หลายคนที่เคยมาเที่ยวญี่ปุ่น คงจะเคยเห็น หรือเคยเช่า รถยนต์ขนาดกระทัดรัด คันจิ๋ว ป้ายทะเบียนสีเหลืองมาขับขี่กัน และเชื่อแน่ว่า ใครก็ตามที่เคยสัมผัสรถยนต์เหล่านี้ ส่วนใหญ่จะตกหลุมรักกันทุกคน ด้วยขนาดเล็กกำลังดี ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยที่คับแคบ ในตัวเมืองของญี่ปุ่นได้อย่างดี ประหยัดน้ำมัน แต่ก็มีพื้นที่ห้องโดยสารเพียงพอกับการใช้งาน แถมบางคันก็มีประตูไฟฟ้า เลื่อนสไลด์ เพิ่มความสะดวกสบาย และมีลูกเล่นการปรับเบาะนั่งภายในที่ โคตรอเนกประสงค์

รถยนต์เหล่านี้ มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า Kei-Jidosha หรือ K-Car คำแปลก็ตรงตัวเลยครับ Kei แปลว่า เล็กกระทัดรัด jidosha แปลว่า รถยนต์ สังเกตได้จาก ป้ายทะเบียน ถ้าเป็นพื้นสีเหลือง ตัวเลขสีดำ ละก็ ใช่เลย หรือถ้าเป็นพวกรถกระบะเล็ก หรือรถตู้เล็กเพื่อการพาณิชย์ พวก Kei-Truck หรือ Kei-Van อาจจะใช้ป้ายทะเบียนพื้นสีดำ ตัวเลขสีเหลือง

บรรดายานพาหนะคันเล็กแบบนี้ รัฐบาลญี่ปุ่นกำหนดให้มีข้อบัญญัติขึ้นมาตั้งแต่ ทศวรรษ 1960 เพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมยานยนต์ภายในประเทศ ช่วงฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และมีการเปลี่ยนข้อกำหนดมาเรื่อยๆตามยุคสมัย ล่าสุด ในช่วง ปี 1990 มีการยกระดับขุมพลัง ให้ใช้เครื่องยนต์ 3 หรือ 4 สูบ ก็ได้ แต่ความจุกระบอกสูบ ต้องไม่เกิน 660 ซีซี แรงม้า ต้องไม่เกิน 64 แรงม้า (PS) และตัวรถจะสูงเท่าไหร่ก็ได้ แต่ต้องมีความกว้างไม่เกิน 1,475 มิลลิเมตร จำง่ายๆแค่นี้พอ

ตลาดกลุ่มนี้ เดิมที Suzuki เคยเป็นเจ้าครองตลาด แต่ต่อมา ด้วยการกลับมาบุกตลาด K Car แบบ Passenger Car อย่างจริงจังอีกครั้ง ตั้งแต่ Honda Today เมื่อปี 1985 ทำให้ Honda ค่อยๆกลับมาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุด Honda N-Box K-Car ทรง Tall Boy ประตูเลื่อนสไลด์เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า คว้าแชมป์ยอดขายอันดับ 1 ในญี่ปุ่น มาหลายปีติดต่อกัน

ถึงกระนั้น มันก็ยังมีช่องว่างทางการตลาดรอให้ต่อยอดกันอยู่…

ย้อนกลับไปในอดีต ช่วงรอยต่อ สภาวะ ฟองสบู่อสังหาริมทรัพย์ ในญี่ปุ่น กำลังแตก ปี 1989-1993 เป็นช่วงปีที่ผู้ผลิตรถยนต์ เริ่มอยากทำ K-Car สาย Sport เน้น Performance ในตอนนั้น Honda ก็ทำรถเปิดประทุน เครื่องยนต์วางกลางลำตัว ขับเคลื่อนล้อหลัง อย่าง Honda Beat ออกมา ขณะที่คู่แข่ง ก็ทำรถเปิดประทุน อย่าง Suzuki Cappcino ออกมาในปี 1991 ตามด้วย K-Car แบบแรกและแบบเดียวในโลกที่ใช้เครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลัง และใช้บานประตูปีกนก Gullwing Door อย่าง Mazda Autozam AZ-1 /Suzuki Cara แต่สุดท้าย ทั้งหมดก็ต้องยุติการผลิตหลังจากนั้นไม่กี่ปี เพราะเศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ และผู้คนเริ่มไม่มีกำลังซื้อมากพอที่จะอุดหนุนให้รถพวกนี้อยู่รอด

เวลาช่วงเลยไป แต่ไฟในใจของวิศวกร Honda รุ่นใหม่ๆ ยังไม่มอดดับ พวกเขายังฝันอยากทำรถ K-Car สาย สปอร์ตกันอยู่ โดยเฉพาะวิศวกรหนุ่ม วัย 27 ปี คนนึง ตัดสินใจขอผู้บริหาร ทำ Honda S660 ออกมาจนสำเร็จ เปิดตัวออกขาย เมื่อวันที่ 30 มีนาคม 2015 และได้รับการกล่าวขานไปทั่ว ทั้งด้านรูปทรงและสมรรถนะ

ผมเองก็เคยขับ S660 อยู่ครั้งนึง ในสนาม Twin Ring Motegi และได้คุยกับวิศวกรหนุ่ม วัย 27 ปี ที่เป็นหัวหน้าโครงการพัฒนารถคันนี้ (LPL Large Project Leader) ยังประทับใจในความกล้า ความคิด และ Attitude ของน้องเขามากๆ ตัวรถเอง ก็ขับสนุกเป็นบ้า เหลือเชื่อมากๆ ว่า นี่แค่ 64 แรงม้า แต่ขับมันส์ขนาดนี้ เข้าใจแล้ว ที่ว่า รถขับสนุกไม่จำเป็นต้องแรง มันเป็นแบบนี้นี่เอง!

ทว่า S660 มาถึงจุดจบในปี 2022 ไม่มีการสานต่อ ช่วงนั้น เป็นเวลาที่ Honda ตัดสินใจยกเครื่องตระกูล K-Car ให้รวมด้วยกันเป็น ตระกูล N Series (ย่อมาจาก New Next Norimono) กลายเป็นว่า ด้วยการนำทีมของทั้ง N-One , N-Box, N-WGN และ N-Van ช่วยทำให้ Honda กลับมายืนหยัดได้ในตลาด K-Car แถมยังมียอดขาย N-Box ขึ้นแท่นอันดับ 1 แซงหน้า Suzuki กับ Daihatsu มาจนถึงทุกวันนี้

แต่…แน่นอน ความฝันในการทำ K Car สมรรถนะสูง ยังคงอยู่ และคราวนี้ ด้วยเทคโนโลยี ขุมพลังไฟฟ้า กำลังมาแรง ทำให้พวกเขาตัดสินใจลงมือทำรถคันใหม่ขึ้นมาอย่างจริงจังเสียที

ครับ นี่ละจุดกำเนิดของ Super-ONE!

Honda Super-ONE Prototype เป็นการนำรถยนต์ K-Car 660 ซีซี รุ่นยอดนิยม N-One มาปรับปรุงใหม่ เปลี่ยนมาใช้ขุมพลังมอเตอร์ไฟฟ้าล้วน สมรรถนะสูง  พัฒนาต่อยอดจากต้นแบบ Super EV Concept ที่เคยเผยโฉมไปก่อนหน้านี้ในงาน Goodwood Festival of Speed 2025 ที่ประเทศอังกฤษ

Super-ONE Prototype มาพร้อมแนวคิด “e: Dash BOOSTER” ที่มุ่งเปลี่ยนการเดินทางในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นประสบการณ์ที่สนุก ตื่นเต้น และเร้าใจมากขึ้น แม้ว่าตอนแรก มีแนวคิดจะตั้งชื่อ BULLDOG เพื่อระลึกถึง Honda CITY TURBO-II BULLDOG ที่เคยโด่งดังในญี่ปุ่นช่วงปี 1983 – 1985 แต่สุดท้าย ทีมวิศวกรเลือกใช้ชื่อ “Super-ONE” เพื่อสื่อถึงความตั้งใจของ Honda ที่ต้องการสร้างรถยนต์ที่มอบคุณค่าเฉพาะตัวแบบ “One and Only” และ “Super” ที่ก้าวข้ามขอบเขตและมาตรฐานเดิมของรถ BEV เพื่อมอบความตื่นเต้นรูปแบบใหม่ในทุกการขับขี่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ผสมผสานความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เข้ากับความสนุกในการขับขี่อันเป็นเอกลักษณ์ของ Honda

Super-ONE Prototype ใช้งานวิศวกรรมพื้นฐานน้ำหนักเบาที่พัฒนามาจากตระกูล N Series ให้การควบคุมที่คล่องตัวและขับสนุก ขณะเดียวกันยังมาพร้อมบังโคลนซุ้มล้อที่ขยายออกซ้ายขวาเพิ่มความกว้างของฐานล้อ ช่วยให้การทรงตัวมั่นคงและให้ลุคสปอร์ตทรงพลังยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมาพร้อม “BOOST Mode” โหมดขับขี่พิเศษที่เพิ่มกำลังขับและปลดล็อกสมรรถนะสูงสุดของระบบขับเคลื่อน พร้อมระบบควบคุมเสียงจำลอง Active Sound Control และการจำลองการเปลี่ยนเกียร์เสมือนจริง Virtual Step-Shift Control ที่ช่วยสร้างอารมณ์และสัมผัสการขับขี่แบบรถสปอร์ตเครื่องยนต์เบนซินอย่างสมจริง

รถต้นแบบรุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบอย่างหนัก บนถนนจริงในหลายประเทศ บนพื้นผิวและภายใต้สภาพอากาศที่หลากหลาย ทั้งในญี่ปุ่น สหราชอาณาจักร และประเทศอื่นๆ ทั่ว Asia (รวมทั้งประเทศไทย) เพื่อยกระดับสมรรถนะการขับขี่ เพิ่มเสถียรภาพ และความนุ่มนวลในการขับขี่ให้เหมาะกับบุคลิกตัวรถอย่างดีที่สุด

ในเดือนกรกฎาคม 2025 รถต้นแบบ Super EV Concept ซึ่งเป็น Version ตั้งต้นก่อนจะกลายมาเป็น Super-ONE Prototype ได้ถูกส่งไปจัดแสดงและเข้าร่วมการแข่งขันวิ่งบนเส้นทางไต่เขาอันโด่งดังในงาน Goodwood Festival of Speed ​​2025 ซึ่งจัดขึ้นที่ West Sussex สหราชอาณาจักร (UK) และถูกนำไปจัดแสดงในงาน Gaikindo Indonesia Auto Show เมื่อเดือนสิงหาคม 2025 ที่ผ่านมา

แนวคิดในการพัฒนา เริ่มมาจาก การที่ ทีมวิศวกร Honda มองว่า Honda CITY TURBO รุ่นแรกซึ่งเปิดตัวมาตั้งแต่ วันที่ 20 กันยายน 1982 และ CITY TURBO-II Intercooler ซึ่งตามออกมาเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 1983 บัดนี้ ก็ปาเข้าไป 42 ปีแล้ว ณ วันนี้ รถยนต์ขนาดเล็กกระทัดรัดและขับสนุก ได้หายไปจาก Catalog ของ Honda ในปัจจุบันมาสักหลายปีแล้ว ดังนั้น พวกเขาจึงเริ่มมองว่า จะทำอย่างไรดี

อีกทั้งในช่วงนี้ Honda กำลังพยายาม โปรโมท รถยนต์ขุมพลังไฟฟ้าของตน ไม่ว่าจะเป็นการนำร่องด้วย N:VAN e รถตู้ ขนาดเล็กพลังไฟฟ้า เบาะพับเรียบและเป็นพื้นห้องโดยสารได้ แถมยังอเนกประสงค์มากๆ อีกด้วย ตามมาด้วย Honda N-ONE e เวอร์ชันไฟฟ้าล้วน ของ K-Car ทรง Hatchback ที่เป็นการนำ N ONE 660 ซีซี รุ่นปกติ มาเปลี่ยนขุมพลัง และปรับจูนรถใหม่ ให้ใช้ไฟฟ้าล้วนๆ Honda เลยมองว่า พวกเขาควรสร้าง FUN EV อีกสักคัน ที่ขับสนุกขึ้น แม้จะเป็น EV ด้วยแนวทางต่อไปนี้

1.เส้นสายที่เด่นสะดุดตา
2.แรงขึ้นด้วย BOOSTE Mode
3. เพิ้มความกว้างของล้อคู่หน้า และเพิ่มเบาะนั่งคู่หน้าแบบ Sport
4. งานออกแบบภายในที่แปลกตาแต่ตื่นใจ

อันที่จริง Super One Prototype ถูกนำเข้ามาทดสอบในประเทศไทยได้สักพักหนึ่งแล้ว เราทราบเรื่องนี้ เพราะ มีคนแอบถ่ายภาพของตัวรถ ที่ติดสติกเกอร์พรางตัวรอบคัน ได้ เมื่อสัปดาห์ก่อน แต่การเผยโฉมบนเวทีของบูธ Honda ในงาน Japan Mobility Show เมื่อ 29 ตุลาคม 2025 ที่ผ่านมา ย่อมเป็นการยืนยันว่า คราวนี้ Honda ไม่ได้คิดกับรถคันนี้แค่เพียง ของเล่นคนรวย หากแต่ พวกเขาอยากจะนำความสนุกในการขับขี่ กลับคืนสู่รถยนต์ขนาดเล็กอีกครั้ง แม้จะต้องมาในรูปของ EV ก็ตาม

********** การทดลองขับจริง *********

เพียง 3 รอบสั้นๆ ในสนามย่อย ที่ลัดเลาะขึ้นลงเนิน รอบสั้นๆ และมีทางตรงยาวพอให้ทำความเร็วแตะ 100 กิโลเมตร/ชั่วโมงได้ ก็พอจะทำให้รู้จักบุคลิกคร่าวๆของรถคันนี้แล้ว

รอบนี้ ผมไม่ได้ขับเอง แต่ น้อง Off Itthikorn จาก Tsut Review เป็นคนขับ ส่วนผม ทาง Honda จัดให้ลองนั่งข้างหลัง ซึ่งก็พอจะรับรู้ตัวรถได้ประมาณหนึ่ง แม้จะไม่ครบถ้วนอย่างที่ต้้งใจไว้ก็ตาม

ทันทีที่ออกตัว น้องอ๊อฟ กดคันเร่งเต็มตีน ผมประเมินเอาไว้ว่า มอเตอร์ไฟฟ้า น่าจะไม่ได้ถูกเซ็ตมาให้มีกำลังแรงมากนัก เพราะตัวเลขไต่ขึ้นไป แบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจาก รถคันนี้ยังไม่ออกจำหน่าย Honda จึงยังไม่เปิดเผยตัวเลขสเป็กใดๆทั้งสิ้น ดังนั้น ผมคาดว่า จากอัตราเร่ง ที่เกิดขึ้นจริง ตัวเลขกำลังสูงสุด ไม่น่ามีเกิน 120-130 แรงม้า (PS) และแรงบิดสูงสุด ไม่น่าจะเกิน 20 กก.-ม. ซึ่งก็พอๆกับรถยนต์ B-Segment กลุ่ม เบนซิน 1.5 ลิตรในบ้านเรา

ดูเหมือนว่า ทีมวิศวกรเองก็จงใจที่จะเซ็ตให้รถคันนี้ แรงกว่า K-Car 64 แรงม้า ปกติ แต่ไม่ได้เซ็ตให้แรงขนาด 150 – 200 แรงม้า เพราะตัวรถ N-One เดิม ไม่ได้ออกแบบมาให้รองรับกับความแรงระดับนั้น

ทว่า สิ่งที่ควรจะโฟกัส ก็คือ การเข้าโค้ง เพราะนอกจากการขยายความกว้างช่วงล้อทั้งคู่หน้า และคู่หลัง เพื่อช่วยให้การยึดเกาขณะเข้าโค้ง ทำได้กระชับ แม่นยำ และมั่นใจได้มากขึ้นแล้วยังมีการเสริมความหนืดของช็อกอัพ ทั้ง 4 ต้น ให้หนึบขึ้น นิ่งขึ้นตามไปด้วย แต่ยังคงนิ่ง กระชับและให้เสถียรภาพที่ดีมั่นใจได้ เพียงแต่ว่า การจูนช่วงล่างจะติดแข็งหน่อยเพื่อเน้นความสนุก ดังนั้น สำหรับคนนั่งด้านหลัง อย่างผม อาจต้องระวังจังหวะดีกเด้งที่สะเทือนขึ้นมาจากเบาะหลัง ผ่านก้น เข้าสู่กระดูกสันหลังโดยตรง

การตอบสนองของพวงมาลัยนั้น น้องอ๊อฟ เล่าว่า มันค่อนข้างคมขึ้น ไวขึ้น อาจจะยังไม่ถึงขั้นเทียบเท่ากับ พวงมาลัยของ Civic Type R หรือ Prelude ใหม่ แต่ที่แน่ๆ มันเบา และคล่องมือ การเลี้ยวมีความต่อเนื่องเป็นธรรมชาติ เมื่อรวมกับประสบการณ์จากความทรงจำของผม ในฐานะที่เคยลองขับ N-One เมื่อหลายปีก่อน พอจะคาดเดาได้ว่า พวงมาลัยของ Super-ONE น่าจะเหนือกว่า N One 660 ซีซีรุ่นมาตรฐาน และใกล้เคียงกับ Civic รุ่นมาตรฐาน ที่สำคัญ การหักเลี้ยว ดูทันใจตามสั่ง แต่มีระยะฟรีหลงเหลืออยู่บ้างนิดๆ

ส่วนฟีลลิงของแป้นเบรกนั้น ไม่ได้ต่างอะไรกับ Honda ขนาดเล็กรุ่นปกติทั่วไปมากนัก เพียงแต่ เพิ่มความมั่นใจขึ้นอีกนิด มีพี่ๆสื่อมวลชนบางคน เบรกกันหนักๆ จนเบรกเริ่มมีกลิ่นไหม้ อย่างว่าแหละครับ ตอนนี้ รถคันนี้ยังเป็น Prototype อยู่ ยังต้องมีการปรับปรุงอีกพอสมควร ก่อนจะพร้อมจำหน่ายจริง

********** สรุป เบื้องต้น / Conclusion **********
N One พลังไฟฟ้าล้วน ที่แรงขึ้น แต่แรงแค่สมตัว ไม่ได้พุ่งพรวด
แต่ขับสนุก คล้าย MINI รอลุ้น ขายไทย ในราคา ที่ไม่ควรเกินเอื้อม

Honda วางแผนที่จะเปิดตัว Version จำหน่ายจริง ของ Super-ONE Prototype ในญี่ปุ่น เริ่มตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป ตามด้วยภูมิภาคอื่นๆ ที่มีความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าขนาดกะทัดรัดอย่างสูง เช่น สหราชอาณาจักร และประเทศต่างๆ ใน Asia

แน่นอนว่า Honda เอง ก็มีความคิดอยากจะนำรถคันนี้เข้ามาขายในบ้านเราเช่นกัน แต่ปัญหาสำคัญคือราคาจำหน่าย เพราะต่อให้ รถคันนี้ใช้ขุมพลัง EV แต่เมื่อต้องผลิตในญี่ปุ่น เท่านั้น ไม่ได้มีการผลิตในประเทศจีน ดังนั้น ต้นทุนด้านภาษีนำเข้า และภาษีสรรพสามิต จึงไม่อาจสู้รถยนต์ไฟฟ้าที่ประกอบและนำเข้ามาจากจีนได้เลย

ทางเดียวที่รถคันนี้จะมียอดขายอยู่บ้างในเมืองไทย คือ ต้องตั้งราคา รวมภาษีต่างๆแล้ว ออกมาไม่เกิน 9 แสนบาทปลายๆ และนำเข้ามาขาย ในจำนวนจำกัด หมดแล้วหมดเลย เพื่อให้มีภาพลักษณ์ Boy’s Toy หรือเป็นของเล่น รถขับสนุกแบบ Sunday driving หรือ เป็นรถใช้งานในชีวิตประจำวัน

ทีมการตลาด Honda จะทำได้หรือไม่? ก็คงต้องบอกได้เพียงแค่ว่า…

โปรดติดตามกันต่อไป!

———————-///———————–

ขอขอบคุณ / Special Thanks to :
ฝ่ายประชาสัมพันธ์
บริษัท Honda Automobile (Thailand) จำกัด
เอื้อเฟื้อการเข้าร่วมทดลองขับในครั้งนี้

———————————————–

J!MMY
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ โดยผู้เขียน
ลิขสิทธิ์ภาพถ่าย รถยนต์ในประเทศไทย ทั้งหมด เป็นผลงานของผู้เขียน
และ Honda Motor Co.

ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมดไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
5 พฤจิกายน 2025

Copyright (c) 2025 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
November 5th, 2025