ตกใจกันไหมครับ?

อยู่ดีๆ Headlight Magazine จะได้ทดลองขับ All New Nissan Teana รุ่นที่ 3 กันอย่างสั้นๆ
ก่อนชาวบ้านเขาได้อย่างไร แถมยังเป็นการทดลองขับ กันไกลถึงสหรัฐอเมริกาเสียอีก

เปล่าหรอกครับ Nissan Motor Thailand เขาไม่ได้เชิญเราไปร่วมงาน Nissan 360 ไกลถึง
สหรัฐอเมริกา เหมือนเช่นสื่อมวลชนไทยท่านอื่น แต่อย่างใดทั้งสิ้น

แต่มันเป็นความบังเอิญจากทริปพักร้อนของผมเนี่ยแหละ!  มีเหตุให้ต้องคลุกคลีกับรถยนต์
รุ่นนี้กัน 2 วันเต็มๆ (…ในฐานะรถเช่า !!) กับการขับขี่ในระยะทางไกลเอาเรื่อง รวมประมาณ
500 กิโลเมตร ไกลพอให้จับความรู้สึกมาบอกเล่าให้คุณผู้อ่านรับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงกันคร่าวๆ

เอ๋? ความเปลี่ยนแปลง? เหรอ? ก่อนจะงุนงงสงสัยมากไปกว่านี้ เลื่อนลงไปเริ่มต้นอ่านกัน
ด้านล่างได้เลยครับ

alt

ก่อนอื่น ต้องบอกเล่าท้าวความกันก่อนว่า Nissan Teana ที่ผมลองขับมานั้น ได้รับการยืนยัน
มานานมากกกกกก แล้วว่า จะมีตัวถัง โครงสร้างวิศวกรรม รวมทั้ง เครื่องยนต์กลไก (บางรุ่น)
ร่วมกันกับ Nissan ALTIMA รุ่นที่ 5 ซึ่งออกจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา มาตั้งแต่
ช่วงปลายปี 2012 แล้ว

ในเมื่อ Nissan เลือกที่จะพัฒนารถยนต์รุ่นเปลี่ยนโฉมใหม่ของทั้ง Altima และ Teana ให้
สามารถใช้ตัวถัง และโครงสร้างวิศวกรรมร่วมกันได้หมด พวกเขาจึงไม่จำเป็นต้องแยกโฉม
รถยนต์ระดับ D-Segment ในการทำตลาดทั้งทวีปอเมริกาเหนือ และตลาดโลกอีกต่อไป เลย
จัดการรวมร่างกันกลายเป็นรถยนต์ตัวถังเดียว โฉมเดียว แต่ถูกใจคนทั้งโลก และตกแต่ง
ให้ดูแตกต่างกันเล็กน้อย แทน โดย Altima จะเน้นตลาดรถยนต์ครอบครัว Family Sedan
ในเขตอเมริกาเหนือ ส่วนในตลาดอื่นทั่วโลก จะเน้นเอาใจลูกค้ากลุ่มผู้บริหารทั้งรุ่นใหม่
และรุ่นกลางคน โดยใช้ชื่อว่า Nissan Teana

ความเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลให้ Nissan Teana โฉมใหม่ ต้องโตขึ้นเพื่อเอาใจคนอเมริกัน
ร่างเขื่องไปด้วย ทำให้ความยาวรวมตัวรถ เพิ่มขึ้นเป็น 4,864 มิลลิเมตร (เพิ่มขึ้นจากเดิม
14 มิลลิเมตร กว้าง 1,828 มิลลิเมตร. (กว้างกว่าเดิม 33 มิลลิเมตร) มีระยะฐานล้อ 2,776 มิลลิเมตร
(ยาวกว่ารุ่นเดิม 1 มิลลิเมตร เท่านั้น) แต่กลับเตี้ยลง เหลือ 1,470 มิลลิเมตร (รุ่นเดิม 1,485
มิลลิเมตร)

จากตัวเลขเหล่านี้ชี้ให้เห็นว่า แม้มิติตัวถังของ Teana ใหม่ จะต้องถูกขยายเพื่อรองรับการ
ใช้งานของสรีระชาวมะกันแล้ว Nissan ยังพยายามเพิ่ม บุคลิกความสปอร์ตของตัวรถด้วย
การลดความสูงลงจากรุ่นเดิม มากไปกว่านั้น Teana ใหม่ ยังมีมิติตัวรถมากกว่าคู่แข่งอย่าง
Honda Accord ไปอย่างเฉือดเฉือน โดยยาวกว่าเพียง 4 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อใน
ระดับ พอกัน ต่างกันแค่เพียง 1 มิลลิเมตร อย่างไรก็ตาม ตัวถังกลับแคบกว่า Accord อยู่
22 มิลลิเมตร และสูงกว่า Accord 15 มิลลิเมตร

alt

แนวทางการออกแบบของ Teana ใหม่ เป็นความเปลี่ยนแปลงจุดแรกที่ผมและครอบครัว
ให้ความเห็นตรงกันว่า ล้วนแต่ใช้เส้นสายที่เน้นความคมชัด ผสานกับพื้นผิวที่ดูโค้งมน
จนทำให้รูปลักษณ์ภายนอกของตัวรถดูวัยรุ่นขึ้นอย่างมาก แม้แต่คุณแม่ของผมเองยังตกใจ
และไม่เชื่อว่านี่คือ Teana โฉมใหม่เลยล่ะ!! จากเดิมรุ่นปัจจุบันที่ดูวัยรุ่นขึ้นกว่ารุ่นแรกแล้ว
หากได้เห็น Teana โฉมใหม่ตัวเป็นๆแล้วล่ะก็ คุณจะรู้สึกถึงความกระชากวัยจนแทบอยาก
จะกลับไปมีอายุ 14 ปี อีกครั้งเลยล่ะ (ใครทันเพลงนี้บ้างเนี่ย? แอบเช็กอายุคนอ่าน)

โคมไฟหน้าและไฟท้ายทรงบูมเมอแรง ดูลงตัวมากกว่าที่ผมนึกไว้ ส่วนเส้นสายที่รู้สึกขัดใจ
น่าจะเป็นช่วงประตูหลังและซุ้มล้อหลัง ที่ผมเข้าใจว่าทีมออกแบบพยายามกลบเส้นสายบ่า
ด้านข้างตัวรถให้เข้ากับซุ้มล้อหลัง แต่มันกลับทำให้ดูคล้ายแก้มของคนที่เพิ่งไปผ่าฟันคุด
จนบวมตุ่ยเสียอย่างนั้น โดยดูเหมือนว่าจะหาทางแก้ยากเสียด้วย เพราะหากจะขยายโหนก
ซุ้มล้อหลังให้ใหญ่กว่านี้ ก็จะทำให้เสียเส้นบ่าของตัวรถอันเปรียบเสมือน Character Line
ในจุดนั้นไป

alt

คันที่ผมได้ใช้นั้นเป็นรุ่น 2.5S ซึ่งถือว่าเป็นรุ่นรอง Base (เคยได้ยินแต่รุ่นรอง Top ใช่มั้ยครับ
แต่คันเนี้ย เป็นรุ่นรอง Base) ดังนั้นอุปกรณ์ก็อาจจะยังไม่หรูหราจัดเต็ม ตามประสาทางเลือก
ที่เน้นการใช้งานพื้นฐานเป็นหลัก ไม่เน้นความไฮเทค ล้อทั้ง 4 ก็จะยังคงเป็นล้อเหล็กสวม
ฝาครอบพลาสติก (ซึ่งจะไม่มีวันได้เห็นในเวอร์ชันไทย เด็ดขาด!) แต่เห็นด้วยกับผมไหมครับ
ว่าขนาดเป็นล้อฝาครอบ ก็ยังไม่ฉุดให้ตัวรถหลุดออกจากความสปอร์ต วัยรุ่นออกไปได้เลย

ส่วนภายใน ก็เป็นความเปลี่ยนแปลงอีกหนึ่งจุดใหญ่ เพราะคุณจะไม่พบกับความรู้สึกแบบ
Resort ชั้นนำ อ่างอาบน้ำในโรงแรมชั้นดี หรือเตียงหรูริมชายหาดแบบที่ Teana รุ่นปัจจุบัน
เคยมีไว้ให้อีกแล้ว มันจะถูกแทนที่ด้วยความรู้สึกสปอร์ตโฉบเฉี่ยว แข็งแกร่งไปโดยสิ้นเชิง
ทั้งแผงคอนโซลหน้าที่เน้นความเหลี่ยมสันมากกว่ารุ่นเดิมชัดเจน

ส่วนคอนโซลกลางแม้จะออกแบบให้ลดความอ่อนโยนลงไป แต่ก็ไม่ละทิ้งประโยชน์ใช้สอย
ที่สะดวกต่อการใช้งานจริง ทั้งที่วางแก้วขนาดพอดี และช่องเก็บของกระจุกกระจิก เหล่ากุญแจ
และ Gadget ต่างๆที่ถูกใจผมมากๆ

แม้จะเป็นรุ่นรอง Base แต่แผงคอนโซลหน้าครึ่งบน แผงประตู ก็ยังถูกบุด้วยวัสดุนิ่มนิดๆ แบบ
Soft Touch อันเป็นสิ่งที่รถยนต์ราคาเกิน 1 ล้านบาทไทย ทุกคันควรจะมีได้แล้ว

ขุมพลังที่ใช้สำหรับ Teana ใหม่นี้ ก็จะถูกเปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน โดย Nissan ถอดขุมพลังตระกูล
VQ ที่ใช้มาตั้งแต่ Teana โฉมแรก และแทนที่ด้วย เครื่องยนต์ QR25DE เบนซิน 4 สูบ DOHC 16
วาล์ว 2.5 ลิตร แทน สร้างพละกำลังได้ 182 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 244 นิวตัน-เมตร ที่ 4,000
รอบ/นาที

เห็นลดจำนวนกระบอกสูบลงมาแบบนี้ แต่ปรามาสไม่ได้นะครับ เพราะเครื่องยนต์บล็อกนี้แม้จะ
สามารถทำแรงม้าได้เท่ากับ VQ25DE บล็อกเดิม แต่กลับมีแรงบิดสูงสุดมากขึ้นกว่าขุมพลัง VQ
รุ่นเดิม (228 นิวตัน-เมตร) ชัดเจน!! กำลังทั้งหมด จะถ่ายทอดสู่ล้อคู่หน้าผ่านเกียร์อัตโนมัติ
Xtronic CVT เช่นเคย

เมื่อผมได้นั่งบนตำแหน่งคนขับ ก็จะพบว่าบรรยากาศค่อนข้างแตกต่างจาก Teana รุ่นปัจจุบัน
เพราะ เวอร์ชันอเมริกานั้น ลดโทนความนุ่มสบายของเบาะนั่งลง แทนที่ด้วยเบาะที่โอบกระชับ
ซึ่งจุดนี้ผมไม่แน่ใจว่าในเวอร์ชันไทย จะเซ็ตความนุ่มของเบาะให้คล้ายคลึงกับ Teana รุ่นปัจจุบัน
หรือไม่ ตัวพวงมาลัยเองได้รับการออกแบบใหม่ให้เป็นแบบ 3 ก้าน พร้อมตกแต่งด้วยชิ้นเมทัลลิก
สีเงิน ส่วนปุ่มควบคุมเครื่องเสียงและหน้าจอ MID แบบใหม่ ใช้งานได้ถนัดมือกว่าเดิม

ความรู้สึกในการขับขี่ นั้น สิ่งแรกที่พบเลยก็คือ พวงมาลัยในความเร็วต่ำ เซ็ตมาเบามากครับ แต่มัน
เป็นความเบาที่เข้าท่า มีน้ำหนักพอดี แรงต้านมือขืนมือกำลังเหมาะ จนทำให้ผมสามารถพาหมอนี่
ขับซอกแซกในเมือง Seattle ได้อย่างสบายๆ จนลืมไปว่านี่คือรถขนาดใหญ่แบบ D-Segment เลยล่ะ

ถ้าจะสรุปให้เห็นภาพว่าพวงมาลัยในความเร็วต่ำมีน้ำหนักเบากว่า Teana รุ่นปัจจุบัน แต่มีน้ำหนัก
พอๆกับ Pulsar/Sylphy ก็คงไม่ผิด แต่พอขับขึ้นไฮเวย์ที่เป็นถนนกว้างหลายเลน และมักมีกระแสลม
พัดขวางถนนพวงมาลัยกลับปรับน้ำหนักให้หนักขึ้น (มาก) อย่างชัดเจน จนทำให้ไม่เกิดความรู้สึก
ตัวรถวูบไปมาแต่อย่างใด และสามารถควบคุมตัวรถได้อย่างมั่นคง

ส่วนพละกำลังของตัวรถ มีมาให้ใช้ในเมืองอย่างเหลือเฟือแน่ๆครับ ขุมพลัง QR25DE ถ่ายทอด
พละกำลังออกมาได้เป็นอย่างดี ช่วงออกตัวนั้น มีชีวิตชีวามากกว่าที่ผมคาดเอาไว้ แต่น่าเสียดายที่ผม
ไม่ได้ทำการจับเวลาอัตราเร่งในความเร็วต่างๆเอาไว้ (ไม่อยากเสี่ยงตัวเองให้เข้าไปนอนเล่นใน
ซังเตอเมริกัน) ส่วนช่วงความเร็ว 80-120 กิโลเมตร/ชั่วโมง เมื่อกดคันเร่งเพื่อทำความเร็ว รถก็พุ่ง
ทะยานไปข้างหน้าอย่างง่ายดาย สบายๆ

หากจับตามความรู้สึกของผม อัตราเร่งช่วงออกตัวจะทำได้กระฉับกระเฉงกว่า Teana รุ่นปัจจุบัน
แต่พอๆกันในย่านความเร็วสูง จนทำให้รู้สึกว่า เฮ้ย ถ้าหากเครื่องยนต์บล็อกนี้ทำสมรรถนะได้ดี
ถึงระดับนี้ แต่ให้ความประหยัดมากกว่าเดิม Nissan ก็ตัดสินใจถูกแล้วล่ะที่ยกเลิกขุมพลังรหัส
VQ ออกไปจาก Teana ใหม่

(จากการจับอัตราสิ้นเปลือง”คร่าวๆ” ด้วยการขับขี่แบบผสม บนมาตรวัด เฉลี่ย อยู่ที่ 15 กม./ลิตร ครับ)

จุดหนึ่งที่ผมสังเกตก็คือ ผนังด้านในห้องเครื่องมีการบุพรมซับเสียงเอาไว้เสียด้วยสิ ไม่รู้ว่ารุ่นที่
ผลิตขายในเมืองไทย จะถูกตัดออกไหมเนี่ย?

alt

ช่วงล่างของ Teana โฉมใหม่ ยังคงเลือกใช้ระบบแม็กเฟอร์สัน สตรัต สำหรับล้อคู่หน้า และระบบ
Multi-Link สำหรับล้อคู่หลังเช่นเคย แต่สัมผัสที่ผมจับได้จากการขับขี่ Teana ใหม่ กลับพบว่า Nissan
ได้ลดทอนความนุ่มนวลของช่วงล่าง ในเวอร์ชันอเมริกันออกไป ทั้งที่มันเป็นสิ่งที่ผมประทับใจจาก
Teana รุ่นปัจจุบันมากที่สุด

แต่กระนั้น เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง Teana ใหม่ก็ยังคงสาดเข้าโค้งได้อย่างมั่นใจเช่นเดิม เพียงแต่
เมื่อขับผ่านถนนที่มีความขรุขระ ช่วงล่างจะไม่ดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้นุ่มนวลเหมือนรุ่นปัจจุบัน
ผมก็ไม่แน่ใจว่าในเวอร์ชันไทยจะมีการเซ็ตช่วงล่างให้เน้นความนุ่มนวลมากกว่า Altima หรือเปล่า

ทั้งพวงมาลัยที่คล่องตัวในความเร็วต่ำ พละกำลังที่พอใช้ทั้งในเมืองและนอกเมือง ทำให้ 2 วันที่ผม
ใช้ชีวิตร่วมกับ Nissan Altima คันนี้ผ่านไปอย่างมีความสุข เป็นเพราะตัวรถให้ความรู้สึกขับง่ายขึ้น
มากกว่าเดิมมากจนผมติดใจ และคิดว่านี่เป็นรถยนต์ D-Segment ที่ใช้ชีวิตร่วมกันได้ง่ายขึ้นมาก

หากสรุปว่าฟีลลิ่งในการขับขี่ Teana ใหม่ ขับง่ายขึ้นจนเหมือนขับ Sylphy ที่มีขนาดตัวใหญ่ขึ้นและ
พละกำลังมากขึ้นก็คงไม่ผิด

อย่างไรก็ตาม การที่ Nissan เลือกที่ปรับบุคลิกของ Teana ใหม่ ให้สอดคล้องกับ Altima และพยายาม
ปรับให้เอาใจคนหนุ่มสาวมากขึ้น รวมถึงการเปลี่ยนมาใช้ เครื่องยนต์แบบ 4 สูบเรียง ส่งผลให้ความ
รู้สึกในการขับขี่”เบา”ขึ้นกว่าเดิมชัดเจน ทั้งการออกตัว การขับผ่านผิวถนนขรุขระ หรือการเลี้ยวเลาะ
ซอกแซกในเมือง มัน”เบา”มากขึ้นกว่าเดิมอย่างชัดเจน นั่นทำให้ผมรู้สึกเสียดายฟีลลิ่งทรงพลังอย่าง
หนักแน่นในแบบฉบับเครื่องยนต์ V6 และการเซ็ตช่วงล่างที่เน้นความนุ่มสบายและมั่นคงในขณะ
ขับขี่ด้วยความเร็วสูงของ Teana รุ่นปัจจุบันเหลือเกิน

ผมไม่ได้บอกว่าความรู้สึกที่ได้จาก Teana ใหม่มันไม่ดีนะครับ แต่มันคือความเปลี่ยนแปลงไปสู่อีก
จุดหนึ่ง ซึ่งเป็นจุดที่น่าจะถูกใจใครหลายๆคนอีกไม่น้อย ซึ่งผมรู้สึกตั้งแต่การใช้ชีวิตร่วมกับ Teana
รุ่นใหม่ได้ 2 วัน แล้วว่า Teana โฉมใหม่นี้ น่าจะถูกใจกลุ่มผู้ที่ชื่นชอบความง่ายในการขับขี่ แถมยัง
เอาใจกลุ่มสุภาพสตรีมากขึ้นเสียด้วย จากเดิมที่ Teana จะเป็นรถยนต์ที่หนักแน่น นุ่มสบายในการ
เดินทาง อันเป็นจุดเด่นที่ฉีกออกไปจากทั้ง Camry และ Accord แต่ในรุ่นใหม่นี้ จะเป็นการเปลี่ยน
ไปเป็นรถยนต์ที่นั่งสบายพอตัว แต่ขับง่าย ขับคล่อง ใช้ชีวิตได้ลัลล้ามากกว่าเดิม แถมรูปลักษณ์
ภายนอกและภายในยังเน้นความสปอร์ต วัยรุ่น มากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

แต่ความเปลี่ยนแปลงทั้งหมดนี้ มันจะเป็นความเปลี่ยนแปลงที่ถูกใจคนไทยหรือไม่?

ตุลาคมนี้ รู้กันครับ

alt

—————————–///—————————–

(หมายเหตุ : ขอแถลงกันตรงนี้ว่า การขับ Nissan Altima ครั้งนี้ เป็นไปอย่างค่อนข้างกระทันหัน
ทำให้ไม่ได้เก็บรูปภาพของตัวรถมามากมายนัก รูปประกอบอาจจะน้อยไปสักนิดหนึ่ง ผนวกกับ
นี่เป็นบทความทดลองขับชิ้นแรกของผม หากมีจุดไหนขาดตกบกพร่อง ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้
ด้วยนะครับ และใครที่ขโมยรูปภาพและเนื้อหาบทความไปใช้โดยไม่มีการอนุญาตอย่างเป็น
ทางการ เตรียมรับหมายศาลเอานะจ๊ะ!)

TOYD
สงวนลิขสิทธิ์ ทั้งบทความ และลิขสิทธิ์ภาพถ่ายในไทย เป็นผลงานของ ผู้เขียน
ห้ามนำส่วนหนึ่งส่วนใดหรือทั้งหมด ไปใช้โดยไม่ได้รับอนุญาต
เผยแพร่ครั้งแรกใน www.Headlightmag.com
12 กันยายน 2013

Copyright (c) 2013 Text and Pictures
Use of such content either in part or in whole without permission is prohibited.
First publish in www.Headlightmag.com
September 12th, 2013