ในวันนี้ Ford ได้ปรับกลยุทธ์การทำตลาดรถยนต์ในกลุ่ม B-Segment ในยุโรปใหม่แล้ว ด้วยการมีรถขนาดเล็กให้เลือกถึง 2 รุ่น หากลูกค้าต้องการรถเล็กคุณภาพที่มีดีไซน์น่าสนใจ, มีคุณภาพภายในห้องโดยสาร/การขับขี่ในระดับที่สูง ก็ต้องเลือก Ford Fiesta รุ่นใหม่ที่จะมีราคาแพงกว่าตัวเดิม แต่ถ้าหากลูกค้าต้องการรถเล็กที่มีคุณภาพโดยรวมพอใช้การได้ โดยเน้นราคาที่พอจับต้องได้และมีขนาดภายในห้องโดยสารกว้างขวางเกินคาดก็ต้องเลือก Ford Ka+ แทน

Ford Ka+ รุ่นปัจจุบันเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2014 ทำตลาดในฐานะเป็นทางเลือกใหม่ของรถยนต์ B-Segment ที่มีราคาประหยัดกว่า Ford Fiesta ในยุโรป ซึ่งก็แน่นอนว่าลูกค้าส่วนใหญ่ก็ยังคงมี Fiesta อยู่ในทางเลือกหลักมากกว่า Ka+ อยู่ดี เมื่อเทียบจากยอดขายที่ผ่านมา

ไม่ว่าลูกค้าจะคิดเช่นไรหรือสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่ Ford ก็ยังคงจำเป็นต้องปรับโฉม Ka+ ให้มีความสดใหม่อยู่ตลอด เพราะรุ่นปัจจุบันเปิดตัวครั้งแรกในตลาดโลกเมื่อปี 2014 และกว่าจะขายในตลาดยุโรปก็รอถึงช่วงปลายปี 2016 กันลยทีเดียว หากไม่เปลี่ยนแปลง เห็นทียอดขายของมันก็จะค่อย ๆ ลดลงทีละนิด

Ford Ka+ Minorchange ถูกเผยโฉมอย่างเป็นทางการในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2018 มีการปรับเปลี่ยนดีไซน์รอบคันเพื่อให้ตัวรถดูมีราคามากยิ่งขึ้น ด้วยการเปลี่ยนชุดกระจังหน้า ทรงใหม่ พร้อมเปลี่ยนเกล็ดกระจังหน้า, ไฟหน้าติดตั้ง DRL ใหม่, กันชนหน้า-ท้ายใหม่

พิเศษ Ford ได้แนะนำ Ka+ Active เพิ่มความสูงของตัวถังอีก 23 มิลลิเมตร เพิ่มชุดตกแต่งและกันกระแทกรอบคัน , รางยึดสัมภาระบนหลังคา

ภายในห้องโดยสารของ Ford Ka+ Minorchange มีการปรับปรุงยกเครื่องใหม่ด้วยการออกแบบแผงแดชบอร์ดกลางใหม่ ติดตั้งหน้าจอสัมผัสที่รองรับ SYNC3 ขนาด 6.5 นิ้ว รองรับ Apple Carplay และ Android Auto

อุปกรณ์มาตรฐานก็ถูกอัพเกรดให้ดูดีไม่แพ้รถยนต์ราคาแพงกว่าเลย ได้แก่

  • ระบบใบปัดน้ำฝนทำงานอัตโนมัติ
  • ระบบเปิด-ปิด ไฟหน้าอัตโนมัติ
  • เบาะหน้าปรับอุ่นได้
  • ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ
  • เซนเซอร์ช่วยถอยจอด

ส่วนระบบความปลอดภัยและช่วยเหลือผู้ขับขี่ ได้แก่

  • ระบบ Hill Start Assist
  • Cruise Control
  • ระบบ Speed Limiter
  • ถุงลมนิรภัย 6 จุด
  • ระบบควบคุมเสถียรภาพ ESC
  • ระบบตรวจวัดความดันลงยาง TPMS
  • ระบบ Ford MyKey ที่ช่วยจำกัดความเร็วและการใช้เสียง เมื่อบุตรหลานต้องการใช้รถ

Ford Ka+ Minorchange ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.2 ลิตร Ti-VCT ปล่อยค่าไอเสีย CO2 ต่ำ 114 กรัม/กิโลเมตร, เครื่องยนต์ดีเซล 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 95 แรงม้า (PS) แรงบิด 215 นิวตันเมตรที่ 1,750 – 2,500 รอบ/นาที

ถึงแม้ว่าตัวรถอาจเจาะกลุ่มในตลาดเกิดใหม่เป็นหลัก แต่ Ford ยุโรปก็เคลมว่า Ka+ Minorchange มีการปรับปรุงแชสซีส์ให้มีการขับขี่ที่เหมาะสมสำหรับลูกค้าชาวยุโรป ที่มีการปรับ Sub-Frame ใหม่, เปลี่ยนสปริง/โช๊คอัพ/ทอร์ชันบีมใหม่สำหรับการขับขี่บนท้องถนนในยุโรป นอกจากนี้ยังมีการเพิ่มซีลประตู, แผ่นซับเสียง เพื่อความเงียบสงบในห้องโดยสารมากขึ้น

สำหรับ Ford Ka+ จะมีการเพิ่มช่วงกว้างของแทร๊คล้อ, เปลี่ยนเหล็กกันโคลงที่มีขนาดใหญ่ขึ้น, พร้อมทั้งปรับจูนพวงมาลัยไฟฟ้า เพื่อให้เหมาะสมกับการขับขี่แบบ Crossover มากยิ่งขึ้น , ปรับจูนแดมเปอร์ เพื่อให้มีการขับขี่อย่างนุ่มนวล, ปรับระบบ ESC ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเมื่อมีการโหลดสัมภาระบนหลังคา

Ford Ka+ Minorchange พร้อมที่จะทำตลาดยุโรปภายในช่วงปลายปีนี้

ที่มา : Motor1