ทดลองขับ Ford Laser TIERRA 1.8 ลิตร รุ่นปี 2002

By : J!MMY

 

 

(หมายเหตุ : บทความนี้ ถูกนำออกเผยแพร่ครั้งแรกในเว็บไซต์ www.pantip.com/cafe/ratchada

เมื่อเดือนสิงหาคม 2002 และมีการปรับปรุงแก้ไข ในรายละเอียดเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ส่วนภาพประกอบนั้น เนื่อจากในสมัยนั้น

ยังไม่มีการอนุญาตให้โพสต์รูป ลงใน pantip.com จึงไม่มีการถ่ายภาพเก็บเอาไว้ )

 

1 สิงหาคม 2002

เมื่อวานนี้ มีโอกาสไปถ่ายทำ VCD นอกสถานที่
ซึ่งเป็น VCD แนะนำการตรวจบำรุงรักษารถยนต์ง่ายๆ
ด้วยตัวเอง จากทางฟอร์ด เซลส์ ประเทศไทย จำกัด
VCD นี้ จะแจกฟรีแนบไปกับ Thaidriver ฉบับ 38
ซึ่งจะวางแผงในช่วงปลายเดือนนี้ถึงต้นเดือนหน้า

นายแบบของเราคราวนี้ ก็คือ ฟอร์ด เลเซอร์ เทียร์รา 1.8 Ghia สีดำ
เกียร์อัตโนมัติ 4 จังหวะ

คุณหนุ่ม จากฟอร์ด นำรถมาส่งให้กับเราช่วงเย็นวันพุธ
และเราจะถ่ายทำกันในวันพฤหัส หรือเมื่อวานนี้
ก่อนจะส่งรถคืนในวันนี้ ซึ่งผมไม่ได้อยู่ด้วยในช่วงส่งคืนรถ
(เพราะไปนั่งสนทนากับพี่ๆเพื่อนๆกลุ่มหนึ่งเกี่ยวกับไพ่ Tarot )

ตลอดระยะเวลาหลายชั่วโมงในการถ่ายทำ นานพอให้ผม
ได้สำรวจทั่วทั้งคันรถ และได้เห็นในเกือบทุกสัดส่วน

การปรับโฉมไมเนอร์เชนจ์ครั้งใหญ่ของเลเซอร์
หรือที่ทำตลาดในเขตเอเซียในชื่อ LYNX
(ซึ่งเป็นรถยนต์ฝาแฝดกับ มาสด้า 323 โปรทีเจ /แฟมีเลีย ซีดาน
มาแต่ไหนแต่ไร)
นับว่าสร้างความแปลกตาให้กับผู้คนที่ได้พบเห็น
อย่างมาก เพราะเรียกได้ว่าเปลี่ยนภาพลักษณ์จนหรูกันไปข้างนึง
เลยทีเดียว

สังเกตว่า การออกแบบกระจังหน้า จะใช้สไตล์เดียวกับ ฟอร์ด ยุโรป
มาผสมกับสไตล์ของไต้หวัน ช่วยคาบเกี่ยวกันด้วย ชุดไฟหน้าแบบมัลติรีเฟคเตอร์
พร้อมสวิชต์ปรับลำแสงได้บนแผงหน้าปัด กันชนหน้า สวยขึ้นครับ
มาในสไตล์โมเดิร์น พร้อมไฟตัดหมอกทรงกลมร่วมสมัย แนบชิดเป็น
แนวเดียวกับส่วนโค้งมนของกันชนหน้า
ขณะเดียวกัน แผงไฟท้าย ก็เล่นกับเลนส์วงกลมใสตามสมัยนิยม

ห้องโดยสาร เข้าใจเลือกโทนสีครับ เลือกใช้วัสดุตกแต่งได้ดีขึ้น
ชอบที่สุดคือ ฟรอนต์เอนด์ ของไพโอเนียร์ มาในลุคส์แบบญี่ปุ่น
แต่การใช้งานนั้น ต้องค่อยๆทำความเข้าใจกันนิดนึงครับ
บางฟังก์ชัน กว่าจะเข้าถึงได้นั้น ต้องกด ต้องลองอยู่หลายครั้งทีเดียว
แต่ก็พอจะให้คุณภาพเสียงที่ รับได้ครับ กับ 4 ลำโพงติดรถ
ผมลองเอาซีดีของกลุ่มโมโนโทน เสียบเข้าไปเล่น แล้วลองปรับแต่งเสียงดู
ก็ถือว่า เสียงพอฟังใช้การได้ครับ

ตัวเครื่องยนต์ และรายละเอียดทางวิศวกรรม
ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากรุ่นเดิม

ดังนั้น สิ่งใดที่จะเปลี่ยนอย่างไรบ้าง ไม่ขออธิบายนะครับ
เพราะคุณๆสามารถเข้าไปดูได้ที่เว็บไซต์ http://www.ford.co.th
แล้วลิงก์เข้าไปที่ spacial webpage ของเทียร์รา ได้โดยตรง

ถ้าได้แต่มอง ก็คงจะใช่ที่ ไหนๆนั่งมาด้วยทั้งที
จะลองเปลี่ยนไปเป็นคนขับบ้าง เพื่อทดลองดูสมรรถนะ
ก็คงจะไม่เสียหาย ถ้าเรามั่นใจว่า เรามีสติและการ
ระมัดระวังอุบัติเหตุมากพอเพียงพอในการขับ
ขากลับ ก็เลยขออนุญาต พี่ทั้ง 2 ในกอง บก. ซึ่งเป็นทั้ง
ตากล้อง และผู้แสดงแบบ ขับกลับมาที่ออฟฟิศ
ซึ่งทั้งสองก็ไม่(อยาก)ขัดข้อง (เด็กบ้าอย่าง) ผม เท่าไหร่นัก

ในขณะออกจากปั้มน้ำมัน แล่นไปตามสภาพการจราจรติดขัด
เลเซอร์ ก็ยังคงความคล่องตัวไม่ต่างจากคอมแพคท์ซีดานทั่วๆไป
บรรยากาศในห้องโดยสารนั้น ไม่อึดอัด แต่รู้สึกสบายกำลังพอเหมาะ
ให้พอรู้สึกตัวว่า กำลังขับรถอยู่ ไม่ได้นั่งอยูในบ้าน

ตอนนั้น เย็นแล้ว ตะวันตอแสงใกล้ค่ำ แต่ยังพอมีความสว่างบนฟ้าอยู่
ผมมองหาที่เก็บแว่นตากันแดด ที่ผมมักพกไปไหนต่อไหนเสมอ
แต่น่าเสียดายครับ…เลเซอร์ เทียร์รา ไม่มีที่เก็บแว่นตาให้ผมเลย
ไม่ว่าจะส่วนไหนของห้องโดยสารก็ตาม

หากจะวางเก็บไว้ในกล่องคอนโซลขนาดเหมาะสมข้างลำตัว
บริเวณเบรกมือ ก็เกรงว่านิสัยขี้ลืมจะทำให้คนที่ยืมรถคันนี้ต่อจากเรา
หลงดีใจเล่นว่า ฟอร์ดใจดีจัง แถมแว่นกันแดดมาให้ใช้ฟรีๆอีกด้วย
เลยฝากวางไว้แถวๆเบรกมือนั่นแหละครับ

พอขึ้นบนทางด่วนเมืองทอง ขณะที่ผมกำลังขับตามแท็กซี่ นิสสัน เซ็นทรา บี13
เขียวเหลืองคันหนึ่งอยู่ในเลนขวา ก็มีโตโยต้า ไมตีเอ็กซ์สีน้ำเงินเข้ม
ที่ผมเพิ่งแซงผ่านมา อยู่ในเลนซ้าย ถัดจากรถคันที่ผมขับไปในระยะ
ที่เพียงพอให้ผมแทรกตัวฉีกแซงได้ ตอนแรก คิดไว้ว่าจะขับตามไปเรื่อยๆ
แต่ด้วยสภาพรถที่โทรมมาก จนเร่งไม่ขึ้นของแท็กซี่คันข้างหน้า
ประจวบกับมีช่องว่างระยะ 1 ช่วงตัวรถเพียงพอให้เราแทรกตัวได้พอดี

จะรออะไรอีกละ?

ทั้งที่เรากำลังอยู่ในโค้งขวา ผมก็กดคันเร่งจนมิด ให้ทอร์ค คอนเวอร์เตอร์
ช่วยเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำ ให้มีกำลังมากพอกับการที่ผมจะตบออกสู่เลนซ้าย
แล้วแซงขึ้นหน้าแท็กซี่คันดังกล่าว ทั้งที่อยู่ในโค้ง โดยไม่ลืมเปิดไฟเลี้ยวซ้าย
ให้รถกระบะคันที่ตามมา เพิ่มความระมัดระวังให้ตัวเขาเองด้วย

เข้าใจว่า ณ ความเร็วระดับ 60 กิโลเมตร/ชั่วโมงในโค้ง ผมกดแล้วฉีกตัวออกมา
โดยตอนนั้น เกียร์น่าจะเปลี่ยนอยู่ในตำแหน่ง 2 ผมต้องใช้วิธีเดาเอาจากรอบเครื่องยนต์
ที่พุ่งสูงขึ้น จากนั้น เมื่อแซงพ้นแล้ว ผมถอนคันเร่ง แล้วเลี้ยงรถอยู่ในโค้ง เพื่อเตรียม
ดิ่งในช่วงขาลงสะพานนั้น แต่ผมไปต่อไม่ได้ เพราะมีรถเบนซ์ W124 สีบรอนซ์ ขวางอยู่ข้างหน้า
ผมจึงทำได้แต่ตามท้ายรถเบนซ์อยู่ห่างๆ
ในระหว่างนี้ คาดเดาจากมาตรวัดรอบเครื่องยนต์คร่าวๆ แบบไม่ละเอียดว่า
เกียร์ เริ่มเปลี่ยนกลับมาอยู่ในตำแหน่งที่ 3 และเข้าสู่เกียร์ 4 ตามลำดับ

ที่ผมต้องเดาตำแหน่งเกียร์เอาเองนั้น
“เนื่องจากว่า เลเซอร์ เทียร์ร่า ไม่มีสัญญาณไฟบอกตำแหน่งเกียร์
ไม่ว่าจะบนแผงหน้าปัด หรือที่คันเกียร์ก็ตาม”

ทันทีที่ผมฉีกตัวออกจากเบนซ์คันนั้นได้ ผมก็กดคันเร่งของ เลเซอร์ เทียร์ร่า คันนี้
ประมาณ 80% เพื่อคิก-ดาวน์ ลงสู่เกียร์ 3 แล้วแช่คันเร่งไว้อย่างนั้น
ปล่อยให้เข้มความเร็วของสาวน้อยติดหรูสีดำคันนี้ พุ่งสูงขึ้นจากระดับ 80-90 กม/ชม.
สู่ระดับ 160 กม./ชม.”ในชั่วเพียงอึดใจ” เสียดายว่าไม่ได้จับเวลาไว้ เพราะทุ่มสมาธิไปกับ
การจับอาการของตัวรถทั้งคัน ทราบได้แต่เพียงว่า ขึ้นได้เร็วอย่างเหมาะสม
คือไม่ถึงกับปรู๊ดปร๊าดแบบรถสปอร์ต แต่เป็นการขึ้นอย่าง “สาวน้อยผู้รู้จักกาละเทศะ”

ความเร็วสูงสุดที่ผมทำได้ในเย็นวันนั้นอยู่ที่ระดับ 170-175 กิโลเมตร/ชั่วโมง
และมีทีท่าว่าจะไหลต่อได้อีกเล็กน้อย
แต่ด้วยสภาพการจราจรที่ ไม่โล่งมากนัก ดังนั้น การหาความเร็วสูงสุด จึงทำได้ยากลำบาก
จนผมเลิกล้มความคิดนี้ไปเลย คิดได้ดังนี้ จึงหันมาดูในเรื่องสมรรถนะเป็นภาพรวม

บนทางด่วน ผมอาศัยการเปลี่ยนเลนเป็นการสังเกตการตอบสนองของระบบกันสะเทือน
และระบบบังคับเลี้ยว ในช่วงความเร็วต่ำ การเปลี่ยนเลน เป็นไปอย่างปกติ
แต่ในช่วงการเปลี่ยนเลนด้วยความเร็วสูง ก็ยังคงความคล่องตัวไม่ต่างจาก
ช่วงความเร็วต่ำ

เมื่อเช้าสู่ด่านเก็บเงินใหญ่ ผมออกตัวแล้วจับเวลาคร่าวๆ
จาก 0-100 กม./ชม. เลเซอร์ เทียร์รา ทำได้ที่ประมาณ 12 วินาทีเศษๆ
ใกล้เคียงและสอดคล้องกับผลการทดสอบของ Thaidriver เมื่อครั้ง
ทำ Competition test 323/Laser/Civic/Sunny Neo

ก่อนถึงทางลงทางด่วนพระราม 6 มีรถซีดานสีเข้มคันหนึ่งขวางอยู่ข้างหน้าที่เลนซ้าย
และใช้ความเร็วต่ำ เมื่อเหยียบเบรกแบบไม่เต็มเท้า เพื่อหน่วงความเร็ว
ดิสก์เบรกทั้ง 4 ล้อก็ให้การตอบสนองที่ดี การหน่วงความเร็วถือว่าอยู่ในระดับปกติ
คือ หน่วงจนความเร็วลดลงกำลังดี ไม่รวดเร็วและไม่ช้าเกินการณ์
ไม่ต้องให้ลุ้นจนเสียวเล็กๆเพราะหน่วงช้าเหมือนในวอลโวบางรุ่น
เสียดายที่ไม่ได้ลองใช้ระบบเอบีเอส และระบบกระจายแรงเบรก EBD
เลยไม่ได้มาเล่าสู่กันอ่าน

ช่วงขาลงจากทางด่วนพระราม 6  ผมปล่อยเท้าจากคันเร่ง ปล่อยให้รถไหลที่ความเร็ว
80 กิโลเมตร/ชั่วโมง ซึ่งเหมาะสมที่จะเปิดทางให้เรียนรู้อาการของรถในโค้งอีกครั้ง
โดยไม่เป็นอันตรายต่อเพื่อนผู้ร่วมทางคันอื่นๆ

โค้งนี้ จะเป็นโค้งที่ลึก เข้าด้วยซ้ายก่อน แล้วตามด้วยขวาในเกือบจะทันที
แถมช่วงปลายๆโค้งตรงเชิงทางลง จะหักข้อศอกอีกเล็กน้อย นั่นหมายความว่า
แม้คุณจะถือพวงมาลัยในระยะที่คุณคิดว่าเหมาะสมแล้ว แต่ถ้าคุณแล่นลงมาเร็ว
เกินการควบคุม คุณก็มีสิทธิ์คร่อมเลนข้ามจากขวาไปซ้าย หรืออาจจะแหกโค้ง
พุ่งชนกับขอบทางก็เป็นได้ ซึ่งต้องเพิ่มความระมัดระวังมาก
ทางลงจากทางด่วนช่วงพระราม 6 นี้ ทั้ง ฝั่งขาเข้าและขาออกกรุงเทพ
เป็นแบบนี้เหมือนกันทั้ง 2 ฝั่ง

เมื่อเลี้ยวเข้าสู่โค้งซ้าย รถก็ยังคงมีอาการเหมือนรถขับเคลื่อนล้อหน้าตามปกติ
คือ จิกเกาะถ่ายเทน้ำหนักลงสู่ล้อหน้าฝั่งขวา แต่ด้วยความเร็วระดับนี้
ซึ่งถือว่ากำลังดี รถจึงไม่ออกอาการไถลไปข้างหน้า หรือ Understeer
แต่พอเปลี่ยนมาเป็นโค้งขวา หากยังเลี้ยงพวงมาลัยให้นิ่ง แต่ไม่ลดความเร็วลง
ก็เสี่ยงต่ออันตราย แต่เมื่อถึงจังหวะนี้ ความเร็วถูกลดลงเองจาก 80 เหลือประมาณ
60-70 กม./ชม. กับโค้งขวาหักศอก ที่ผมใส่โดยไม่แตะเบรก และปล่อยให้รถ
แสดงอาการของมันออกมา ก็ไม่มีปัญหาอะไร

สรุปแล้ว ระบบกันสะเทือนหน้า แบบแมคเฟอร์สันสตรัต
และด้านหลังแบบ TTL (Twin Trapezoidal Link)
ให้การตอบสนองที่ดีครับ ค่อนข้างนิ่ง และถ่ายทอดความรู้สึก
จากพื้นถนนขึ้นมาได้ดี แม้แต่การแซงและเปลี่ยนเลนที่ความเร็วระดับ
160 กม./ชม. ก็ให้ความมั่นใจผิดจากคอมแพคท์ซีดานทั่วไปพอสมควร
แต่แน่นอนว่า พวงมาลัยก็ยังพอมีอาการสั่นเล็กๆน้อยๆอยู่บ้าง
ซึ่งจะว่าไปแล้ว ก็ไม่ควรจะมี

พวงมาลัยให้การตอบสนองดีมากแม้ในความเร็วสูงก็จริง
เพราะเป็นระบบแร็กแอนด์พีเนียน พร้อมเพาเวอร์ และระบบปรับแรงดันน้ำมันพวงมาลัย
ตามรอบเครื่องยนต์ หากรอบเครื่องยนต์ต่ำ ซึ่งมักจะสอดคล้องกับ
ความเร็วต่ำในเมือง พวงมาลัยจะเบา แต่เมื่อใช้ความเร็วสูงขึ้น รอบเครื่องยนต์ที่ใช้
จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ทำให้มีการลดการส่งแรงดันน้ำมันพวงมาลัยเพาเวอร์
ส่งผลให้พวงมาลัยหนักขึ้น ซึ่งเป็นข้อดี ในการขับด้วยความเร็วสูง
เพราะจะทำให้ระบบพวงมาลัย เที่ยงตรง และคนขับไม่ต้องหวาดเสียวมาก

แต่ ระบบพวงมาลัยของรถคันนี้ก็ถ่ายทอดสดทุกแรงสั่นสะเทือนจากผิวถนน
มาให้คนขับรับรู้แบบ ชนิดที่ว่า ก้อนหินทุกก้อน รอยต่อทุกรูปแบบ
ก็ถ่ายทอดสดมาให้ชนิดที่ไม่ผิดเพี้ยน เหมือนคุณนั่งดูถ่ายทอดสด
ฟุตบอลคู่โปรดส่งตรงจากอังกฤษอย่างไรอย่างนั้น ซึ่งกับรถคอมแคท์
ซีดานแบบนี้ ผมว่าแล้วแต่ความรู้สึกของแต่ละบุคคลมากกว่า

สำหรับแล้ว ถ้าเป็นความรู้สึกส่วนตัว ผมชอบในระดับหนึ่ง เพราะมันเป็นเรื่องดี
ที่เราจะรับรู้สภาพถนนอย่างละเอียด และทำให้เรารู้สึกตื่นตัวตลอดเวลาในการขับขี่

แต่เมื่อลองปรับสภาพการรับรู้ เปลี่ยนมาเป็นคนขับรถวัยทำงานทั่วไป
ที่ไม่ใช่คนขับรถเร็วเป็นปกตินิสัย หรือคนที่ชอบขับรถแบบเรื่อยๆมาเรียงๆ
ผมเองชักไม่แน่ใจว่า พวกเขาจะเกิดความเครียดในการควบคุมรถ
ในย่านความเร็วสูงเกินกว่ามาตรฐานปกติ 120 กม./ชม.เหมือนอย่างที่ผมเจอมาหรือไม่
ในวันที่พวกเขาเกิดเปรี้ยวเท้าขึ้นมา แล้วคิดจะลองเล่นกับรถตัวเอง

การถอยเข้าจอดนั้น ขนาดของกระจกมองข้าง ต้องอาศัยความเคยชิน
เนื่องจากมีขนาดเล็กกว่าชาวบ้านเขานิดหน่อย หากเป็นรถคันอื่นๆ ทั่วๆไป
ผมสามารถกะมุมแล้วถอยเข้าช่องจอดได้ทันที แต่กับเลเซอร์ เทียร์รา
ผมต้องใช้สวิชต์ไฟฟ้าปรับตำแหน่งกระจกให้มองลงในมุมต่ำ เพื่อช่วยกะระยะ
หากเปลี่ยนไปใช้กระจกมองข้างที่มีขนาดใหญ่กว่านี้อีกเล็กน้อย ก็คงจะดี

บทสรุป

ข้อดี

จะว่าไปแล้ว คาแรคเตอร์ของ เลเซอร์ เทียร์รา 1.8
ก็เปรียบได้กับ สาวน้อยฝาแฝดผู้น้องอายุประมาณ 20-25
ที่ชอบความหรูหรา แต่มีรสนิยมที่ดี เธอคนนี้ ไม่จำเป็นที่เรา
ต้องเลี้ยงดูด้วยเงินมากนักหากคิดจะคบเป็นแฟน และเราสามารถ
เลี้ยงเธอด้วยส้มตำหน้าปากซอยได้ กินง่ายเลี้ยงง่าย
(ฟังดูเหมือนเลี้ยงเจ้าพุดเดิ้ลตัวน้อยเลยแหะ)

มีความเป็นตัวของตัวเองในระดับหนึ่ง แต่ก็ถอดพิมพ์มาจากพี่ชายของตน
มามากพอดู (เพียงแต่พี่ชายของเธอ เป็นหนุ่มเท้าไฟ
เอาใจนักซิ่งก็เท่านั้น)

แต่ถ้าคราใดที่เธอเกิดอยากทำตัวเปรี้ยวหรืออยากวีนขึ้นมา….
อย่าขวางทางปืนเชียวนะครับ…
แฝดผู้น้องสุดสวยคนนี้ ก็มีฤทธีไม่ปราณีผู้ใดใช่เล่นซ่อนอยู่เหมือนกัน

จุดที่ควรปรับปรุงในรถรุ่นต่อไป
1.ช่องเก็บของต่างๆ น่าจะหามาติดตั้งเพิ่มเติมมากกว่านี้

2.ไฟบอกตำแหน่งเกียร์อัตโนมัติกลายเป็นสิ่งจำเป็นในรถสมัยใหม่
ไปแล้วครับผม ถ้าจะติดตั้งไว้ให้ในรถรุ่นต่อไป ก็จะดีไม่น้อย

3.การประกอบ วัสดุ ถือว่ารับได้ครับ เข้าใจเลือกโทนสี สบายตาดีครับ
อยูในรถนานๆก็ยังไม่เบื่อ

ส่วนงานประกอบภายนอกคันรถ ถือว่า เนียนใช้ได้ พอๆกับ
ฝีมือแรงงานไทย

แต่ขาดความประณีตในการประกอบในบางจุด เช่น ช่องไฟระหว่าง
แผงหน้าปัด กับแผงประตูทั้ง 2 ฝั่ง ไม่เท่ากันครับ

เรื่องนี้ ไม่รู้จะโทษโรงงานของฟอร์ด/มาสด้าที่ฟิลิปปินส์ดีไหม
เพราะผมไม่แน่ใจว่า เขาสั่งอะไหล่ชิ้นใดจากเมืองไทยไปใช้บ้าง

เอาเป็นว่า เรื่องนี้ ยังถือว่าควรปรับปรุงอย่างมากครับ

4.พวงมาลัย รับความรู้สึกจากพื้นถนนมามาก หากใช้ความเร็วสูง
อาจก่อให้คนขับบางกลุ่มที่มีทักษะการขับเกิดความเครียดได้
ไม่ใข่เครียดเพราะเบาหวิว แต่เครียดเพราะว่ารับรู้ความรู้สึก
จากพื้นถนนทุกเม็ดทุกหน่วยๆจนเกินไป

แต่หากเป็นคนขับที่มีประสบการณ์และเคยชินกับรถยนต์สมรรถนะสูง
รถคันนี้จะเปรียบเสมือนของว่างยามบ่ายแกล้มน้ำชาสำหรับคุณ

—————————————————————-
สรุป

ใครอยากได้ มาสด้า 323 โปรทีเจ
แต่ต้องการเครื่องยนต์แค่ 1,800 ซีซี (ซึ่งตอนนี้โปรทีเจ
มีแค่ 1,600 ซีซี หรือข้ามไปเป็น 2,000 ซีซี ไปเลย)
หรือต้องการความหรู ในระดับราคาที่สมเหตุสมผล
และเป็นคนที่ซื้อรถไว้ใช้งานจริงๆ ไม่ได้มีเหตุผล
ในเรืองของภาพลักษณ์ทางสังคมมากนัก

เลเซอร์ เทียร์รา ก็ถือได้ว่าเป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ
แลกกับสมรรถนะและความคล่องตัวในการขับขี่ที่
ไว้ใจได้ตามสมควร
แต่คงต้องยอมรับความจริงว่า
ด้วยปัจจัยต่างๆทุกวันนี้ ทั้งในเรื่องศูนย์บริการ
และราคาขายต่อ ยังทำให้ เทียร์รา
ยังก้าวไปไม่ถึงระดับ “ไม่ควรมองข้าม”

โอกาสที่ฟอร์ดจะก้าวพ้นขีดจำกัดนี้ในเมืองไทย ยังมีครับ
แต่เป็นในอนาคต ไม่ใช่วันนี้

————————————–