอกและภายในแถมยังมีการเพิ่มความแรงในเรื่องสมรรถนะ ในปริมาณ
การผลิตจำนวนจำกัดเพียง 50 คันเท่านั้นและมีให้เลือกทั้งแบบรถ Sedan และ Touring

BMW_ALPINA_B5_BITURBO_EDITION_50_02

ถ้าไม่ใช่แฟนพันธ์แท้นี่แทบแยกไม่ออกเลยว่าคันไหนเป็น B5 Bi Turbo ธรรมดาคันไหนเป็นรุ่น Edition 50 มาเริ่มกันที่
สีภายนอกก่อนซึ่งมีให้เลือกเพียง 2 สีซึ่งก็คือสีเขียวและสีน้ำเงิน ล้อ Forged ขนาด 20 นิ้วลาย Alpina Clasic ซึ่งพิเศษ
ตรงที่ว่าตรงขอบล้อจะปั๊มตรา Edition 50 มาให้เมื่อมองเข้าไปจะพบกับเบรก 4 Pot ชุดใหม่จาก Brembo พร้อมจาน
ขนาด 395 มม. สุดท้ายคือ Sticker คาดข้างตัวถังที่เป็นสีเดียวกับตัวรถซึ่งแฟนๆน่าจะทราบกันดีว่าปกติจะมีแต่สีขาว
หรือสีทองเท่านั้น

BMW_ALPINA_B5_BITURBO_EDITION_50_03

ภายในจะพบกับเบาะที่ตกแต่งใหม่ด้วยหนังสีดำส่วนตรงกลางเบาะนั้นจะเป็นหนังสีเขียว Forest Green เดินด้ายสีเหลือง
และดำซึ่งการตกแต่งแบบนี้ยกมาจาก B7 S Turbo Coupe ปี 1982 ส่วนที่คอลโซลหน้าจะลงสี Piano Black มาให้พร้อมกับ
สัญลักษณ์ประจำรุ่นและลายเซ็น Burkard Bovensiepen ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งและกันเตะธรณีประตูมีตรา Edition 50 มาให้ด้วย
นอกจากนี้ยังมีพวงกุญแจที่มากับตรา Alpina และเลข serial number ของคันนั้นๆมาด้วย

BMW_ALPINA_B5_BITURBO_EDITION_50_04

เครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ตัวเดิมนำมารีดกำลังเพิ่มด้วยการเปลี่ยนลูกสูบ, เทอร์โบ, intercooler, ระบบหล่อเย็น, เดินท่อไอดี,
และชุดท่อไอเสียไททาเนียมทั้งชุดที่เบาลงกว่าเดิม 17 กิโลกรัมจนได้กำลังสูงสุด 600 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที และ
แรงบิดสูงสุด 81.57 กก-ม. (800 นิวตันเมตร) ที่ 3,500-4,500 รอบ/นาที จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ ZF 8 จังหวะซึ่งถ่ายทอด
กำลังทั้งหมดลงล้อคู่หลัง

BMW_ALPINA_B5_BITURBO_EDITION_50_05

กำลังที่เพิ่มขึ้นจากเดิมมา 60 แรงม้า (PS) และ 7.13 กก-ม. (70 นิวตันเมตร) ทำให้สมรรถนะอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ลดลงไปอยู่ที่ 4.2 วินาทีส่วนความเร็วสูงสุดนั้นไม่มีการจำกัดอีกต่อไปเพราะสามารถกดไปจนถึง 328 กิโลเมตร/ชั่วโมง
สำหรับตัวถัง Saloon และ 323 กิโลเมตร/ชั่วโมงในตัวถัง Touring

 

ที่มา : topgear , alpina