สรุปข้อมูล ข้อดีและข้อควรปรับปรุง รวมรีวิวเบื้องต้น
รถยนต์นั่งกลุ่ม ECO Car 1,000 – 1,200 ซีซี ตัวถัง Sedan 4 ประตู
และ Hatchback 5 ประตู เรียงลำดับจาก วัน เดือน ปี ที่เปิดตัวเป็นหลัก

alt

NISSAN MARCH (K13)

เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่เมืองไทย เมื่อ 12 มีนาคม 2010

14 มีนาคม 2012 : ปรับอุปกรณ์ เป็นรุ่นปี Model Year 2012
เพิ่ม สีตัวถังใหม่ ม่วง พลัม เพิ่มช่องเก็บของพร้อมฝาปิดบริเวณ
แผงหน้าปัดฝั่งผู้โดยสารด้านหน้าซ้าย หมอนรองศรีษะเบาะหลัง
และเบาะหลังปรับให้พับได้ 60:40 (เดิม แยกพับไม่ได้ ต้องพับ
ลงมาทั้งแผง) ส่วนรุ่น Sports version ติดตั้งสเกิร์ตข้าง กับเบาะนั่ง
สีดําใหม่

พฤศจิกายน 2012 ออกรุ่นพิเศษ สีแดง Radiant Red Limited Version
จำนวนจำกัดเพียง 500 คันเท่านั้น ตกแต่งเพิ่มเติม ปลายท่อไอเสีย,
ชุดคิ้วบันไดสแตนเลส, กระจังหน้าแบบสปอร์ต และ สัญญาณเตือน
กะระยะถอยหลัง 2 จุด โดยขายราคาเท่าเดิม

22 มีนาคม 2013 ปรับโฉม Minorchange
เปลี่ยนกระจังหน้าแบบ V-shape  ไฟหน้าแบบใหม่ ทูโทนและ
โครเมียมภายในโคม เปลือกกันชนหน้า-หลังออกแบบใหม่ พร้อม
ไฟตัดหมอก  เปลี่ยนลายไฟท้ายใหม่ เพิ่มไฟเบรกดวงที่สามแบบ
LED  ล้ออัลลอยลายใหม่ 15 นิ้ว ส่วนห้องโดยสารเพิ่มสีเบจ ทูโทน
(เฉพาะรุ่น V และ VL) เปลี่ยนวัสดุหุ้มเบาะใหม่ แผงควบคุมกลาง
เปลี่ยนเป็นสีดำ Piano Black ส่วนรุ่น E ยังคงสีภายในสีดำและ
วัสดุที่ได้รับการปรับปรุงให้ดีขึ้นเช่นกัน มาตรวัด ล้อมกรอบด้วย
โครเมี่ยม เพิ่มสวิตช์ควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย ช่องเชื่อมต่อ
USB เพิ่มไฟในห้องเก็บสัมภาระ และเบาะหลังปรับแยกพับได้
60:40  ทุกรุ่น เพิ่มเครื่องปรับอากาศอัตโนมัติ กระจกมองข้างพับ
เก็บอัตโนมัติเมื่อล็อครถ เซ็นเซอร์กะระยะถอยหลัง 4 จุดและ
มาตรวัดอัจฉริยะ ทุกรุ่นติดตั้ง ถุงลมนิรภัย SRS คู่หน้า ส่วน
ระบบเบรก ABS EBD BA มีตั้งแต่รุ่น E เป็นต้นไป

พฤศจิกายน 2013 ออกรุ่น Smart Edition อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
ของแท้จากนิสสัน เพิ่มเงินเพียง 3,500 บาท (จากราคาเต็ม 13,500 บาท)
มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวและสีดำ โดยนำรุ่น E CVT มาตกแต่ง

18 สิงหาคม 2014 เพิ่มสีตัวถังใหม่ ฟ้า Capri Blue

ตุลาคม 2014 ออกรุ่น Limited Edition เปลี่ยนกระจังหน้าใหม่
คล้ายเวอร์ชั่น Bolero ที่ขายในประเทศญี่ปุ่น ราคาเพิ่มจากรุ่นปกติ
9,000 บาท จำนวนจำกัด 600 คัน มี 3 สีให้เลือกคือ สีขาว สีดำ และสีเขียว

ราคาขาย ( update 6 พฤษภาคม 2015 )

S MT                                     388,000 บาท
E MT                                    447,000 บาท
E MT Limited Edition      456,000 บาท
E CVT                                  481,000 บาท
E CVT Smart Edition       484,500 บาท
E CVT Limited Edition    490,000 บาท
EL CVT                                509,000 บาท
EL CVT Limited Edition  518,000 บาท
V CVT                                   528,000 บาท
VL CVT                                558,000 บาท

ข้อดี :

– ตัวรถออกแบบ เน้นบุคลิก User Friendly เป็นมิตรกับผู้ใช้
– ทัศนวิสัย โปร่ง โล่งสบาย
– พื้นที่ห้องโดยสาร ใหญ่พอให้คนตัวสูงเข้าไปนั่งได้สบาย
– อัตราเร่ง รุ่นเกียร์ธรรมดา ทำได้ดี
– ประหยัดน้ำมัน อันดับต้นๆของกลุ่ม ECO Car Hatchback
– ข้อด้อยต่างๆ เช่นเรื่องเบาะหลังแยกพับ 60:40 ไม่ได้ และ
อุปกรณ์ต่างๆ ที่ลูกค้าเคยเรียกร้อง ถูกแก้ไขมาให้จนคุ้มค่า
– สีตัวถัง มีให้เลือก อย่างเปรี้ยวจี๊ด สะใจ

ข้อที่ควรปรับปรุง

– พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า ตอบสนอง ไร้ชีวิตชีวา ไม่แม่นยำพอ
เบาไปในช่วงความเร็วสูง
– ช่วงล่าง พอใช้งานได้ในเมือง แต่ไม่น่าไว้วางใจในช่วงความเร็วสูง
(แม้จะดีกว่า Mirage นิดหน่อยก็ตาม)
– พัดลมหม้อน้ำ ไม่ทนทานพอ (อาการเดียวกับ Almera)
– ความทนทานของชิ้นส่วนต่างๆ ลดน้อยลง
– พนักศีรษะด้านหลัง ควรทำออกมาให้สูงกว่านี้สักหน่อย
– เหลือเวลาอีก 2 ปี ก็จะหมดอายุตลาด อาจไม่มีรุ่นเปลี่ยนโฉม
แต่น่าจะมีรุ่นอื่นมาทำตลาดแทน

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่ / More Info, Click Here
Full Review : Nissan March

alt

HONDA BRIO

เผยโฉมเวอร์ชันต้นแบบครั้งแรก งาน Motor Expo พฤศจิกายน 2010
เปิดตัวครั้งแรกในโลก ที่เมืองไทย 17 มีนาคม 2011

17 กรกฎาคม 2013 เพิ่มรุ่นย่อย V Limited
(เพิ่มไฟตัดหมอกคู่หน้า เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัส พร้อมระบบนำทาง
NAVI USB AUX) แผ่นกั้นห้องเก็บของด้านหลัง ไฟ ECO บนมาตรวัด
เบาะนั่งสีเบจ ทูโทน และเพิ่มใบปัดน้ำฝนหลัง เป็นอุปกรณ์มาตรฐาน”ทุกรุ่น”)

11 ตุลาคม 2013 เพิ่มห้องโดยสาร สีดำ Black Interior

ปัจจุบัน มีให้เเลือก 5 รุ่นย่อย
– S MT ราคา 436,500 บาท
– S AT ราคา 475,500 บาท
– V MT ราคา 472,500 บาท
– V AT ราคา 511,500 บาท
– V Limited AT ราคา 533,500 บาท

รุ่น V MT รุ่น V AT และรุ่น V Limited AT มีห้องโดยสารโทน
สีเทาดำ และเบาะนั่งสีดำ

ข้อดี :

– จุดเด่นอยู่ที่การขับขี่ บังคับควบคุมรถ ทำได้อย่างคล่องแคล่ว มั่นใจ
ในระดับที่เหนือกว่า Nissan March และ Mitsubishi Mirage
– พวงมาลัย เพาเวอร์ไฟฟ้า แต่ตอบสนองได้เป็นธรรมชาติกว่าคู่แข่ง
ทั้ง March และ Mirage
– ตำแหน่งนั่งขับ เหมาะสม
– อัตราเร่ง ดีใช้ได้ ไม่น่าเกลียด คันเร่งไฟฟ้า ตอบสนองไวดี
– ช่วงล่าง เซ็ตมาได้ดี เอาใจคนชอบขับรถ
– มีใบปัดน้ำฝนหลัง มาให้แล้วเสียที หลังจากโดนด่าอยู่พักใหญ่
– เหมาะกับการนำไปตกแต่งต่อ เพื่อไปลงแข่งขัน เป็นรถแข่งคันเล็กๆ
– เครื่องยนต์ลากรอบหวานๆ แถมมีศักยภาพต่อการโมดิฟายดีที่สุดในหมู่รถ1.2
เลือกรุ่นเกียร์ธรรมดามาปรับแต่งเป็นรถแข่งสนามที่ขับดีได้โดยใช้เงินไม่มาก
(แต่ต้องมัดจำเงิน 30,000 ตอนจองเพราะรถผลิตน้อยและบางทีลูกค้าชอบ
จองแล้วยกเลิก..รถคันนั้นกว่าจะขายออกให้คนอื่นได้ก็ยากมาก)
– โปรโมชั่น! โปรโมชั่น! โปรโมชั่น!

ข้อที่ควรปรับปรุง

– ตัวถังบริเวณครึ่งคันด้านหล้ัง สั้นไป เหลือพื้นที่น้อย เสี่ยงต่อความ
เสียหายจากการชนด้านหลัง ที่มีแนวโน้มว่าอาจจะหนักกว่าคู่แข่ง
– ฝาประตูห้องเก็บของด้านหลัง เป็นกระจกทั้งบาน
– พลาสติกในห้องโดยสาร เก็บชิ้นงานแย่
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า แบบปรับสูง -ต่ำ ไม่ได้
– พนักพิงเบาะหลัง เตี้ยมาก ไม่มีพนักศีรษะมาให้
– พวงมาลัย เบาไปนิดในย่านความเร็วสูง
– ล็อกความเร็วที่ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง (บนมาตรวัด 145 กิโลเมตร/ชั่วโมง)
– ช่วงล่าง กระด้างนิดๆ
– เบรก ตอบสนองได้ยังไม่ถึงกับดีเท่าคู่แข่ง
– อุปกรณ์ที่ให้มา กับการแบ่งซอยรุ่นย่อย ยังไม่สมราคา แม้จะมีรุ่นปรับโฉม
ติดตั้งระบบนำทาง Navigation System มาให้แล้วในภายหลังก็เถอะ

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่
Full Review : HONDA BRIO Hatchback 5 Door

alt

NISSAN ALMERA (N17)

เปิดตัวครั้งแรกในโลก ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อ 11 กรกฎาคม 2011
แต่ใช้ชื่อ Versa Sedan  เปิดตัวในประเทศจีน กลางงาน China
(Guangzhou) International Automobile Exhibition เมื่อ
20 ธันวาคม 2010 โดยใช้ชื่อ SUNNY และเริ่มส่งขึ้นโชว์รูมใน
เดือน มกราคม 2011 กันที่จีนก่อน ทวีปอเมริกาเหนือ

เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย 7 ตุลาคม 2011

พฤศจิกายน 2013 ออกรุ่น Smart Edition อุปกรณ์ตกแต่งพิเศษ
ของแท้จากนิสสัน เพิ่มเงินเพียง 3,500 บาท (จากราคาเต็ม 13,500 บาท)
มีให้เลือก 2 สี คือ สีขาวและสีดำ โดยนำรุ่น E CVT มาตกแต่ง

27 มกราคม 2014 ปรับโฉม Minorchange
เปลี่ยนกระจังหน้าโครเมียมดีไซน์ใหม่ ไฟหน้ากรอบนอกแบบใหม่
เปลือกกันชนหน้าและไฟตัดหมอก แบบใหม่ตกแต่งด้วยโครเมียม
กันชนหลังและล้ออัลลอย ออกแบบใหม่ ห้องโดยสารตกแต่งด้วย
แผงคอนโซล ใหม่ สีดำ Piano Black แผงประตูและมือจับตกแต่ง
ด้วยโครเมียม เบาะสีดำบุผ้าลายใหม่เนื้อผ้าคุณภาพสูง พวงมาลัย
3 ก้าน มาพร้อมปุ่มควบคุมเครื่องเสียง Multi Function ส่วนหน้าปัด
มีจอแสดงข้อมูลการขับขี่ Multi Information Display (MID) แบบ
เรืองแสงสีขาว เพิ่มระบบนำทาง GPS Navigation System
พร้อมชุดเครื่องเสียง AM/FM/CD/DVD และจอภาพทัชสกรีน ซึ่ง
เชื่อมต่อกับ USB บลูทูธ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่นๆ เพิ่มกล้องมองหลัง
และสัญญาณเตือนกะระยะด้านหลัง 3 จุด กระจกมองข้างพับไฟฟ้า
กุญแจรีโมท เปิดกระโปรงท้ายรถได้ พร้อมระบบ Immobilizer

พฤศจิกายน 2014 ออกรุ่นตกแต่งพิเศษ Sportech ใช้รุ่น E CVT และ
VL CVT มาตกแต่งเพิ่มเติม กันชนใหม่ลายรังผึ้ง พร้อมไฟ LED DRL
ล้ออัลลอยสีรมดำ สเกิร์ตรอบคัน ในรุ่น VL จะเพิ่มระบบนำทาง Navigation System

ราคา (Update ล่าสุด 6 พฤษภาคม 2015)

– 1.2 S 5MT                       433,000 บาท
– 1.2 E 5MT                      464,000 บาท
– 1.2 E CVT                      498,000 บาท
– 1.2 E CVT Sportech     525,000 บาท
– 1.2 EL CVT                    532,000 บาท
– 1.2 V CVT                      572,000 บาท
– 1.2 VL CVT                   608,000 บาท
– 1.2 VL CVT Sportech  625,000 บาท

ข้อดี :

– ขนาดตัวถังใหญ่ และยาวที่สุดในกลุ่ม ECO Car Sedan
– ห้องโดยสาร กว้างขวาง และยาวที่สุดในกลุ่ม โดยเฉพาะเบาะหลัง
– ระยะฐานล้อที่ยาวสุด ทำให้ พื้นที่วางขา ของผู้โดยสารด้านหลัง
ยาวที่สุดในกลุ่ม ECO Car ด้วยเช่นกัน
– การตกแต่งภายใน หรูหรา ไม่แพ้รถยนต์นั่งระดับสูงกว่า เหมาะกับ
ผู้ที่ต้องการความคุ้มค่า ในมาดของรถยนต์ Sedan
– เพิ่มระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System ในรุ่น VL
– ช่วงล่าง เน้นความนุ่มสบายสำหรับครอบครัว
– พื้นที่ห้องเก็บของด้านหลัง ใหญ่สุดในกลุ่ม

ข้อที่ควรปรับปรุง

– อัตราเร่ง อืดสุดในกลุ่ม ECO Car ทั้งหมด
– ประหยัดน้ำมันใช้ได้ แต่ยังไม่ดีพอเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
– พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า เหมือน March ไร้ชีวิตชีวา ตอบสนองแย่
ไม่แม่นยำ เบาเกินไปในช่วงความเร็วสูง
– ช่วงล่าง เน้นนุ่ม แต่ไม่มั่นใจเท่าที่ควร ในย่านความเร็วสูง
– เบรก ต้องเผื่อระยะนิดหน่อย
– พัดลมหม้อน้ำ ไม่ค่อยทนทาน
– ราคาแพง พอกันกับ B-Segment 1,500 ซีซี ความคุ้มค่า เริ่มหายไป
– ศูนย์บริการ อยู่ในระดับกลางๆ มีทั้งดีและร้ายปะปนกันไป

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่ / More Info, Click Here
Full Review : NISSAN ALMERA

alt

MITSUBISHI MIRAGE

เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย เมื่อ 20 มีนาคม 2012

15 มีนาคม 2013 เพิ่มสีตัวถัง ชมพู Pink Metallic

10 กุมภาพันธ์ 2014 ออกชุดตกแต่งพิเศษลิขสิทธิ์ของแท้
Hello Kitty Accesories ราคาขาย ชุดแต่งภายนอก 8,800 บาท
ภายใน 5,500 บาท

11 สิงหาคม 2014 ปรับอุปกรณ์ รุ่น GLS Limited
เปลี่ยนล้ออัลลอยขนาด 15 นิ้ว ลายใหม่ กระจกมองข้างปรับและพับด้วยไฟฟ้า
พร้อมไฟเลี้ยวแบบ LED และเสาอากาศแบบสั้น การตกแต่งภายในบริเวณแผง
ควบคุมกลางแบบ Piano black พวงมาลัยแบบ 3 ก้านหุ้มหนังตกแต่งแบบ silver
decoration พร้อมระบบควบคุมเครื่องเสียงบนพวงมาลัย แผงเครื่องปรับอากาศ
อัตโนมัติตกแต่งโครเมียม ปรับช่องใส่ของอเนกประสงค์ให้มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น
เพิ่มช่องเก็บของบริเวณใต้คอพวงมาลัยและราวจับเหนือศรีษะ 3 ตำแหน่ง รุ่น
GLS Ltd. ยังมาพร้อมระบบเครื่องเสียงพร้อมระบบนำทางใหม่ และจอภาพ
Touch screen ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระ และฐานเกียร์พร้อมไฟบอกตำแหน่ง
เพิ่มระบบไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ ESS (Emergency Stop Signal System)
เข็มขัดนิรภัยแบบดึงกลับอัตโนมัติคู่ด้านคนขับ และเพิ่มเหล็กกันโคลงด้านหน้า

ราคา (Update 11 สิงหาคม 2014)

– GL 5 MT   383,000 บาท
– GLX 5MT  426,000 บาท
– GLX CVT  460,000 บาท
– GLS CVT   506,000 บาท
– GLS Ltd. CVT  546,000 บาท

ข้อดี :

– ออกแบบมาให้มีน้ำหนักเบาสุดๆ ทั้งคัน
– เครื่องยนต์ เบนซิน 1,200 ซีซี ให้อัตราเร่งที่แรงมากๆ
– ขณะเดียวกัน ก็ประหยัดน้ำมันมากที่สุดในกลุ่ม 1,200 ซีซี
– แผงหน้าปัด ใช้งานง่าย User Friendly
– มีระบบไฟฟ้าในห้องโดยสาร ETACS แบบรถยนต์รุ่นใหญ่กว่า
– มีระบบนำทาง Navigation System ติดตั้งมาให้เป็นรายแรกใน
กลุ่ม ECO Car ของเมืองไทย

ข้อที่ควรปรับปรุง

– เบาะ นั่งไม่ถึงกับสบายนัก
– พื้นที่เบาะหลัง น้อย ไม่ค่อยอเนกประสงค์ เท่าที่ควร
– ช่วงล่างนิ่มเกินไป ไม่ควรใช้ความเร็วเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง!
– การทรงตัวในย่านความเร็วสูง ค่อนข้างแย่
– น้ำหนักที่เบา ก็มีส่วนในด้านการทรงตัวอยู่บ้าง
– พวงมาลัย ตอบสนอง ไร้ชีวิตชีวา ไม่เป็นธรรมชาติ

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่ / More Info, Click Here
Full Review : MITSUBISHI MIRAGE

alt

SUZUKI SWIFT (2nd Generation)

เปิดตัวครั้งแรกในโลกที่ Hungary 10 มิถุนายน 2010
เปิดตัวครั้งแรกในเมืองไทย 21 มีนาคม 2012

Motor Expo เดือนพฤศจิกายน 2013 เพิ่มสีตัวถังใหม่ สีเขียว Limited Edition

เดือน พฤศจิกายน 2014 เพิ่มรุ่นย่อยใหม่ Swift RX ราคา 599,000 บาท
(+40,000 บาทจากรุ่นท๊อปเดิม GLX ) เพิ่มอุปกรณ์ดังต่อไปนี้
– ไฟหน้า Projector Lens พร้อม Bi-Xenon
– ไฟท้ายดีไซน์ใหม่
– สปอยเลอร์หลังพร้อมไฟเบรก
– Cruise Control
– Paddle Shift

และปรับอุปกรณ์รุ่นย่อยที่เหลือใหม่หมด ในรุ่น GA CVT และ GL CVT
เพิ่มถุงลมนิรภัยจาก 1 ลูก เป็น 2 ลูก โดยปรับราคาเพิ่มจากรุ่นเดิมเพียงแค่ 4,000 บาท
และ ในรุ่น GA 5MT และ GL 5MT เพิ่มถุงลมนิรภัยจาก 1 ลูก เป็น 2 ลูก และเพิ่มระบบเบรก
ABS/EBD ปรับเพิ่มจากรุ่นเดิม 8,000 บาท

ราคา (Update 6 พฤษภาคม 2015)

– GA 5 MT    442,000 บาท
– GA CVT     478,000 บาท
– GL 5MT     480,000 บาท
– GL CVT      516,000 บาท
– GLX CVT   564,000 บาท
– RX CVT     599,000 บาท

ข้อดี :

– รูปลักษณ์ภายนอก ออกแบบได้มีเอกลักษณ์ และอยู่ได้นาน
– ภายใน ออกแบบ และใช้วัสดุ ดีที่สุดในกลุ่ม ECO Car Hatchback
– อัตราเร่ง พอให้เล่นซนได้บ้าง สนุกได้บ้าง แต่ไม่แรงเท่า Mirage
ยกเว้นเกียร์ธรรมดา ที่สนุกใช้ได้เลย
– อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ประหยัดน้ำมันในเกณฑ์ กลางๆ ของกลุ่ม
– พวงมาลัย เพาเวอร์ไฟฟ้า แม่นยำ มีชีวิตชีวา อัตราทดดี น้ำหนักเบา
ในความเร็วต่ำ และหนืดกำลังดีในย่านความเร็วสูง
– ช่วงล่าง เอาใจคนชอบรถขับสนุก แต่ยังต้องการความนุ่มนวลใน
ขณะขับขี่ ไปตามถนนในเมือง
– Handling ดี เกาะถนนดี Road Holding ดี
– เบาะนั่ง คู่หน้า นั่งได้สบายดี
– เอาไปตกแต่งต่อได้ เอาไปทำรถแข่งต่อก็ได้

ข้อที่ควรปรับปรุง

– ช่วงล่างด้านหลัง เด้งไปหน่อย ในบางจังหวะ
– พื้นที่นั่งเบาะหลัง เล็ก และคับแคบ คนตัวสูง หรืออ้วน นั่งแล้วหัวติด
– พื้นที่เก็บสัมภาระด้านหลัง เล็กไป เมื่อเทียบกับคู่แข่ง
– แร็คพวงมาลัย อาจมีเสียงดัง ต้องเคลมเปลี่ยนกันยกชุด
– การประกอบ ในรถบางคัน อาจมีหลุด ออกมาได้บ้าง
– อุปกรณ์ บางอย่าง จากเวอร์ชันญี่ปุ่น ขาดหายไป
– ศูนย์บริการ เพิ่งเริ่มแพร่หลาย ช่างอาจยังไม่เก่งนัก

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่
Full Review : SUZUKI SWIFT 1.2 L

alt

HONDA BRIO AMAZE

เปิดตัวในประเทศไทย เป็นแห่งแรกในโลก เมื่อ
23 พฤศจิกายน 2012

11 ตุลาคม 2013 เพิ่มภายในสีดำ Black Interior

มีให้เลือก 6 รุ่นย่อย
– S MT ราคา 454,000 บาท
– S AT ราคา 493,000 บาท
– V MT (Black Interior) ราคา 482,000 บาท
– V MT (Beige Interior) ราคา 482,000 บาท
– V AT (Black Interior) ราคา 521,000 บาท
– V AT (Beige Interior) ราคา 521,000 บาท

ข้อดี :

– ตัวถังสั้นที่สุดในกลุ่ม แต่พื้นที่วางขา กว้างกว่าที่คิดมาก
ไม่น้อยหน้า Almera และ Attrage เลย
– เบาะนั่งด้านหลัง นั่งสบาย กว่าที่คิด
– มีพื้นที่เหนือศีรษะมากกว่า Almera
– พื้นที่วางขา เยอะกว่าที่คิด
– ขับสนุกกว่าที่คิด อัตราเร่งทำได้เป็นอันดับต้นๆ ของกลุ่ม ค่อนข้างดี
– การบังคับขับขี่ คล่องตัวมากๆ ในการจราจรติดขัด
– เอาไปแต่ง ต่อยอดได้ ทั้งแนวสวยงาม หรือเอาไปลงสนามแข่ง
– มีทางเลือก ห้องโดยสารสีดำมาให้
– มีแคมเปญช่วยออกรถ เยอะ รับรถได้ค่อนข้างเร็ว

ข้อที่ควรปรับปรุง

– ตัวรถสั้นที่สุดในกลุ่ม ECO Car Sedan จากความจำเป็นที่ต้องเอาใจ
ตลาดอินเดีย
– ระยะฐานล้อ สั้นที่สุดในกลุ่ม ECO Car Sedan
– พื้นที่ห้องเก็บสัมภาระ เล็กสุดในกลุ่ม ECO Car Sedan
– ล็อกความเร็วไว้แค่ 140 กิโลเมตร/ชั่วโมง (145 กิโลเมตร/ชั่วโมง บน
มาตรวัด)
– พวงมาลัย น้ำหนักเบาเท่ากันหมด ตั้งแต่ความเร็วต่ำ – สูง
– อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง ด้อยสุดในกลุ่ม ECO car Sedan แต่ยัง
เกาะกลุ่มไปกับ ECO Car คันอื่นๆ ได้อยู่
– เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า ปรับระดับสูง – ต่ำ ไม่ได้
– การเก็บงานพลาสติก ในห้องโดยสาร ยังไม่ดีเท่าที่ควร
– ยางติดรถ Michelin ENERGY XM2 แก้มยางนิ่มเกินไป ตอบสนอง
ได้แย่มาก
– เครื่องเสียง ไม่ถึงกับดีนัก เสียงเบสหาย

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่
Full Review : HONDA BRIO AMAZE

alt

MITSUBISHI ATTRAGE

เผยโฉมรถคันจริง 21 พฤษภาคม 2013
เปิดตัวอย่างเป็นทางการครั้งแรกในโลกที่เมืองไทย
4 กรกฎาคม 2013

 

Motorshow เดือนมีนาคม 2015 มีการปรับอุปกรณ์เล็กน้อย
ตามอายุตลาด Model Year 2015 โดยยังคงราคาขายเดิม
รายละเอียดอุปกรณ์ที่ปรับมีดังต่อไปนี้
– กระจังหน้ารมดำ
– คิ้วกระโปรงหลังรมดำ
– ล้อแม็กรมดำ
– สีเทาใหม่ Titanium Grey
– ไฟ Daytime Running Lights
– เบาะหนังสีดำ เดินด้วยด้ายสีแดง

ราคา (Update 6 พฤษภาคม 2015)

– GLX 5MT           449,000 บาท
– GLX CVT           483,000 บาท
– GLS CVT            536,000 บาท
– GLS Ltd. CVT   589,000 บาท

ข้อดี :

– ห้องโดยสาร มีพื้นที่เบาะนั่งด้านหลัง เยอะกว่า Mirage
– คล่องตัวในการขับขี่ ไปตามถนนในเมือง
– พวงมาลัยเบา ในช่วงความเร็วต่ำ
– เครื่องยนต์ เบนซิน 3 สูบ 1,200 ซีซี แต่แรงอันดับต้นๆของกลุ่ม
– ประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่ม ECO Car Sedan
– อุปกรณ์ อัดแน่นมา คุ้มค่ามากที่สุดในกลุ่ม Sedan ECO Car
– รุ่นท็อป มีระบบนำทางผ่านดาวเทียม GPS Navigation System
รายแรกของกลุ่ม ECO Car

ข้อที่ควรปรับปรุง

– ช่วงล่าง นิ่มและย้วยเกินไป สำหรับการใช้งานของลูกค้าในเมืองไทย
– พวงมาลัยตอบสนอง ยังไม่เป็นธรรมชาติเท่าที่ควร ดีกว่า Almera แต่
ยังด้อยกว่า Swift
– ขับไม่สนุก และต้องเกร็ง เหมือน Mirage หากไม่ได้เปลี่ยนช่วงล่าง
ไม่ควรขับเกิน 120 กิโลเมตร/ชั่วโมง
– เน้นความประหยัดน้ำมันมากไป จน Down Force ไม่ดีเท่าที่ควร
– เข็มขัดนิรภัย ปรับสูง – ต่ำ ไม่ได้
– การปรับเบาะรองนั่ง ควรออกแบบให้สะดวกต่อการใช้งานมากกว่านี้
– ศูนย์บริการ ในต่างจังหวัด หลายแห่ง ดีมาก แต่ใน กรุงเทพฯ หาดีได้ยาก

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่ / More Info, Click Here
Full Review : MITSUBISHI ATTRAGE

alt

TOYOTA YARIS (2nd Generation)

เปิดตัวในจีน เป็นแห่งแรกเมื่อ 20 เมษายน 2013
(เริ่มขายในจีน 26 สิงหาคม 2013)
เปิดตัวในไทยเมื่อ 22 ตุลาคม 2013

พฤศจิกายน 2014 ออกรุ่นพิเศษ TRD Sportivo โดยการนำ
เอารุ่นย่อย E มาตกแต่งพิเศษเพิ่มอุปกรณ์ดังนี้
ไฟตัดหมอก, ล้ออัลลอย 15 นิ้วทำสีใหม่, สเกิร์ตรอบคัน
เซนเซอร์กะระยะถอยจอด, สติ๊กเกอร์ตกแต่งและโลโก้ TRD
ภายในมีการปรับเปลี่ยนเล็กน้อย พวงมาลัยและหัวเกียร์หุ้มหนัง
เบาะนั่งหุ้มหนัง, สวิตซ์ควบคุมกระจกตกแต่งสีเงิน Metalic และ
เพิ่มจอ DVD Touchscreen ขนาด 7 นิ้ว รองรับ Application
และระบบนำทาง Smart G-Book เพิ่มราคาจากรุ่น E CVT 80,000 บาท

ราคา มีให้เลือกทั้งหมด 4 รุ่นย่อย ดังนี้
– 1.2J ECO  CVT       469,000 บาท
– 1.2J CVT                 519,000 บาท
– 1.2E CVT                549,000 บาท
– 1.2G  CVT               599,000 บาท
– 1.2 TRD Sportivo  629,000 บาท

ข้อดี :

– ขนาดตัวถังใหญ่ที่สุดในกลุ่ม ECO Car Hatchback
– ห้องโดยสาร กว้างขวางที่สุดในกลุ่ม โดยเฉพาะเบาะหลัง
ที่กว้างขวาง และมีพื้นที่เหนือศีรษะใช้ได้ นั่งสบายกว่า
ญาติผู้พี่อย่าง Vios และมีพื้นที่เก็บของด้านหลังเยอะสุดในกลุ่ม
– ชิ้นส่วนภายในห้องโดยสาร ใช้ร่วมกันได้กับ Vios
– เครื่องยนต์ เบนซิน 1,200 ซีซี ทำตัวเลขอัตราเร่ง ได้แรงสุดในกลุ่ม
– ช่วงล่าง มาในแนวนุ่ม นั่งเรื่อยๆ สบายๆ ช่วงล่างด้านหลังเซ็ตมาได้
ไม่เด้ง ถือว่าดีกว่า Suzki Swift

ข้อที่ควรปรับปรุง

– รูปลักษณ์ภายนอก ยังไม่ลงตัว เหมือนตัดแปะ ขาดๆเกินๆ
– อัตราสิ้นเปลือง ด้อยกว่าเพื่อนฝูงในกลุ่ม
– พวงมาลัย อยู่ชิดกับแผงมาตรวัดมากไป ควรมีตัวปรับระดับใกล้ – ห่าง
มาให้ได้แล้ว นอกเหนือจากแค่ปรับระดับสูง – ต่ำได้ไม่มาก
– อุปกรณ์ ที่ให้มา กับราคา เหมือนจะเหมาะสม แต่เมื่อเปรียบเทียบแล้ว
รถยนต์ ในพิกัด B-Segment 1,500 ซีซี หลายๆรุ่น จะคุ้มค่ากว่าการซื้อ
Yaris รุ่น Top

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ ที่นี่ / More Info, Click Here
Full Review : TOYOTA YARIS 1.2 L

alt

SUZUKI CELERIO

เปิดตัวครั้งแรกในโลก ณ งาน Geneva Motor Show มีนาคม 2014
เผยโฉมครั้งแรกในไทย Bangkok Motor Show มีนาคม 2014
เปิตตัวพร้อมจำหน่ายจริง ครั้งแรกในไทย 29 พฤษภาคม 2014

ราคา (Update 6 พฤษภาคม 2015)

– GA 5MT       359,000 บาท
– GL CVT       439,000 บาท
– GLX CVT    488,000 บาท

ข้อดี :

– ขนาดตัวถังเล็กกระทัดรัด แต่ห้องโดยสารมีขนาดใหญ่กว่าคาดคิด
– หลังคาสูงโปร่ง คนตัวสูง นั่งสบาย ไม่อึดอัด จัด Packaging ได้ดี
พื้นที่เหนือศีรษะของผู้โดยสารด้านหลัง เหลือเยอะกว่า Swift!
– เครื่องยนต์ เบนซิน 1,000 ซีซี ให้อัตราเร่งแรงพอที่จะทำให้คู่แข่ง
ที่ตัวใหญ่กว่านิดหน่อย อย่าง Nissan March หวั่นใจได้ แน่นอนว่า
แรงกว่า Nissan Almera และ Honda Brio AMAZE ไปแล้ว!
– ประหยัดน้ำมันที่สุดในกลุ่ม ECO Car ทุกคันในเมืองไทย
– น้ำหนักรถ เบา คล่องแคล่ว บังคับควบคุมในเมืองได้ง่ายดาย
– การทรงตัวย่านความเร็วสูง พอใช้ได้ เมื่อเทียบกับบุคลิกตัวรถ

ข้อที่ควรปรับปรุง

– หน้าตาดูเรียบง่าย จืดชืดเกินไป
– พวงมาลัย ตอบสนองไม่เป็นธรรมชาติ เน้นเซ็ตให้หนืดหนัก หวังเพิ่ม
ความมั่นใจ ในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง แต่กลับเฉื่อย และไร้ความแม่นยำ
– อาการ เย่อ ของเครื่องยนต์และเกียร์ CVT ขณะเหยียบจมมิด ยังมีเหลืออยู่
– การเข้าโค้ง ไม่ดีเท่าที่ควร
– ออพชัน ในแต่ละรุ่นย่อย ยังไม่สมราคา
– ราคาขายปลีก แพงเกินไป

ข้อมูล และรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกอ่านได้ที่นี่ / More Info, Click Here
FULL REVIEW : SUZUKI CELERIO 1.0 L 5MT & CVT

alt

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน (ตารางข้อมูล โดย Moo Cnoe)
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของทั้งผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
17 กันยายน 2014

Copyright (c) 2014 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
September 17th,2014 

————————///—————————